ดวงใจภวินท์ - บทที่ 437 คิดบัญชี
บทที่ 437 คิดบัญชี
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หนังสั้นการกุศลก็ได้เปิดกล้องอย่างเป็นทางการ งานทั้งหมดทุกอย่างต่างคืบหน้าไปอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพต่อการเร่งดำเนินงาน ญาธิดาจึงอยู่ที่กองถ่ายทั้งวันทั้งคืน บางเวลาก็จะเอาเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนมาดูแลที่กองถ่ายด้วย ทุกวันเลยเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
เป็นเวลาเกือบจะอาทิตย์หนึ่ง ญาธิดาไม่ได้เจอภวินท์เลย แต่ว่ากลับพบเจอชายหนุ่มอยู่บนข่าวของเมือง J ตลอด
ไม่ว่าจะเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยน หรือเพียงแค่เข้าร่วมงานตัดริบบิ้นของแบรนด์ใหม่ เป็นคนที่ยุ่งมากตามประสา
ญาธิดาเปิดพาดหัวข่าวบนโทรศัพท์มือถือของเธอ สายตากลั่นกรองภาพชายหนุ่มในข่าวด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ ในขณะนั้นเองจู่ๆ คุณบิ๊กก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ธิดา วันนี้พวกเราจะต้องไปSTN Groupเพื่อพบปะกับคุณภวินท์ แล้วจะมีการประชุมสั้นๆ”
ญาธิดาเก็บโทรศัพท์มือถือโดยทันที “ไปSTN Group?”
คุณบิ๊กพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ คุณภวินท์ยุ่งมากๆ ช่วงบ่ายเขาพอจะหาเวลาได้ครึ่งชั่วโมงเพื่อประชุมกับพวกเรา รบกวนให้พวกเราไปเข้าร่วม”
ญาธิดาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ได้ค่ะ”
เนื่องจากเป็นคำสั่งของเจ้านาย เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงบ่ายสอง ญาธิดากับคุณบิ๊กก็มาถึงSTN Group และหลังจากได้พบกับผู้ช่วย ก็ถูกนำทางไปที่ห้องประชุมใหม่ของSTN Group
ห้องประชุมใหม่ใหญ่มาก กว้างขวางและสว่างไสว ครึ่งหนึ่งของกระจกรูปทรงโค้งสูงจรดเพดาน นอกจากผนังที่ทางเข้าประตูนั้นแล้ว อีกสามด้านก็เป็นกระจกสีน้ำตาล ซึ่งดูทันสมัยและมีสไตล์
คุณบิ๊กกำลังจะนั่งลงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ปัจจุบันไม่เหมือนอดีต STN Groupตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งในเมือง J”
ญาธิดายิ้มเงียบๆ ฟังเขาแจกแจงรายงานความสำเร็จและความดีเลิศของSTN Groupในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้ว ในใจรู้สึกชื่นชมภวินท์มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ต้องพูดว่า ภายใต้การดูแลของเขา อุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวพันกันของSTN Groupในตอนนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อสังหาริมทรัพย์และการเงินแต่เดิมเท่านั้น ยังมีด้านความงาม เสื้อผ้า ภาพยนตร์โทรทัศน์ และปัญญาประดิษฐ์ ต่างก็ก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
ในขณะนั้นเอง หน้าประตูห้องประชุมจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบร้อน ผู้ช่วยที่พึ่งต้อนรับและนำทางให้พวกเขาก็เดินเข้ามา สีหน้าผิดปกติ
“ผู้กำกับทั้งสองท่าน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน พวกคุณอาจจะต้องรออีกสักหน่อยค่ะ”
ผู้ช่วยทำหน้ารู้สึกผิด เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “ยังมีห้องประชุมที่รอการใช้……”
เมื่อสิ้นเสียงของเธอ เสียงฝีเท้าอันโกลาหลก็ดังออกมาจากด้านนอกประตู ที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
คุณบิ๊กถาม “ถ้างั้นให้พวกเราไปรอที่ไหน?”
ใบหน้าผู้ช่วยปรากฏความลำบากใจ สูดลมหายใจลึก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ถ้าหากพวกเขาออกไปกันตอนนี้จะต้องได้เจอกับคนที่กำลังจะเข้ามาอย่างแน่นอนตอนนี้สถานการณ์ด้านภายนอกไม่ได้ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทางที่ดีไม่ต้องเจอเลยจะดีกว่า
ผู้ช่วยลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเหลือบไปมองประตูกระจกด้านข้าง แสงวาบปรากฏขึ้นทันใดแล้วพูดว่า “พวกคุณตามฉันมาค่ะ”
ญาธิดาและคุณบิ๊กก้าวขาตามไป เห็นผู้ช่วยเดินไปที่ด้านหน้ากระจกบานหนึ่งแล้วกดปุ่มอะไรสักอย่าง แล้วประตูกระจกก็เปิดออกอย่างช้าๆ
ภายในเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก อบอุ่นสบาย ส่วนที่เชื่อมต่อกับห้องประชุมใหญ่คือหน้าต่างกระจกทั้งบาน
“พวกคุณเข้าไปรอสักครู่”
ญาธิดาพยักหน้า มองผู้ช่วยเดินออกไป
ภายในของห้องประชุมสบายมาก การตกแต่งและการออกแบบภายในเต็มไปด้วยความชาญฉลาด และมีความทันสมัยอย่างมาก
คุณบิ๊กพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “ฉันได้ยินมาว่าห้องประชุมนี้ออกแบบโดยบริษัทเทคโนโลยีภายใต้STN Groupมันล้ำมาก ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มีโอกาสเห็น”
พอญาธิดาได้ยินก็กระตุกยิ้ม ก้มหัวลงอย่างไม่ตั้งใจ เธอเหลือบมองไปเห็นรีโมทคอนโทรลอันหนึ่งที่อยู่ด้านข้างโซฟา ก็พลันเกิดความสงสัย จึงหยิบมันขึ้นมาเล่น
รีโมทคอนโทรลอันนี้ไม่เหมือนกับรีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศหรือทีวีทั่วไป พื้นผิวของแผงควบคุมเป็นโลหะ และยังมีหน้าจอเล็กๆ อีกอันหนึ่งด้วย
ญาธิดาเกิดความสงสัย เธอยื่นมือออกไปกด ใครจะรู้ว่ากระจกบานตรงข้ามโซฟาจะเกิดเสียง “ติง!” ทันทีหลังจากนั้น สีน้ำตาลก็ค่อยๆ จางลงกลายเป็นโปร่งใส จนมองเห็นภาพในห้องประชุมนั้นได้อย่างชัดเจน
ญาธิดาตกใจ มองไปทางคุณบิ๊ก โดยไม่รู้ตัว
คุณบิ๊กเองก็ตะลึงงัน สองคนสบสายตากัน มองไปที่ทางห้องประชุมนั้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ในห้องประชุมมีคนนั่งอยู่หลายคน คนที่นั่งหัวโต๊ะก็คือภวินท์นั่นเอง มีผู้ชายสวมชุดสูทหลายคนนั่งตัวตรงอยู่ข้างๆ สีหน้าของพวกเขาดูจริงจัง และกำลังพลิกเอกสารที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ภวินท์สีหน้าเคร่งขรึม เยือกเย็นจนน่ากลัว เขาพูดเสียงหนักแน่น “ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนทุกงวด”
ญาธิดาได้ยินเสียงจากข้างโซฟา ทันใดนั้นก็พบว่าด้านหลังของโซฟาที่อยู่ด้านล่างตัวเองทั้งสองข้างมีอุปกรณ์ชิ้นเล็กอยู่ 2 ชิ้น น่าจะเป็นอุปกรณ์วิทยุในห้องประชุมนั้น สามารถส่งสัญญาณมาที่ฝั่งนี้ได้พอดี
ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ตอบสนองโดยทันที
นี่ไม่ใช่ห้องรับรองแขกอะไรอย่างนั้นหรอก แต่เป็นห้องสังเกตการฟังขนาดเล็ก หลังจากเปิดใช้งานกระจกแล้วก็เป็นกระจกด้านเดียว พวกเขาสามารถมองเห็นภาพในห้องประชุมได้อย่างชัดเจนและยังได้ยินเสียงผ่านอุปกรณ์วิทยุจากทางฝั่งนั้นอีกด้วย
ดูเหมือนการว่าราชการหลังม่านในสมัยก่อน
ญาธิดาสูดลมหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมองไปที่คุณบิ๊กอย่างกระอักกระอ่วน เธออ้าปากจะพูด ใครจะรู้ว่าทางฝั่งห้องประชุมนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหว
เสียงคนผลักประตูดัง “คลิก” ทันทีหลังจากนั้น ภูผาก็ถูกครามผลักไปด้านหน้า ข้างหลังพวกเขาก็มีชายสวมชุดดำหลายคนเดินเข้ามาพร้อมกัน
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ญาธิดาก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในห้องประชุม
ครามผลักภูผาไปที่ด้านตรงข้ามกับภวินท์ ชายชุดดำหลายคนยืนแยกจากกันเป็นสองฝั่ง เต็มไปพลังอำนาจ
กองกำลังทั้งสองกลุ่ม กลายเป็นการเผชิญหน้าเข้าหากันในทันใด
ญาธิดาสูดลมหายใจเย็น สิ่งที่อยากจะพูดในตอนแรกก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เธอจ้องมองดูสถานการณ์ในห้องประชุมที่อยู่อีกด้านของกระจกอย่างจดจ่อ รู้สึกประหม่าเสียยิ่งกว่าคนที่อยู่ในที่เหตุการณ์เสียอีก
ความอ่อนโยนของภูผาได้เปลี่ยนไปจากเดิม สีหน้าจริงจังเคร่งขรึม แม้จะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ผู้คนก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเขา “พี่ใหญ่ พี่ตั้งใจจะทำแบบนี้เหรอ?”
ภวินท์เงยหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจ “เป็นอะไรไป? กลัวตัวเองจะตรวจสอบไม่ไหวเหรอ?”
ด้านหลังของภูผาเหยียดตรง พูดอย่างเย็นชาว่า “พาคนไปถึงบริษัทลูกเพื่อเก็บบัญชีอย่างไม่รีรอ ยังไม่เท่ากับตบหน้าผมต่อหน้าคนทั้งบริษัทเหรอ? หลังจากนี้จะให้ผมทำยังไง?”
ภวินท์พึมพำเสียงเย็น พูดเสียงเรียบ “ที่ฉันทำแบบนี้ นั่นก็ต้องมีหลักฐานอยู่บ้างแล้ว ฉันไม่เคยทำอะไรโดยไร้ซึ่งความแน่ใจ”
ภูผาก็พูดปะทะ “หลักฐานอะไร มากางบนโต๊ะให้ทุกคนดูเลยดีกว่า”
ภวินท์ไม่ยอมถอยกลับมาแต่น้อย “ทางนี้ตรวจสอบบัญชีจนละเอียดแล้ว ขาดไปเท่าไหร่ รออีกเดี๋ยวความจริงก็จะถูกเปิดเผย เวลาแค่นี้ฉันรอได้”
ชั่วขณะหนึ่ง ชายสองคนมองหน้ากัน สายตาฉายความโกรธคุมเชิงกันท่ามกลางความมืด
ญาธิดานั่งบนโซฟามองดูพวกเขาอยู่ภายในห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มองดูพวกเขาเธอเองก็รู้สึกประหม่าไปด้วย
ภายในห้องประชุมเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงนาฬิกาเท่านั้นที่หมุน “ติ๊กต๊อก” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดคนที่อยู่ข้างๆ ก็หยุดมือ เขาหันคอมพิวเตอร์ไปทางภวินท์แล้วพูด “คุณภวินท์ ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ”
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องประชุมก็ตึงเครียดขึ้น
ภวินท์ยื่นมือออกไป ดึงแล็ปท็อปตรงไปยังตำแหน่งที่จัดวาง สายตาเหลือบมองบนหน้าจออย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึมอย่างช้าๆ เคร่งขรึมเสียจนจะสามารถหยดออกมาเป็นน้ำได้
ในท้ายที่สุด เขาก็หยิบบัญชีข้างๆ ขึ้นมา โยนมันไปตรงหน้าของภูผาอย่างไม่ลังเล แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ขาดไปเท่าไหร่ ก็ดูเอา!