ดวงใจภวินท์ - บทที่ 414 ตั้งใจหาเรื่อง
บทที่ 414 ตั้งใจหาเรื่อง
เธอพูด พร้อมทั้งช้อนสายตาขึ้น และเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นที่ถลึงตาใส่พวกเขาที่อยู่ทางด้านข้าง พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณคะ เมื่อกี้ฉันได้สอบถามพนักงานมาแล้ว พวกเขาก็อนุญาตให้ฉันพาเขาเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอแค่ห้านาทีเท่านั้นเอง เปลี่ยนเสร็จแล้วเราจะก็ออกไปทันทีค่ะ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ก็ยืนเท้าสะเอวทันที พร้อมทั้งก้าวเดินมาทางด้านหน้า และถลึงตาพูดกับญาธิดา “นี่คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ! คุณพาเด็กผู้ชายเข้ามามันเหมาะสมแล้วเหรอ? ที่นี่เป็นผู้หญิงหมดเลยนะ!”
ผู้หญิงคนนั้นต้องการทำเรื่องราวให้ใหญ่โต เธอตะเบ็งเสียง เพื่อเรียกความสนใจให้คนที่อยู่ทางด้านข้างเขยิบเข้ามาทางนี้
เวลานั้น สายตาของทุกคนต่างมากระจุกอยู่ที่ตัวของญาธิดาและอีธานเอลล่า
ญาธิดากัดฟันแน่น จนรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาในใจ เธอคุกเข่าลง และจัดการติดกระดุมเสื้อให้อีธานต่อ จากนั้นก็ช่วยใส่กางเกงให้เขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ฉันพูดอยู่เนี่ยแต่คุณยังหน้าด้านอยู่อีกเหรอ มีคนตั้งเยอะแยะคอยมองมาทางคุณอยู่เนี่ย….”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นสถานการณ์ แต่กลับไม่ยอมลดละ แถมยังด่าทอสาดเสียต่อ
หัวใจของญาธิดาพลุ่งพล่านไปด้วยความรู้สึกโกรธเคือง ซึ่งตอนแรกเธอก็อารมณ์ดีมากที่ได้พาเจ้าตัวน้อยออกมาเที่ยว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอความคลื่นเหียนประเภทนี้
เมื่อมองเห็นท่าทางน่าสงสารของเด็กน้อยสองคน ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งเก็บงำอารมณ์ความโกรธเคืองในใจ และจัดการเก็บเสื้อผ้าขึ้นมา และดึงพวกเขาออกไปทางด้านนอกโดยไม่พูดไม่จาสักคำ
เธอเองก็ไม่อยากสร้างความทรงจำที่ตัวเธอไปทะเลาะกับคนอื่นให้อีธานเอลล่าจำ การแสดงวาจาไว้เป็นตัวอย่างในการอบรมสั่งสอน ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมาโดยตลอด
เมื่อเดินออกมาจากบริเวณเปลี่ยนเสื้อผ้า อีธานอดใจที่ต้องเอ่ยถามไม่ได้ “คุณแม่ เมื่อกี้ทำไมคุณแม่ไม่โกรธเลยครับ?”
ญาธิดายิ้มให้พวกเขา พลันพูดเสียงกระซิบ “ไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกรธคนที่ไม่คู่ควร พวกหนูสองคนน่าจะเข้าใจหลักการนี้ดีพอนะคะ”
อีธานกับเอลล่า พยักหน้าเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น ผู้คนที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นที่อยู่ในจุดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่างแยกย้ายกันไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเดินอ้อมมายังประตูห้องVIPทางด้านข้าง พลันเคาะประตู และผลักประตูเข้ามา
นิวรานั่งอยู่บนบนโซฟาภายในห้องVIP และกำลังนั่งกินผลไม้ไปเรื่อยเปื่อย
เธอช้อนตา เพื่อกวาดตามองผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้า แต่ไม่ได้พูดอะไร
ผู้หญิงคนนั้นพูดสุภาพขึ้นมาในชั่วขณะ “ดิฉันไล่ตะเพิดผู้หญิงคนนั้นกับเด็กสองคนออกไปแล้ว คุณ…”
นิวราพูดพึมพำ จากนั้นก็หยิบกระเป๋ามาจากทางด้านข้างและหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง โยนให้เธอ
“ปิดปากแกให้เงียบที่สุด”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ผู้หญิงนับเงิน จากนั้นก็ยัดใส่ช่วงเอวอย่างรวดเร็ว และเดินออกไปทันที
นิวราช้อนสายตา นัยน์ตาฉายอาการดูถูกออกมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นญาธิดา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่านาทีก่อนหน้านี้เอง
ซึ่งยากมากกลับการจะมีสักครั้งที่ต้องมาเจอลูกค้ารายใหญ่เป็นเพื่อนภวินท์ แค่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอญาธิดาที่นี่ ช่างหงุดหงิดจริงๆ เลย
ไหนๆ ญาธิดาก็มาแล้ว งั้นถ้าเธอไม่คิดหาวิธีทำให้เธอลำบากใจงั้นก็เท่ากับปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ไปให้เสียเปล่านะสิ
อีกอย่างตั้งแต่เรื่องนั้นที่เกิดขึ้นในงานวันแซยิดของคุณย่าตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เธอโมโหจนจะเป็นบ้าตาย เธอยังตั้งตัวไม่ติดเลย วันนี้ย่อมต้องจัดการเธอให้ได้สักหน่อยแล้วแหละ
มีบทเรียนครั้งที่แล้วที่พลาดท่าไป ครั้งนี้เธอเลยหาผู้หญิงไม่รู้จักมาหาเรื่องแทน ถึงเวลาไปตรวจสอบ ก็ไม่มีวันตรวจสอบมาถึงตัวเธอแน่
พอมองเห็นญาธิดาและลูกนอกคอกสองคนของเธอถูกไล่ตะเพิดไป นิวราแอบดีใจ เธอนั่งหลังตรง พลันวางส้อมที่อยู่ในมือทิ้งลงบนจานทันที นัยน์ตาฉายความเย็นยะเยือกออกมา
การจัดการกับญาธิดาด้วยวิธีแค่นี้ เธอกลับไม่พอใจ วันนี้ เธอไม่มีวันปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดรอดไป!
รอธีทัตเปลี่ยนเสื้อผ้าจนออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาสิบกว่านาทีหลังจากนั้น
ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในโซนเปลี่ยนเสื้อผ้า ญาธิดาไม่ได้เอ่ยถึงสักนิด
ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ยากยิ่งที่จะทำให้คนในครอบครัวมีความสุขเช่นนี้ เธอเองก็ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้พูดออกมาให้เป็นเสนียดติดปาก
ก่อนที่จะเข้าสู่ลานสนามม้า บริกรได้พาพวกเขามุ่งหน้าไปยังโซนแขกVIP บริเวณนั้นมีลักษณะคล้ายเป็นหอสังเกตการณ์ที่มีสามชั้นเอาไว้สอดส่อง ซึ่งเมื่อมองทางด้านบนก็สามารถมองเห็นสนามม้าทางด้านข้างได้เต็มสองตา และมองเห็นได้เด่นชัดมากที่สุด
ผู้คนต่างแยกย้ายกันอยู่ในจุดสันทนาการ ญาธิดาเพิ่งจะพาเด็กสองคนเข้ามานั่ง พอแหงนหน้าขึ้น จึงมองเห็นกลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่ในตำแหน่งไม่ไกลมากนักอย่างไม่ทันตั้งใจ
รูปร่างของคนคนหนึ่งเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษท่ามกลางกลุ่มคน เขาใส่ชุดขี่ม้าสีดำทั้งชุด มีเข็มขัดสีน้ำตาลคาดบริเวณเอว รูปร่างผอมโปร่ง เผยออร่าความเป็นผู้ดีจนเห็นได้ชัดออกมาจากตัวเขาแต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุด ย่อมเป็นใบหน้าอันมีเสน่ห์อยู่ทุกชั่วโมงยามของเขานั่นเอง
ผู้คนต่างแยกย้ายกันอยู่ในจุดสันทนาการ ญาธิดาเพิ่งจะพาเด็กสองคนเข้ามานั่ง พอแหงนหน้าขึ้น จึงมองเห็นกลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่ในตำแหน่งไม่ไกลมากนักอย่างไม่ทันตั้งใจ
หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น
ภวินท์ก็อยู่ที่นี่ด้วย!
“ธิดา ดื่มอะไรดีครับ?”
พลันมีเสียงธีทัตดังขึ้น เธอถึงได้สติกลับมา “อะไรก็ได้ค่ะ…”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้ค้นพบว่าหัวใจเต้นแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เธอช้อนสายตามองธีทัต ชายหนุ่มใส่ชุดขี่ม้าสีขาว ซึ่งหล่อพอๆกัน ซึ่งเมื่อเอามาเปรียบเทียบกันดูเขาอ่อนโยนกว่าภวินท์ แต่มีความกล้าหาญน้อยกว่าเล็กน้อย
เมื่อดื่มเครื่องดื่ม และนั่งคุยสักพัก พริบตาเดียว เด็กสองคนก็เริ่มแสดงความสนใจที่ต้องการที่จะลงสนาม ญาธิดากับธีทัตสบตาและหัวเราะออกมา พลันมาพวกเขาออกไปจากจุดสันทนาการทันที เพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามม้า
อันดับแรก พวกเขามาถึงคอกม้าและได้เลือกม้า พอมองดูแถวม้าทั้งแถว ซึ่งมีพลังเต็มเปี่ยมทุกตัว ขนที่อยู่บนตัวก็ขึ้นเงามาก
แต่มีม้าอยู่ตัวหนึ่ง ที่ผิดแปลกไปจากทุกตัว ซึ่งมันดูยกระดับมาอีกขั้นเหนือกว่าม้าทั่วไป แผงคอสีดำ ดวงตาสดใสมีชีวิตชีวา
ธีทัตถูกชะตาทันที จึงแสดงเจตจำนงกับพนักงานที่อยู่ทางด้านข้าง แต่ใครจะไปรู้ว่าสีหน้าของพนักงานดูย่ำแย่ทันที พลันยิ้มตอบแก้เขิน “คุณธีทัตครับ ม้าตัวนี้มีเจ้าของไว้เฉพาะบุคคลครับ”
“มีเจ้าของเฉพาะบุคคล?”
“ครับ เขาชื่อเอ็ดเวิร์ด เป็นม้าสุดที่รักของท่านประธานของSTN Group โดยฝากไว้ให้ทางเราเลี้ยงโดยเฉพาะครับ”
พอได้ยินชื่อนี้ สีหน้าธีทัตหม่นหมองลงทันที พลันแหงนหน้ามองม้าตัวนั้นที่อยู่ในคอกม้า พลางชะงักและเอ่ยถาม “วันนี้เขามาเหรอ?”
พนักงานตอบกลับอย่างพินอบพิเทา “ครับ วันนี้คุณภวินท์ก็มาครับ น่าจะอีกสักพักหนึ่งถึงจะลงมาสนามม้าครับ”
พอธีทัตได้ยิน แววตาก็ฉายความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นพริบตาเดียว เขาก็แหงนหน้ามองม้าตัวอื่น สุดท้ายก็เลือกม้าตัวอื่นขึ้นมาแทน
ส่วนญาธิดาพาเด็กน้อยสองคนมาอยู่อีกทาง พร้อมทั้งเลือกม้าแคระเชทแลนด์มาสองตัว และให้พนักงานคอยเดินจูงเชือกให้ เพื่อฝึกเทคนิคพื้นฐานในการขี่ม้าให้กับพวกเขา
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ธีทัตก็ได้เลือกม้าเพศเมียสีขาวให้กับญาธิดาตัวหนึ่ง ที่ชื่อว่าเวนดี้ นิสัยอ่อนโยน แถมบริเวณหัวก็ไม่ใหญ่นัก ซึ่งเหมาะสมให้กับผู้หญิงขี่มาก
ญาธิดาย่อมไม่มีความคิดเห็นอื่นใด โดยให้ธีทัตขี่ม้าเล่นในสนามก่อน จากนั้นก็คอยมองตอนที่อีธานกับเอลล่าทั้งสองคนกำลังขี่ม้า จนอดใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้หลายใบไม่ได้
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ตรงจุดหอสังเกตการณ์VIP ภวินท์ยืนอยู่หน้ากระจกใสอันกว้างใหญ่ จึงมองเห็นตัวของหญิงสาวที่อยู่ริมขอบสนามม้า จนแววตาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที
เมื่อครู่เขาก็เห็นพวกของญาธิดาแล้ว พอเห็นว่าครอบครัวของพวกเขาทั้งสี่คนเริ่มออกไปจากประตู หัวใจของเขาราวกับถูกสิ่งของอะไรบางอย่างมัดรวมกัน เจ็บปวดจนทนไม่ไหว
เวลานั้น คนที่อยู่ทางด้านข้างพูดอะไรออกข้างหูเขาซึ่งเขาก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
นิวราที่นั่งอยู่ทางด้านข้าง ย่อมมองเห็นว่าเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอจึงแสร้งเอาเหล้ามาส่งให้กับภวินท์ และเดินไปอยู่ด้านข้างหน้าต่างและมองตามสายตาของชายหนุ่มไป จนจำรูปร่างนั้นได้ทันที
เวลานั้น ความโกรธเคืองตีขึ้นมาในใจ เธอถูกความหึงหวงริษยาอันร้อนผ่าวรุมล้อม ณ วินาทีนั้นทันที
เธอคิดไม่ออกจริงๆ ตกลงว่าผู้หญิงคนนั้นมันมีอะไรดี ถึงทำให้ภวินท์ลืมไม่ลงอยู่แบบนี้!