ดวงใจภวินท์ - บทที่ 425 ที่นี่อันตรายมาก
บทที่ 425 ที่นี่อันตรายมาก
เมื่อเดินทางมาถึงStarlight Venue ยังไม่ได้ลงจากรถ ญาธิดาก็มองเห็นแสงเจิดจรัสระยิบระยิบเป็นมุมกว้างทางด้านนอกกระจกรถ
Starlight Venueสมชื่อจริงๆ พอท้องฟ้ามืด ดวงไฟทุกชนิด ก็เปล่งประกายอย่างสวยงามราวกับแสงสว่างดวงดาวทางช้างเผือก
บริเวณประตูใหญ่ทั้งสองข้างมีรถยนต์จอดอยู่ไม่น้อย แขกเหรื่อต่างพากันทยอยเข้าประตูตามลำดับ
พอผลักประตูลงจากรถ ญาธิดาก็ก้าวฝีเท้าเดินตามภวินท์เข้าประตูทันที พลันฉุกคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์แล้วหลังจากรู้ตัวว่าตนเองทำผิดพลาดไปแล้วจึงถอยหลังเล็กน้อย เพื่อรักษาระยะห่าง
ทว่าคาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินได้ไม่กี่ก้าวเอง ฝีเท้าอันรวดเร็วของชายหนุ่มพลันหยุดลงอย่างกะทันหัน แถมยังค่อยๆ หันหน้ามามองเธอทางด้านข้าง “เดินช้าชะมัด ไม่อยากจะไปเหรอไง?”
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย พลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน พร้อมทั้งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นในเวลาเดียวกัน
ไม่คิดเลยว่า การกระทำอันเล็กน้อยแค่นี้ของเธอ แต่กลับถูกภวินท์จับได้
แม้ว่าเธอไม่อยากจะเดินเข้างานเคียงคู่ภวินท์ แต่เมื่อคิดได้ว่านี่มันเป็นเรื่องงาน แถมยังมีคลิปวิดีโอนั่นอยู่ในมือของเขาอีก เธอจำใจกัดฟันทนเพื่อร่วมหัวจมท้ายกับเขาไปก่อน
เมื่อเดินเข้าStarlight Venue การตกแต่งทุกอย่างภายในห้องโถงต่างออกแบบในสไตล์มินิมอล โดยแวบเดียว ทั้งสว่างไสวและสบายตา มีโต๊ะกลมสีขาวต่างจัดเรียงเอาไว้ในระยะห่างกัน เพื่อมีไว้อำนวยความสะดวกให้ทุกคนยืนพูดคุยสังสรรค์
ความสนใจของญาธิดาต่างอยู่ที่การตกแต่งทุกอย่างภายในงาน จึงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนโดยรอบที่มองมาที่ตัวของพวกเขายามเมื่อพวกเขาย่างกรายเข้ามาในงาน
หนุ่มหล่อสาวสวย พลันตกเป็นภาพอันสวยงามสดใสจนตกเป็นสายตาของทุกคนที่สุดตอนเข้างาน แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น ภวินท์เหมือนนามบัตรที่เดินได้เอง เมื่อเดินไปตรงไหนก็สามารถเรียกสายตาของผู้คนได้ตลอด
พลันมีคนเดินดักหน้า เพื่อกล่าวทักทายภวินท์อย่างสุภาพ พร้อมทั้งหาเรื่องเสวนาด้วย ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง จึงคอยฟังเรื่องสัพเพเหระของพวกเขา ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสนใจ
หลังจากนั้นภายในชั่วโมงกว่าๆ หลังจากผ่านช่องทางการแนะนำของภวินท์แล้ว ญาธิดาได้รู้จักผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย รวมทั้งได้รับนามบัตรนักธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ การเดินวนครบรอบ ก็ได้พบกับบุคคลที่โน้มน้าวไปทิศทางเดียวกันสองสามคนความสนใจของเธอก็ค่อยๆ ปรับระดมมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณธิดา ทางเราหวังว่าต่อจากนี้จะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันครับ”
“ค่ะ ต้องมีโอกาสอย่างแน่นอนค่ะ”
“……”
ญาธิดาได้รับนามบัตรเพิ่มอีกใบ เธอพยักหน้าให้คนคนนั้นเป็นการแสดงความขอบคุณ รอจนอีกฝ่ายหันหลังกลับไป เธอถึงแอบถอนหายใจโล่งอก
เมื่อครู่พูดคุยกันอยู่นาน เธอกระหายน้ำจนทนไม่ไหว พลันคว้าแก้วน้ำที่มีของเหลวสีอ่อนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแก้วหนึ่งพลางเงยหน้ากระดกกรอกปากทันที
รสชาติความละมุนติดลิ้นจนทำให้เธอกลืนลงคออย่างไม่ฝืดเคือง แต่วินาทีต่อมา จังหวะที่ไหลผ่านลำคอของเธอกลับร้อนผ่าว เธอถึงรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือเหล้า!
แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว เหล้าอึกแรกเธอกลืนลงคอไปแล้ว อึกที่สองอยู่ในปาก จะบ้วนออกมาก็ไม่ได้ จะกลืนก็ไม่ได้อีก พลันตะลึงอยู่ที่เดิม และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีในเวลานั้น
พอผู้ชายที่อยู่ด้านข้างมองเห็นหญิงสาวทำแก้มป่อง พลันคลี่ยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ จนย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา “แจกความน่ารักอยู่เหรอ?”
ประโยคนี้ของเขา จนใกล้จะทำให้ของเหลวที่อยู่ในปากของเธอพุ่งพรวดออกมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็กลืนของเหลวลงคอทันที ความรู้สึกเผ็ดร้อนจนทำให้เธอย่นคิ้วเข้าหากันอย่างทนไม่อยู่ เธอกลอกตามองภวินท์ แต่ไม่ได้พูดอะไร พลันเร่งฝีเท้าไปยังโต๊ะเครื่องดื่มที่อยู่ทางด้านข้างแทน
เธอหยิบน้ำผลไม้ปั่นขึ้นมาแก้วหนึ่ง และดื่มหลายอึกติดต่อกัน ถึงได้ระงับกลิ่นเหล้าที่อยู่ในโพรงปากและลำคอนั้นเอาไว้ได้
พลันรับรู้สายตาที่เพ่งมองมาจากทางด้านข้าง ญาธิดาแหงนหน้าชะเง้อมอง ซึ่งเป็นดวงตาดำขลับคู่นั้นของภวินท์ เขายิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาแสดงความขี้เล่นออกมาเล็กน้อย
เวลานั้น หัวใจญาธิดาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันกลอกตาให้เขา และตั้งใจเบนสายตาหนี เพื่อจะได้ไม่มองเขาอีก
“คุณญาธิดาครับ”
เวลานี้เอง พลันมีเสียงสดใสสุขุมนุ่มลึกของผู้ชายดังมาทางด้านหลัง ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย จึงหันหน้ากลับไปตามสัญชาตญาณจึงมองเห็นบริกรหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ มีแขกท่านหนึ่งให้ผมเอาสิ่งของมาให้คุณครับ”
ญาธิดาหลุบตาลง พอเห็นกล่องเล็กๆ ที่เขาถือมา จนเกิดความรู้สึกตกใจ พลันช้อนตามองเขา และเริ่มอ้าปากถามทันที “ใครหรือคะ?”
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ชัดมากครับ เมื่อกี้เขาเอากล่องมาให้ผมตอนอยู่ตรงนั้นครับ”
บริกรพูด พลันมองไปทางนั้นเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้เธอ
ญาธิดาช้อนสายตามอง พลันมองตามสายตาของเขาไป บริเวณนั้นมีกลุ่มคนอยู่หนึ่งกลุ่ม แต่กลับไม่มีใบหน้าที่เธอคุ้นเคยสักคน
ความสงสัยในหัวใจยิ่งเกิดความสับสนมากกว่าเดิม ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันลังเลอยู่สักพัก จากนั้นจึงยื่นมือออกไปรับกล่องเล็กใบนั้นเอาไว้ พลันพูดขอบคุณบริกร “ขอบคุณค่ะ”
บริกรยิ้มให้เธอพลันพยักหน้าให้เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึก พลันเดินหันหลังให้และเดินจากไปทันที
ญาธิดาค่อยๆ เปิดกล่องอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกลังเลเล็กน้อยซึ่งไม่คิดเลยว่าภายในจะมีหยกอยู่หนึ่งชิ้น สีใส เกรดเหนือชั้น
นอกจากหยกแล้ว ทางด้านข้างยังเสียบการ์ดเล็กๆ ที่พับเอาไว้ด้วย
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ พลันหยิบการ์ดมาเปิดดู ซึ่งด้านบนยังเขียนตวัดกำกับเอาไว้อยู่หนึ่งบรรทัด “คุณญาธิดาช่างเป็นคนสวยสะดุดตา ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รู้จักกับคุณหรือไม่?”
ญาธิดามองสิ่งของที่อยู่ในมือ จนเกิดความรู้สึกมึนเบลอไปหมด
หรือว่าคนที่แอบชอบอยู่ส่งมาให้เหรอ? แต่เพราะว่าอะไรถึงไม่ได้เขียนกำกับช่องทางในการติดต่อล่ะ? แต่ที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นบนการ์ดมีสัญลักษณ์ของใยแมงมุมสีดำเอาไว้ตรงมุมขวา ซึ่งมีเอกลักษณ์ ความมืดหม่น แต่กลับเปิดเผยความเย็นเฉียบล้ำลึกออกมาให้เห็น
ญาธิดายังไม่เข้าใจสิ่งของเหล่านี้ที่อยู่ในมือ พลันมีเงาผู้ชายคนหนึ่งเพิ่มมาอีกคนปรากฏอยู่ทางด้านหน้าอย่างกะทันหัน
ภวินท์เดินมาหยุดทางด้านหน้า และเหลือบมองสิ่งของที่อยู่ในมือ และหยิบการ์ดและกล่องมาทันทีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว
พอภวินท์เห็นหยกก้อนนั้นแล้ว เขาย่นคิ้วเล็กน้อย จนเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว เขาจึงเปิดการ์ดที่ถูกพับเอาไว้เป็นอย่างดีใบนั้นหยิบติดมือมา เมื่อมองเนื้อหาที่อยู่ด้านบน สีหน้าเคร่งขรึมลงถนัดตา
เขากำการ์ดในมือไว้แน่น แต่ท้ายที่สุดสายตามองรูปภาพสัญลักษณ์เล็กๆ ที่อยู่มุมขวาด้านล่าง ชั่วพริบตาเดียว ความกดอากาศรอบตัวเขากดฮวบต่ำลงถนัดตา หนาวจนทำให้คนตกใจ
ตอนแรกญาธิดาก็อยากจะพูดอะไรอยู่บ้าง แต่รู้สึกว่าตอนที่ร่างกายชายหนุ่มแผ่ความเย็นชาออกมา จนเริ่มหวั่นวิตก และเอ่ยปากถามอย่างอดใจไม่ไหว “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
หรือว่าในกล่องใบนี้มีปัญหาอะไรอยู่
ภวินท์เงียบงันไม่ยอมพูด พลันหยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อารมณ์ที่อยู่ในดวงตาเริ่มเย็นลงทีละคืบ นัยน์ตาอันเงียบขรึมราวกับมีใบมีดแอบซ่อนเอาไว้ จนทำให้คนหนาวตาม
ท้ายที่สุด เขาเผยอริมฝีปากที่เม้มริมฝีปากเป็นเส้นขีด “ไปเอามาจากไหน?”
สิ่งของชิ้นนี้มันไม่ใช่ของขวัญที่คนตามจีบส่งมาให้ แต่เป็นยันต์ทำของใส่ให้ตายไวๆแผ่นหนึ่ง! ญาธิดาไม่รู้ แต่เขารู้ดีที่สุดแล้ว!
ตราสัญลักษณ์นั้น เป็นรูปสัญลักษณ์กลุ่มลูกน้องของสิงโตในอดีต แต่หยกก้อนนั้น ถ้าเขาจำไม่ผิด หยกก้อนนั้นจะแขวนอยู่ที่คอของสิงโตอยู่ตลอดเวลา!
ซึ่งในเวลานี้เขาถอดออก อีกอย่างยังมีคนเอาของชิ้นนี้ส่งให้ญาธิดา ซึ่งตั้งใจแสดงมีความหมายมีนัยยะเป็นอื่น!
แต่ญาธิดากับสิงโตแทบไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หรือว่าเป็นเพราะว่าเขาเหรอ?
ในใจภวินท์ก็เกิดความคิดนี้ขึ้นมา เขากำหมัดแน่น พลันช้อนสายตามองบริเวณโดยรอบ ราวกับถูกสายตาอันคมกริบของเหนี่ยวเพ่งมองอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มผู้คน แต่สำรวจวนแล้วหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบเจออะไร!
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เวลานี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง สิงโตซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ สภาพการณ์เช่นนี้ถือว่าอันตรายที่สุด พอสิงโตต้องการจะลงมือกับพวกเขา พวกเขาย่อมยากไร้การป้องกัน
พลันช้อนสายตาเหลือบมองหญิงสาวที่ทำหน้าตกตะลึงอยู่ทางด้านข้าง ภวินท์ไม่สามารถอธิบายอะไรมากได้ทันท่วงที พลันคว้าข้อมือของเธอก็เดินมุ่งหน้าออกทางด้านนอกทันที
หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น พลันถามออกไปทันควัน “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นคะ? คุณจะพาฉันไปไหนคะ?”
“พาคุณออกไปจากที่นี่!”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าเล็กน้อย พลันหันหน้ากลับไปเหลือบมองเธอ สายตาเคร่งขรึมจนตกอกตกใจ และพูดอย่างจริงจัง “ที่นี่มันอันตรายมาก”
ประโยคเดียว ราวกับกระแทกเข้าห้องหัวใจของญาธิดา อย่างรุนแรง
ในความทรงจำของเธอ ภวินท์ไม่หวั่นเกรงสิ่งใด และไม่กลัวอันตรายอะไร แต่เขากลับพูดว่าที่นี่อันตราย หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ?
โดยที่ไม่รอให้เธอคิดให้เข้าใจ ภวินท์ก็ดึงเธอ และใช้สายตาผิดแปลกสอดส่องผู้คนโดยรอบ และเดินออกจากห้องโถงของStarlight Venueทันที