ดวงใจภวินท์ - บทที่ 410 อยากเริ่มต้นใหม่กับคุณ
บทที่ 410 อยากเริ่มต้นใหม่กับคุณ
เอลล่าที่นั่งอยู่บนเตียงเห็นคนหน้าประตูก่อน ใบหน้าเล็กๆ อันอวบอ้วนมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พลันโยนรูบิกในมือทิ้ง พร้อมทั้งโบกมือให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงประตู “คุณอาคนหล่อ!”
อัญมณีที่กำลังนั่งรูดฟีดวิดีโอที่อยู่ด้านข้างนั้นพอได้ยินเสียง ก็รีบหันไปดูทันควัน จังหวะที่มองเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือภวินท์นั้น สีหน้าก็หม่นหมองลงทันที
เธอโยนโทรศัพท์ไปอีกทาง พร้อมทั้งก้าวเท้ามาขวางด้านหน้าเอลล่าอีธานเอาไว้ เพื่อปกป้องพวกเขาให้อยู่ด้านหลัง และถลึงตาใส่ผู้ชายที่อยู่หน้าประตู
ภวินท์เห็นสภาพการณ์นั้นแล้ว รอยยิ้มจางๆ ที่อยู่บนหน้าพลันแข็งทื่อเล็กน้อย และก้าวฝีเท้าเดินเข้ามา พร้อมทั้งพูดว่าด้วยเสียงเรียบเฉย “ได้ข่าวว่าเอลล่าจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมเลยมาเยี่ยมเธอสักหน่อย”
อัญมณีตวาดกลับเสียงแข็ง “เอลล่าสบายดีมาก กินได้นอนได้ กระโดดโลดเต้น คุณก็เห็นแล้วนี่ งั้นก็กลับไปได้แล้วมั้ง”
เอลล่าชะโงกหน้ามาทางด้านหลังของเธอ พร้อมทั้งชะเง้อคอมองภวินท์อย่างน่าสงสาร แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“วางใจเถอะครับ ผมไม่ทำอะไรเธอหรอก มาเยี่ยมแล้วก็จะกลับแล้ว”
ภวินท์พูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ แต่ไม่ได้มีการยั้งฝีเท้าเอาไว้สักนิด พร้อมทั้งเดินอ้อมมาอยู่อีกฝั่งเตียงแทน
เอลล่าเอ่ยทักอย่างขี้อาย “คุณอาคนหล่อ…”
หัวใจภวินท์บีบรัดแน่น จู่ๆ ก็มีความรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาจากหัวใจอย่างไม่รู้เหตุผล จนมีความคิดอยากจะอุ้มสาวน้อยให้อยู่ในอ้อมอกอย่างอดใจไม่ไหว แต่ติดปัญหาตรงมีอัญมณีคอยปกป้องอยู่ จนเขาไม่สามารถแตะต้องไม่ได้เลย
เขาชะงักทันที พร้อมทั้งขมวดคิ้วหากัน พลันหันไปหาพายุที่ถือตุ๊กตามหมีและกล่องของขวัญที่ยืนอยู่ตรงประตู และส่งสายตาให้เขา
พายุรับรู้ความหมาย พลันก้าวเท้ามาทางด้านหน้าทันควัน พร้อมทั้งเดินมาหาอัญมณี
อัญมณีเองก็ไม่คิดเลยว่าพายุจะปรากฏตัวขึ้นมา เธอตกตะลึง จนก้นบึ้งหัวใจมันเกิดอาการตื่นเต้นจนแผ่ขยายไปทั่วทุกอณูร่างกาย จนร่างกายแข็งทื่ออย่างไม่รู้ตัว
อัญมณีกัดฟัน แสร้งทำตัวสงบเสงี่ยม “คุณ…มาทำอะไร?”
พายุคลี่ยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่แจ่มใส พลันนำของเล่นส่งให้เอลล่า และวางกระเช้าลง จากนั้นก็หันมามองเธอ พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “ผมมาหาคุณ”
อัญมณีตกใจทันที จนถลึงตาโต “มาหาฉัน?”
“ครับ มีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
พายุพยักหน้า ตอนที่พูด ก็จูงมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อจูงเธอเดินให้ออกไปนอกห้อง
อัญมณีตกใจ และต้องการจะสะบัดมือเขาให้หลุดตามสัญชาตญาณ พร้อมทั้งถอยหลังหนีอย่างตื่นตระหนก “นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!”
พอพายุได้ยิน ชะงักทันที จู่ๆ ก็โน้มตัวลงใกล้ข้างหูเธอ พร้อมทั้งพูดกระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ
เวลานั้นเอง อัญมณีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากงดงามเผยอเล็กน้อย จนพูดไม่ออก
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ตั้งสติได้ พลันเหลือบตามองภวินท์ที่อยู่ด้านข้างอย่างจริงจัง และหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชาออกมา “ให้เวลาคุณยี่สิบนาที”
พูดจบ เธอก็มองอีธานกับเอลล่าที่อยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งพูดกำชับทันที “น้าของออกไปหน่อยนะคะ พวกหนูก็เชื่อฟังน่า ไม่อนุญาตให้วิ่งพล่าน อยู่แต่ในนี้เข้าใจมั้ยคะ?”
เมื่อได้ยินเด็กสองคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง อัญมณีถึงยอมวางใจทันที พลันลูบหน้าเด็กน้อยทั้งสองคน ถึงเหลือบมองพายุ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป
ทั้งสองคนเดินออกไปตามหลังติดๆ และปิดประตูลง จากนั้นในห้องก็เหลือแค่สามคนคืออีธานเอลล่ากับภวินท์
พออัญมณีเดินออกไป เอลล่าก็ปลดปล่อยตนเองทันที พลันอ้าแขนให้ภวินท์ “คุณอาคนหล่อ อุ้มหน่อยค่ะ!”
ใจภวินท์อ่อนระทวยทันที ซึ่งความเย็นชาและทำตัวเหินห่างในการทำงานโดยปกติหายลับไปกลับตาอย่างไร้ร่องรอย และใช้ดวงตาความเอ็นดูทะนุถนอมมองมาที่เอลล่าอย่างเต็มเปี่ยม
เขาอ้าแขนออก พร้อมทั้งอุ้มสาวน้อยขึ้นมาทันควัน และกกกอดอยู่ในอ้อมอก
อีธานที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว พลันบ่นพึมพำ “แม่เห็นเข้าต้องโกรธแน่ๆ”
เขาพูด พร้อมทั้งเดินกระฟัดกระเฟียดไปอีกทาง เพื่อเล่นรูบิกคนเดียว
แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขารังเกียจรังงอนภวินท์ เพราะญาธิดากับอัญมณีปฏิบัติต่อเขาเป็นปกติมาก อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ควรจะทำตัวสนิทสนมกับคุณอาคนหล่อคนแปลกหน้าคนนี้ให้มากนัก
แต่ทุกครั้งที่เห็นภวินท์ปฏิบัติกับเอลล่าดีมาก ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาสักระยะ
เขาจึงไปนั่งเล่นรูบิกทางด้านข้าง และทำตัวเป็นหูทวนลมไม่สนใจในสิ่งที่ภวินท์กับเอลล่าคุยกัน
เอลล่าเป็นเด็กขี้สงสัยในทุกสิ่งทุกอย่าง พลันถามออกมาประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ “คุณอาคนหล่อคะ เมื่อไหร่คุณอาจะจัดงานวันเกิดคะ?”
พอภวินท์ได้ยินมีอาการชะงักเล็กน้อย ชั่วครู่ก็ขยับริมฝีปากตอบกลับไป “วันเกิดของอาอีกนานเลยครับ”
เขาไม่เคยจัดงานวันเกิดมาหลายปี ถ้าไม่ใช่เด็กน้อยคอยถามเตือน เขาก็คิดไม่ออกว่าตนเองมีคำว่าวันเกิดนี้ด้วย
“คุณอาคนหล่อคะ หนูจะบอกความลับให้หนึ่งอย่าง หนูมีวันเกิดสองวันนะ!”
เอลล่าพูด พร้อมทั้งยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้วให้เขา
ตอนแรกภวินท์ก็นึกว่าที่เธอพูดจะหมายถึงพุทธศักราชกับคริสตศักราช เลยไม่คิดเป็นจริงเป็นจังนัก ทว่าใครจะรู้ว่าเอลล่าพูดอย่างเป็นทางการมาก “วันที่สิบสามเดือนตุลาคม อีกวันคือวันที่ยี่สิบเดือนเมษายนค่ะ”
พอภวินท์ได้ยินตกตะลึงทันที ในหัวสมองฉายอะไรบางอย่างออกมา
เขาเคย สงสัยในตัวของอีธานเอลล่า แถมยังตั้งใจส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลที่พวกเขายื่นให้กับบริษัทนายหน้า ทั้งสองคนเกิดวันที่สิบสามเดือนตุลาคมเมื่อสี่ปีก่อน เขายังพอจำได้
ถ้านับกันตามอายุแล้ว หลังจากญาธิดาไปจากเมืองJ ครึ่งปีแล้วถึงได้มีพวกเขา โดยตั้งท้องครบเก้าเดือนและคลอดพวกเขา การนับแบบนี้ พวกเขาก็เพิ่งมีอายุสี่ขวบไม่กี่เดือนเองนี่
แล้วทำไมเอลล่าถึงพูดว่าเธอมีวันเกิดสองวันล่ะ?
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น พร้อมทั้งสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งยืนมือออกไปลูบหัวน้อยๆ ของเอลล่า และพูดจาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ทำไมถึงมีวันเกิดสองวันล่ะคะ? ทุกคนมีแค่วันเดียวเองนะ”
เอลล่าส่ายหน้าอย่างแน่วแน่มาก “ไม่ใช่ค่ะ หนูกับอีธานมีสองวันอีกอย่างคุณแม่ย้ำนักย้ำหนากับพวกเรา ไม่อนุญาตให้พวกเราบอกคนอื่นค่ะ!”
พอภวินท์ได้ยิน ความสงสัยที่อัดแน่นในใจก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้นเรื่อย วันที่สิบสามตุลาคม กับวันที่ยี่สิบเดือนเมษายน สองวันนี้มันเป็นวันที่ไม่เหมือนกันจริงๆ ตกลงว่ามันมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่?
จู่ๆ ในหัวสมองของเขาก็มีบางอย่างแวบขึ้นมา เขาจ้องมองเด็กสาวน้อยที่อยู่ด้านหน้า และเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้มันพลุ่งพล่านตีขึ้นมาในหัวใจ
หรือว่า วันเดือนปีเกิดของอีธานกับเอลล่าคือวันที่ยี่สิบเมษายน? ถ้าเป็นแบบนี้ นับถอยหลังไปหกเดือน ก็สามารถพูดได้ว่า ตอนที่ญาธิดาไปจากเมืองJ เธอตั้งท้องแล้ว!
วินาทีนั้น ภวินท์แค่รู้สึกว่าเลือดทุกส่วนภายในร่างกายพลุ่นพล่านขึ้นมา เดือดพล่านไปทั่ว
ความสงสัยที่เคยปกคลุมอยู่ในหัวของเขาวันนี้มันตีกลับขึ้นมาอีกระลอก จนทำให้เขาอดคิดความต้องการไขความจริงทุกอย่างเปิดเผยออกมาให้หมด
แม้ว่าญาธิดาไม่ยอมบอกเขา งั้นทำไมเขาไม่ตรวจสอบด้วยตัวเองล่ะ?
ภวินท์หลุบตาต่ำลลง ดวงตาดำขลับจดจ่ออยู่กับเส้นผมดำขลับนุ่มสลวยของที่อยู่บนหัวของเอลล่า และไม่ละสายตาไปไหนอยู่นาน…
บริเวณทางบันไดหนีไฟด้านข้างห้องพักผู้ป่วย อัญมณีประจันหน้าหน้าพายุ “ตกลงคุณคิดจะทำอะไรแน่? จะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฉันเหรอ?”
เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยนั้น พายุบอกกับเธอว่าถ้าเธอไม่ยอมออกมางั้นเขาก็จะเอาเรื่องที่ได้ยินญาธิดาพูดในครั้งที่แล้วบอกกับภวินท์ทันที เธอไร้วิธีอื่น จึงจำใจเดินตามเขาออกมา
“ไม่ถือว่าขู่หรอกครับ อันอัน ผมมีเรื่องจำเป็นต้องพูดกับคุณ”
สีหน้าพายุจริงจังมาก พร้อมทั้งมองอัญมณี ลำคอตีบตัน พลันพูดทันที “ผมอยากเริ่มต้นใหม่กับคุณ”
ประโยคเดียว ราวกับมีก้อนหินขนาดมหึมาหล่นมาจากฟากฟ้า วินาทีนั้นความเงียบสงบที่อยู่ในใจอัญมณีเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว
เธอกำหมัดแน่นตามสัญชาตญาณทันที พร้อมทั้งจ้องมองผู้ชายด้านหน้าอย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อออกมา “คุณพูดบ้าอะไรออกมา!”
ตอนที่เธอบอกเลิกเขา ในใจเขายังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ? มาทำระยำกับเธอไปแล้วหนึ่งครั้ง วันนี้ก็อยากจะทำระยำกับเธอเป็นครั้งที่สองเหรอ?