ดวงใจภวินท์ - บทที่ 424 เรื่องงานล้วนๆ
บทที่ 424 เรื่องงานล้วนๆ
เมื่อประตูปิดลง โดยที่ไม่ต้องรอให้ภวินท์ตอบโต้ รถยนต์ก็สตาร์ทรถออก และมุ่งหน้าสู่ถนนเส้นหลักทันที
ประตูถูกล็อก ญาธิดาดึงอยู่หลายครั้งก็ดึงไม่ออก จนเกิดอาการร้อนใจอยู่บ้าง “คุณจะพาฉันไปไหน!”
“ถึงแล้วก็รู้เองครับผม” ชายหนุ่มขยับริมฝีปากอย่างอารมณ์ดี “ซึ่งเป็นเรื่องงานล้วนๆ”
การได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ ญาธิดาถึงได้สงบลงเยอะ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และถามอย่างลังเล “เกี่ยวกับงานคลิปสั้นการกุศลเหรอคะ”
ภวินท์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลันส่งเสียง “อืม”
ญาธิดาได้ยิน พลันพูดไม่ออกทันที
หลายวันมานี้เธออยู่บ้านว่างจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว จนอดใจไม่ได้ที่จะพยายามทำงานให้อย่างเต็มที่ และเอาคลิปนั่นมาแล้วก็จะหนีไปทันควัน ซึ่งไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอภวินท์อย่างจับพลัดจับผลู เขากลับพูดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน เธอเองก็ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธ
ตลอดทาง บรรยากาศเงียบงันจนเกิดความน่ากลัวอยู่บ้าง กระทั่งมีเสียงกริ่งดังขึ้น และทำลายบรรยากาศทันที
ซึ่งเป็นเสียงเรียกเข้าของเด็กที่น่ารักดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นเสียงเรียกเข้าของอีธาน เอลล่าที่ญาธิดาตั้งค่าไว้โดยเฉพาะ
เธอคว้าโทรศัพท์ออกมาไม่ทัน จนสายตาทางด้านข้างคอยเพ่งมองเธออยู่โดยตลอดเวลา
ญาธิดาหัวใจบีบรัดแน่น และมองดูตามสัญชาตญาณ จังหวะที่เห็นชายหนุ่มแสดงอาการยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ“มีปัญหาอะไรมั้ยคะ?”
ภวินท์เหล่ตามองเธออย่างเรียบเฉย พลันขยับปากพูดโพล่งออกมาคำหนึ่ง “ปัญญาอ่อน”
ญาธิดาโมโหจัด คำพูดแดกดันมันติดอยู่ริมฝีปาก แต่กลับไม่กล้าจะพูดออกไป
ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้เขาคือเจ้านายของเธอ ถ้าไปกระตุกหนวดเขาเข้า ถึงเวลาถ่ายคลิปสั้นนั้นเขาก็ต้องสรรหาข้ออ้างมาทรมานเธอให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันเก็บงำความโกรธที่สุมทรวงเอาไว้ พลันกลอกตาให้เขา พร้อมทั้งควานหาโทรศัพท์เพื่อกดเปิดวิดีโอคอลของอีธานเอลล่าที่โทรเข้ามา
“คุณแม่!”
จากนั้นก็มีเสียงเด็กน้อยดังสดใสสองเสียงขึ้นมา ศีรษะของเด็กน้อยสองคนปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ในเวลานี้
เมื่อมองเห็นเจ้าก้อนแป้งน่ารักน่าชังของทั้งสองคน อาการอึมครึมที่อัดแน่นอยู่ในทรวงอกของญาธิดากับความรู้สึกไม่สบายใจถูกต้อนจนกวาดทิ้งเกลี้ยงเกลา มุมปากยกขึ้นอย่างไร้การควบคุม“เรียนว่ายน้ำเป็นยังไงบ้างคะ? สนุกมั้ยคะ?”
อีธานหัวร่อต่อกระซิกอยู่ปลายสาย “สนุกมากครับ! เอลล่าโง่มากเลย ทั้งที่ใส่ห่วงยางอยู่แต่สำลักน้ำไปตั้งหลายอึก!”
พอเอลล่าที่อยู่ด้านข้างได้ยิน จึงทำปากยู่ขึ้นมาทันที “ก็ยังดีกว่าพี่ที่ทำท่าเหมือนกบแหละ!”
ญาธิดากุมโทรศัพท์ และมองเด็กน้อยสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ปลายสาย พลันเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมทันควัน “พอแล้ว นี่เพิ่งเรียนได้สามชั่วโมงเอง พวกหนูยอดเยี่ยมมาก รอหมดคอร์สเรียนแล้ว ก็ต้องว่ายน้ำเป็นแน่!”
เธอใจจดใจจ่อพูดเกลี้ยกล่อมเด็กสองคนที่อยู่ทางนั้นโดยเฉพาะ และไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายที่อยู่ด้านข้างก็หันหน้ามามองเธอ
เมื่อมองเห็นดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มของผู้หญิง ตอนที่ทอประกายความอ่อนโยนออกมาทั่วตัว เขายกมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ญาธิดาไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ให้คำจำกัดความว่าอ่อนโยนแบบฉบับเดิม แต่วินาทีนั้น เธออ่อนโยนราวกับสายน้ำ ความเปล่งปลั่งของมนุษย์แม่ที่เปลี่ยนแปลงไปมาก จนทำให้คนอดใจไม่ไหวที่อยากจะเขยิบเข้าหาใกล้ๆ
ฝั่งบนหน้าจอ เอลล่าถามด้วยความกระตือรือร้น “คุณแม่ เมื่อไหร่คุณแม่จะมาว่ายน้ำเป็นเพื่อนพวกหนูล่ะคะ!”
“ไว้คราวหน้าแม่ไปเรียนพร้อมกับพวกหนูได้ค่ะ!”
ตอนที่กำลังพูดอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายกระแอมมาทางด้านข้าง ซึ่งตามมาติดๆ ภวินท์ก็เขยิบเข้าหาเธอมากขึ้น ตอนที่มองเห็นอีธานกับเอลล่าอยู่บนหน้าจอ พลันพูดเสียงแผ่วเบา “อาสามารถไปเป็นเพื่อนพวกหนูได้นะ”
การที่เขาเข้ามาอยู่ในกล้องอย่างกะทันหันจนทำให้อีธานเอลล่าที่อยู่ปลายสายต่างตกตะลึงทันที ซึ่งไม่นานนัก เอลล่าก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาก่อน “คุณอาคนหล่อ! คุณแม่อยู่กับคุณอาคนหล่อ!”
ญาธิดาไม่รู้ว่าเวลานั้นจะตอบรับกลับไปอย่างไรดี มือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นเกร็งทันที อ้าปากหวอแต่กลับพูดไม่ออก
อีธานเบิกตาโต พร้อมทั้งซักไซ้ถามอย่างจริงจัง “คุณแม่ คุณกับคุณอาคนหล่ออยู่ด้วยกันที่ไหนคะ?”
“……”
เด็กสองคนคนนั้นพูดคนนี้พูดที จนญาธิดาถูกถามจนมึนงงทันที
เธอเองก็ไม่คิดเลยว่าภวินท์จะเข้ากล้องมาอย่างกะทันหัน ดังนั้นเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร
ในช่วงเวลาความหนาวเหน็บนี้ ผู้ชายที่ยื่นมือออกมาอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งจับมือของเธอและค่อยๆ เบนหน้าจอ เพื่อให้หน้าจอเล็งมาที่เขา
“อากับคุณแม่ของหนูๆ มีงานต้องไปทำ รอเอาไว้วันอื่นมีเวลาแล้วอาจะพาพวกหนูไปว่ายน้ำดีมั้ยครับ?”
เด็กน้อยทั้งสองคนอารมณ์ดีมาก พร้อมทั้งตอบรับพร้อมกันทันที
ภวินท์คุยกับพวกเขาอยู่หลายประโยค จากนั้นก็กดวางสายอย่างไม่เร่งรีบ
ญาธิดาที่นั่งอยู่ทางด้านข้าง ซึ่งยังตกอยู่ในอาการมึนงง รอจนภวินท์เอาโทรศัพท์ยัดใส่ในมือของเธอ เธอถึงได้สติกลับมา
เธอกัดฟันแน่น ทั้งโกรธทั้งหมดอารมณ์ “ใครให้คุณเสนอหน้ามาเข้ากล้อง!”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น แถมยิ้มกรุ้มกริ่ม “คุณก็ไม่ได้พูดนี่ว่าไม่อนุญาตให้ผมเข้ากล้อง”
ประโยคเดียว จนญาธิดาพูดไม่ออก
เธอเก็บโทรศัพท์ด้วยความโกรธ พลันเหล่ตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พลางเอนด้านข้างกระจกและไม่พูดอะไรต่อ
ไม่นานนัก รถยนต์ก็เดินทางมาถึงสตูดิโอของคุณบิ๊ก
ภวินท์พาญาธิดามุ่งหน้าไปยังห้องทำงาน พร้อมทั้งหารือแนวทางและการวางแผนโครงงานในการถ่ายทำกับทีมงาน พลันดื่มชายามบ่ายด้วยกัน ถือว่ามีความสุขมาก
เมื่อออกมาจากสตูดิโอ ท้องฟ้าทางด้านนอกก็เริ่มมืดแล้ว ญาธิดานึกว่างานในวันนี้เสร็จแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าภวินท์พาเธอไปยังซาลอนทำผมแห่งหนึ่ง
เมื่อดูlogo ที่ดูเรียบง่ายตรงประตู ญาธิดาขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันที “เรามาทำอะไรที่นี่คะ?”
“คืนนี้ยังมีงานต่อ”
ภวินท์พูดอย่างเรียบเฉย พลันหันไปมองผู้จัดการร้านที่อยู่ด้านข้าง “มีเวลาให้หนึ่งชั่วโมง แต่งหน้าอ่อนๆ นะ”
ผู้จัดการร้านตอบรับทันควัน โดยที่ไม่รอญาธิดาว่าจะพูดว่าอะไรต่อ ซึ่งมีหลายคนนำเธอพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมทางด้านหลัง
ญาธิดาปล่อยให้คนทำตามใจอิสระหนึ่งชั่วโมง เธอเบื่อและนั่งสัปหงกจนหลับไป เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกข้างหู เธอถึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
“คุณญาธิดา คุณลองดูนะคะ ว่าพอใจทรงผมนี้มั้ย?”
ญาธิดาลืมตาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อเห็นผู้หญิงหน้ากระจก ถึงกลับอึ้งทันที
จำต้องพูดเลยว่า สตูดิโอที่นี่ถือว่ามีความสามารถมากจริงๆ เมื่อมองการแต่งหน้าที่อ่อนๆ ละเอียดอ่อนบรรจงที่สุด ทุกตารางนิ้วของผิวพรรณ ขนตาทุกเส้นต่างหนาขึ้น
หลังจากเปลี่ยนสูทเป็นสีชมพูระเรื่อแล้ว เธอก็เดินตามหลังผู้จัดการเข้ามาในห้องโถงทันที
ภวินท์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใส่สูทผูกไท ซึ่งไร้รอยยับย่นเกินควร
พอเขาเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นผู้หญิงที่เดินมาต้อนรับ หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างกะทันหัน
เป็นคนเปิดเผยอย่างสบายๆ แต่กลับไม่สูญเสียความสวยงามสะดุดตา
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาต้องการ
เขาคลี่ยิ้มมุมปาก พลันลุกขึ้น สายตาเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างเรียบเฉย พลันเอ่ยปากพูดอย่างเฉยเมย “ไปStarlight Venueกันเถอะ”
เมื่อเอ่ยถึงStarlight Venue ญาธิดาพลันฉุกคิดถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างกะทันหัน งานประชุมแลกเปลี่ยนศิลปะเมือง J
งานแลกเปลี่ยนนี้ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะชั้นสูงทุกแขนงของทั่วทุกเมือง การพูดคุยการเรียนรู้ ซึ่งเป็นเป้าหมายการสร้างความสัมพันธ์ในงานแลกเปลี่ยนแห่งนี้
ภวินท์พาเธอไปด้วย คงต้องการให้เธอได้เธอทำความรู้จักเหล่าผู้กำกับและคนดังในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ล่ะมั้ง?
ซึ่งหลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนเหล่านี้ เรื่องการถ่ายทำในภายหลังจากนี้ก็ยิ่งสะดวก และราบรื่นมากกว่าเดิม
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ภวินท์กำลังปูทางในการทำงานให้ตนเองอยู่
ส่วนเธอ ก็แค่หมากเล็กๆ ที่อยู่ในกำมือเขาก็เท่านั้นเอง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวใจของญาธิดาพลุ่งพล่านความขื่นขมตีขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จนอารมณ์หม่นหมองลงทันที