ดวงใจภวินท์ - บทที่ 409 พูดโกหกกับเขา
บทที่ 409 พูดโกหกกับเขา
ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เสียงผู้คนยังดังกระหึ่มเซ็งแซ่อยู่เช่นเดิม บรรดาแขกเหรื่อต่างพูดคุยกันด้วยความสนิทใจ บรรยากาศสมานสามัคคีมีไมตรีจิตกันอย่างสวยงาม
ท่ามกลางเสียงหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของผู้คน ธีทัตคอยชะเง้อมอง สีหน้าที่สงบเสงี่ยมและอบอุ่นอยู่มาตลอดกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตาเผยให้เห็นความร้อนใจออกมาเล็กน้อย
เมื่อมองเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยคนคนหนึ่ง แววตาของเขาหม่นหมองลงทันที พร้อมทั้งก้าวขายาวๆ เดินไปหาทันควัน “อันอัน”
อัญมณีได้ยินก็หันขวับมาตามเสียง สีหน้าปรากฏความเป็นไม่ธรรมชาติออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยากนักที่จะมีกิริยาสง่างามมากขึ้น “พี่”
“เจอตัวธิดาหรือยัง?”
ญาธิดาไปหานิวรา เรื่องระหว่างผู้หญิงด้วยกันเขาไม่สามารถแทรกมือเข้าไปยุ่ง เมื่อครู่โทรศัพท์หาเธอตั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขายิ่งเป็นห่วงหนักกว่าเดิม
“เจอแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแล้ว”
อัญมณีตอบคำถามตามน้ำไป พลันหยิบน้ำผลไม้ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแก้วหนึ่ง และหาตำแหน่งเพื่อนั่งลงอย่างเศร้าสร้อย และมีความรู้สึกไม่สบายใจเขียนไว้เต็มใบหน้า
ธีทัตเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม จึงรีบซักไซ้ไล่เลียงทันควัน “อันอัน แกเป็นอะไร?”
หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ แล้วเหรอ?
“ไม่มีอะไร ก็แค่เจอกับคนที่ฉันไม่อยากจะเจอหน้าเท่านั้นเอง”
อัญมณีจัดการกระดกน้ำผลไม้ครึ่งแก้วเข้าปากรวดเดียว ก่อนที่จะโดนธีทัตซักต่อนั้น ก็ชิงพูดต่อทันที “พี่ พี่อย่าถามเลย ฉันไม่อยากเอ่ยถึง”
ธีทัตเห็นดังนั้น ก็อึ้งทันทีและไม่ได้ถามไถ่ต่อ
ในสถานการณ์คับขันห้องหัวใจของเขาต่างคิดตามหาตัวญาธิดา เรื่องอื่นจึงไม่ได้สนใจมากนัก
จู่ๆ ก็มีเงารูปร่างสง่างามคนหนึ่งกระแทกเบ้าตา เขาจ้องมอง จนดีใจยกใหญ่ทันที
ญาธิดานั่นเอง!
“ธิดา ทางนี้ครับ”
พอญาธิดาได้ยิน ก็แหงนคอชะเง้อมอง ซึ่งสามารถมองเห็นธีทัตกับอัญมณีอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลนัก พลันยกมุมปากยิ้มให้ พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
“อันอัน แกก็มาด้วยเหรอ?” ญาธิดายื่นมือออกไป พร้อมทั้งบีบไหล่ของอัญมณี จังหวะที่เห็นสภาพอารมณ์ของเธอนั้น พลันตกตะลึงทันที
เธอรีบโน้มตัวลงเพื่อสอบถามทันที “แกเป็นอะไร?”
จิตใจอัญมณีโดนพายุก่อกวนไปตั้งนานแล้ว เวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวคนสนิทก็ไม่สามารถเรียกความตื่นเต้นขึ้นมาได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งส่ายหน้าพูด “ฉันไม่เป็นไร แค่เพิ่งจะไปเจอกับผู้ชายระยำมา”
พอญาธิดาได้ยินก็ตกตะลึงทันที แต่ก็มีอากัปกิริยาตอบสนองกลับได้อย่างรวดเร็วว่าผู้ชายระยำที่ดังออกมาจากปากของเธอคือใคร เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งลูบแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบา ซึ่งเป็นการแสดงออกการปลอบโยนให้เธอ
ทางด้านข้าง แววตาของธีทัตจับจ้องอยู่ที่กระโปรงของญาธิดาที่เพิ่งจะไปเปลี่ยนมาใหม่ พลันขยับปาก แต่ก็พูดไม่ออก จนสุดท้ายก็ไม่ได้ถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
ซึ่งไม่นานนัก งานเลี้ยงก็จบงาน เดิมญาธิดาคิดว่าอยากจะบอกกล่าวกับคุณย่าก่อนแล้วค่อยกลับ แต่ติดที่ว่าแขกเหรื่อมากมายเหลือเกิน คลาคล่ำอย่างไม่ขาดสาย เธอทำได้แต่ตัดความคิดนี้ทิ้งไป จากนั้นพวกเขาก็กลับออกมาพร้อมกันเลย
ทางด้านข้าง แววตาของธีทัตจับจ้องอยู่ที่กระโปรงของญาธิดาที่เพิ่งจะไปเปลี่ยนมาใหม่ พลันขยับปาก แต่ก็พูดไม่ออก จนสุดท้ายก็ไม่ได้ถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
ตลอดทาง ภายในรถยนต์เงียบสงบมาก
ธีทัตไปส่งอัญมณีกลับบ้านก่อน จากนั้นจึงส่งญาธิดากลับบ้านและเปลี่ยนเสื้อผ้า
ญาธิดาฉุกคิดถึงลักษณะอาการของอัญมณีที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จนรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง อัญมณียังคงมีความรู้สึกกับพายุอย่างชัดเจน ไม่งั้นจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไงกัน?
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันหันไปมองธีทัตทางด้านข้าง พร้อมทั้งพูดเสียงเบา “ทัตคะ ไม่รู้ว่าคุณมองออกหรือเปล่าคะ อันอันยังมีใจให้กับพายุอยู่นะ”
ธีทัตตอบกลับแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “อืม”
“ฉันรู้สึกว่าเราควรหาเวลาไปคุยกับพายุดูนะคะ ดูว่าเขายังมีความรู้สึกให้อันอันอยู่มั้ย…”
ธีทัตที่คอยฟังอยู่ด้านข้าง นัยน์ตาหม่นหมองลงเรื่อย
แต่เขาไม่มีวิธีที่จะยอมรับพายุได้ อันดับแรกคือก่อนหน้านี้เขาเคยรังแกน้องสาวแท้ๆ ของเขามาก่อน ข้อสองเขายังเป็นลูกน้องศัตรูหัวใจของตนเอง อาศัยแค่หนึ่งในสองข้อนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้
แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะหักล้างความคิดขอญาธิดา จึงพยักหน้าเล็กน้อย “เอาไว้วันอื่นมีเวลา ค่อยนัดมาคุยกัน”
พอญาธิดาได้ยิน จึงพยักหน้า ถึงได้วางใจไปเปลาะหนึ่ง
หลังจากส่งญาธิดากลับแกรนด์ บูเลอวาร์ดแล้ว เพื่อรอให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เขายังต้องส่งเธอไปเฝ้าเอลล่าที่โรงพยาบาลต่อ ธีทัตลงจากรถ และเดินขึ้นห้องนอนชั้นสองพร้อมกับเธอ
ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านนั้น เขากวาดตามองlimited editionคอลเลคชั่นประจำฤดูของCHANEL ลำคอตีบตันทันที พร้อมทั้งเอ่ยปากถามอย่างอดใจไม่ไหว “ธิดา วันนี้คุณใส่ชุดกี่เพ้าไปไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมเปลี่ยนชุดล่ะครับ?”
พอญาธิดาได้ยิน ก็หลุบตาต่ำเพื่อกวาดตามองเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของตัวเองทันที นัยน์ตาฉายความลังเลออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดตอบปัดไปตามน้ำ “…ตอนนั้นไม่ทันระวังเลยทำน้ำหกรดลงบนเสื้อผ้าค่ะ ฉันก็เลยเปลี่ยนชุดทันที”
ถ้าธีทัตรู้ว่าเธอถูกผู้หญิงสองคนรังแกมา เขาต้องโมโหแน่ๆ อีกอย่างวันนี้เธอเจอกับภวินท์ ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้อย่างชัดเจน สู้ปิดบังไปก่อน มากความหน่อยไม่สู้ลดปัญหาลงได้อีกเรื่อง
พอธีทัตได้ยิน นัยน์ตาก็หม่นหมองลงทันที แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ
พลันมองหญิงสาวก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมทั้งปิดประตูห้อง เขาย่นคิ้วหากันอย่างไม่รู้ตัว
เขาควานหาโทรศัพท์ พร้อมทั้งเปิดคลิปหนึ่งขึ้นมา และกดดู
ซึ่งภายในคลิปเป็นภาพที่ญาธิดาเดินเข้าห้องพักตามหลังภวินท์ เมื่อดูจากมุมแล้วก็รู้ว่าใช้โทรศัพท์แอบถ่ายมา คุณภาพของภาพนั้นธรรมดามาก แต่ก็สามารถมองเห็นว่าคนในคลิปคือภวินท์กับญาธิดาได้อย่างไม่ยากนัก
คลิปวิดีโอนี้ลูกน้องเป็นคนถ่ายและส่งมาให้เขา ตอนที่เขาอยู่ในห้องโถงใหญ่และหาตัวญาธิดาไม่พบ อัญมณีออกไปหาก็ไม่กลับมาสักที ด้วยความเป็นห่วงของเขาในเวลานั้น จึงส่งลูกน้องไปตามหา
ซึ่งไม่คิดเลยว่า หลังจากที่เขาออกมาจากงานและมาส่งญาธิดาแล้ว เขาก็ได้รับคลิปที่ลูกน้องส่งมาให้
พลันจอดรถยนต์ลงในสนาม เขามองเห็นคลิปวิดีโอนี้แล้ว สมองขาวโพลนทันที ซึ่งเพิ่งจะเดินเข้าบ้านพร้อมกับเธอเมื่อครู่นี้เอง ถึงได้เรียกความกล้าหาญในการสอบถามเธอเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่อยู่บนตัว ไม่คิดเลยว่า เธอกลับไม่ยอมพูดความจริงกับเขา
เมื่อมองฉากที่อยู่ในวิดีโอ ใจของธีทัตเจ็บจี๊ดขึ้นมาเป็นระยะ
ห้าปีที่ผ่านมานี้ เขาคอยเฝ้าถามตัวเองว่ามีส่วนใดต้องละอายใจมั้ย เขาปฏิบัติตัวดีต่อเธอดีต่ออีธานเอลล่าอย่างสุดความสามารถแต่เรื่องพวกนี้ เธอกลับปิดบังเขาอยู่
เธอกับภวินท์ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทั้งสองคนเดินเข้าห้องพัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เขาไม่กล้าจินตนาการล้ำลึกมากนัก
ความรู้สึกที่ไม่พอใจและความโกรธแค้นยิ่งหนักข้อเพิ่มขึ้นเรื่อย เขากำหมัดแน่น ซึ่งมองดูผิวเผินยังคงอ่อนโยนดังเดิม แต่ในใจนั้นกลับรบทัพจับศึกกันหลายครั้งหลายคราแล้ว
แต่ว่า เขาก็ไม่ยอมหนีจากไป ญาธิดาสำหรับเขาแล้ว มันได้ซึมลึกเข้าไขสันหลังของเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว แทรกซึมเข้าเลือดเนื้อ เขาไม่สามารถไปจากเธอได้
หลังจากนั้นสิบกว่านาที ก็มีเสียงประตูดัง “แอ๊ด” ญาธิดาผลักประตูออกมา พอเห็นธีทัตที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจึงสอบถามกลับอย่างอดใจไม่ไหว “มีอะไรเหรอทัต? สีหน้าคุณดูไม่สู้ดีเลยค่ะ…”
“ไม่มีอะไรครับ”
ธีทัตยกมุมปาก พร้อมทั้งเก็บงำความรู้สึกไม่เหมาะสมเอาไว้ในใจ พลางหัวเราะให้เธอ “น่าจะเหนื่อยเกินแหละ อีกสองสามวัน เราไปพักผ่อนกันที่ต่างจังหวัดสักสองวันมั้ย?”
เมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มที่ผิดปกติไปบ้าง ญาธิดาก็เริ่มวิตกกังวล เธอยื่นมือออกมา พร้อมทั้งใช้หลังฝ่ามือทดสอบอุณหภูมิบริเวณหน้าผากของเขา ถึงได้วางใจลงหน่อย
วินาทีต่อมา จู่ๆ มือของเธอก็โดนคนคว้าเอาไว้ พอญาธิดาเงยหน้าขึ้น จึงจ้องมองภายในดวงตาอันอ่อนโยนราวกับสายน้ำคู่นั้น “ได้มั้ยครับ? ครอบครัวเราไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้วนะครับ”
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นพริบตาเดียว เธอก็ยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าให้เขา “ตกลงค่ะ ครั้งนี้ฉันเชื่อคุณนะ”
จู่ๆ เธอก็ค้นพบว่า ผู้ชายคนที่คอยกันทุกอย่างอยู่ด้านหน้าเธอมาตลอดเวลาห้าปีนี้ก็เหนื่อยล้าเป็นด้วย เธอก็ควรหาเวลาอยู่เป็นเพื่อนกับเขาบ้าง
เวลาผ่านพ้นอย่างรวดเร็ว จนผ่านมาหลายวัน อาการของเอลล่าก็ทรงตัวขึ้นมาก แผลที่หลังฝ่ามือก็ประสานกันแล้ว และกลับมามีชีวิตชีวา ฉลาดเฉลียวมีไหวพริบดังเดิม
วินาทีที่ได้ยินคุณหมอพูดว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ หัวใจของญาธิดาที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายที่ถูกทับด้วยก้อนหินมหึมาอันหนักอึ้งในที่สุดก็หล่นลงสักที
เพราะว่าธีทัตออกไปดูงานต่างเมือง จึงไม่ได้รีบกลับมาทันที ทำได้แค่ให้อัญมณีพาคนขับรถมารับเอลล่าออกจากโรงพยาบาล
ญาธิดากำลังวุ่นวายอยู่กับการทำเอกสารในการออกจากโรงพยาบาลอยู่ตลอด และยังไม่ได้พักสักเศษเสี้ยววินาที
เอลล่ากับอีธานอยู่ในห้องพักผู้ป่วย โดยมีอัญมณีคอยเฝ้าอยู่ เด็กทั้งสองคนเอารูบิกขึ้นมาเล่น แถมยังแข่งกันอยู่หลายรอบอย่างครื้นเครง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมแพ้
จังหวะนี้เอง จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงคนเคาะประตู ถัดมา ประตูก็ถูกเปิด พลันมีคนรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏตรงประตู