ดวงใจภวินท์ - บทที่ 440 ไปด้วยตัวเอง
บทที่ 440 ไปด้วยตัวเอง
ความเย็นชาไร้หัวใจของเขา เบื้องหน้าของภูผา นั่นคืออะไร?
“หลายปีมานี้เธอรู้เรื่องที่เขายักยอกเงินของSTN Groupไปเท่าไหร่แล้วหรือเปล่า? เธอรู้ว่าเขาแอบลอบวางหมากซุ่มโจมตีเพื่อสอดแนมฉันไปเท่าไหร่ไหม? เธอรู้ว่าก่อนหน้าวันนี้ ลูกชายของโอถูกลูกน้องของภูผาควบคุมอยู่ตลอด เขาสามารถตายได้ทุกเมื่อหรือเปล่า!”
เสียงของชายหนุ่มหนักแน่นทรงพลัง คำพูดทีละคำต่างกระแทกลงบนหัวใจของญาธิดา ทำให้ร่างของเธอสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุด ดวงตาของภวินท์ก็ฉายความเหนื่อยล้าและความผิดหวัง เขาพลันปล่อยมือญาธิดา
ร่างกายญาธิดาอ่อนแรง สมองขาวโพลนไปหมด
เธอไม่มีทางเข้าใจการต่อสู้และความโกรธแค้นที่เกี่ยวกับตระกูลร่ำรวย และยิ่งไม่มีทางเข้าใจว่าภวินท์มองเห็นทิวทัศน์แบบใดจากที่สูงที่เขายืนอยู่ เธอรู้แค่ว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้าเธอโหดเหี้ยมจนทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
เธอแค่อยากจะหนีออกไป
เธอสูดลมหายใจลึก ลมหายใจผิดปกติ เธอถอยหลังไปสองก้าวเหลือบมองภวินท์ แล้วก้าวเดินไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” เสียงปิดประตูดัง หัวใจภวินท์ก็จมดิ่งลงเช่นกัน
สุดท้ายเขาก็ยังคงทำให้ญาธิดารู้สึกถึงความห่างไกล
แต่ก็มีหลายสิ่งเหลือเกิน ที่เขาไม่อาจทำตามใจตนเองได้
ความจริงแล้ว เพื่อควบคุมโอ ภูผาได้วางแผนเรื่องลูกชายของโอไว้ตั้งนานแล้ว เขาเพิ่งสั่งให้คนตรวจสอบบัญชี คนของฝ่ายภูผาก็ได้จับกุมลูกชายของโอไว้แล้ว หากโอเกิดคิดทรยศ ทางฝั่งนั้นก็เตรียมสังหารตัวประกันได้
เขาส่งลูกน้องให้ไปช่วยลูกชายคนเล็กของโอออกจากเงื้อมมือของภูผา และมันเป็นเพียงกลวิธีทางจิตวิทยาที่จะบังคับให้เขาสารภาพผิดเท่านั้น ไม่เคยคิดจะทำอะไรกับลูกๆ ของเขาเลย
ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกญาธิดาเข้าใจผิด
ภวินท์เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปวดหัวจะแย่
ในขณะนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักออก พายุก้าวเดินเข้ามา “คุณภวินท์ แผนกต้อนรับของเราได้รับสายโทรศัพท์จากสื่อของเมือง Jหลายสาย พวกเขาต่างก็สอบถามเกี่ยวกับการตรวจสอบรายการทรัพย์สินของบริษัทลูกครับ”
ได้ยินดังนั้นหัวคิ้วภวินท์ก็ขมวดแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังมากยิ่งขึ้น
ไม่เคยคิดว่าการไหวตัวของภูผาจะไวขนาดนี้
ตอนนี้เขาแค่กระจายข่าวออกไป ชัดเจนแล้วว่าจะทุ่มหมดตัว
ในเมื่อทางนี้ไม่มีที่สำหรับเขา เช่นนั้นเขาก็จะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของครอบครัวออกมา แล้วลากSTN Groupทั้งหมดลงน้ำ เมื่อถึงตอนนั้นถ้าเขาไม่ลงมือทำอะไร หลังจากผ่านพายุฝนแห่งการวิจารณ์ของมวลชนแล้ว STN Groupเองก็คงเสียหายอย่างรุนแรงและยากที่จะฟื้นตัว
วิธีการที่สูญเสียกันทั้งสองฝ่ายนี้ นี่มันโหดร้ายเสียจริง!
ภวินท์ขมวดคิ้ว สั่งการเสียงเย็นว่า “ไปประกาศประชาสัมพันธ์ก่อนที่การคาดเดาและข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงทุกอย่างจะออกมา เตรียมแถลงการณ์เกี่ยวกับจุดประสงค์และผลในท้ายที่สุดของการตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัทลูก ผลักเอาโอไว้อยู่ในแนวหน้าสุด”
หลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การชี้นำของภูผา โอจึงได้ทำเรื่องต่าง ๆมากมายที่ทำลายผลประโยชน์ของบริษัท ตอนนี้หน้าที่ก็คือหน้าที่ ก่อนที่จะนำเขาส่งให้กับตำรวจ ผลักเขาให้ตกอยู่ในลมปากของคน ทำให้ตัวเขามีคุณค่าเป็นครั้งสุดท้ายก่อน
สิ่งที่เขาต้องการตลอดมาก็คือรักษาผลประโยชน์ของSTN Groupไม่ให้ถูกทำลาย นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของเขา และมันก็เป็นความรับผิดชอบที่เขาควรแบกรับไว้ในตำแหน่งนี้เช่นกัน
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องใดๆ จะไม่คำนึงถึงประโยชน์ของตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะต่อสู้กับภูผาจนถึงที่สุด!
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา คำวิจารณ์ต่างๆ เกี่ยวกับข่าวของSTN Groupบนอินเทอร์เน็ตนั้นร้อนแรงอย่างมาก อย่างแรกคือแถลงเหตุผลในการตรวจสอบบริษัทลูก หลังจากนั้นโอก็ถูกไล่ออก เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์และประณามจากชาวเน็ตในเมือง J
หลังจากนั้น ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของSTN Groupได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ออกมา กล่าวว่าช่วงเวลานี้กำลังดำเนินการสอบสวนเชิงลึกภายในกลุ่ม จะต้องเปิดโปงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมา และในขณะเดียวกันก็ยังวางแผนที่จะตรวจสอบบัญชีของบริษัทลูกอื่นๆ เช่นกัน
ด้วยการดำเนินการเคลื่อนไหวนี้ STN Groupก็ไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต ในทางตรงกันข้ามการเตรียมการทั้งหมดของภวินท์ได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดีอย่างกว้างขวาง
แต่ว่าแนวโน้มความคิดเห็นของมวลชนในครั้งต่อไป จะเป็นไปในทิศทางใดต่างก็ไม่มีใครรู้
ในขณะนี้ญาธิดาและทีมงานในสตูดิโอของคุณบิ๊กกำลังเก็บภาพอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบทึบ
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ ครั้งนี้ทีมย่อยที่เข้าป่ามีกันทั้งหมด8คน นอกจากคุณบิ๊ก ญาธิดาและยังมีนักแสดงอีกสองคนแล้ว ที่เหลือต่างก็เป็นทีมงานที่มีความสามารถมากที่สุดของแต่ละแผนก
ด้วยทีมงานที่คล่องตัว อุปกรณ์เบาสบายเคลื่อนย้ายง่าย พวกเขาจึงมาถึงภูเขาเทียบฟ้าที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง J โดยการเดินจากถนนสายเล็กด้านข้างขึ้นไป แทนการใช้ถนนเส้นการท่องเที่ยว เพื่อค้นหาสถานที่ถ่ายภาพที่เหมาะสมที่สุด เพื่อทำให้ฉากที่จำเป็นในภาพยนตร์สั้นการกุศลนั้นสมบูรณ์
เตนท์ปักหลักอยู่ที่กลางสันเขา ภาพที่ลองถ่ายไปได้สองสามช็อตเมื่อครู่ ผลลัพธ์ค่อนข้างออกมาดี ทีมงานต่างก็กำลังพักผ่อนอยู่ ญาธิดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วไถดูตามปกติ
เนื่องจากอยู่กึ่งกลางสันเขา สัญญาณจึงไม่ดีและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ช้ามากญาธิดาเมื่อเห็นการประกาศสถานการณ์ล่าสุดของSTN Groupในพาดหัวข่าว ก็อดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปอ่าน
วงกลมเล็กของบัฟเฟอร์เครือข่ายยังคงหมุนอยู่บนหน้าจอตลอด นั่นหมายถึงว่าไม่สามารถโหลดได้ หลังจากลองอยู่สองสามครั้งสุดท้ายญาธิดาก็ยอมแพ้ แล้วเดินไปที่กล้องเพื่อตรวจสอบวิดีโอที่เพิ่งถ่าย
เมื่อกลับมาดูได้สองรอบ ญาธิดาก็ยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยดี เธอสูดลมหายใจลึกเดินไปหาคุณบิ๊ก แล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะ สถานที่นี้ยังกว้างไม่พอ ตอนบ่ายฉันอยากเปลี่ยนสถานที่ แล้วพวกเราก็ลองใหม่อีกครั้งดีไหม?”
คุณบิ๊กได้ยินดังนั้น หลังจากดูภาพในกล้องแล้ว สุดท้ายก็พยักหน้า “ตอนบ่ายลองไปดูทางนั้น แต่ว่าวันนี้ต้องลงเขาเร็วหน่อย ดูท่าฝนอาจจะตก”
“ได้ค่ะ”
การถ่ายทำในครั้งนี้ที่ได้กำหนดไว้คือ 3 วัน สามวันมานี้เพื่อที่จะบรรลุภารกิจการทำงาน หน้าที่ของพวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าง่ายดายนัก ตอนกลางคืนต้องไปพักที่โรงแรมตรงตีนเขาเขาเทียบฟ้า ตอนกลางวันก็ต้องปีนขึ้นเขาไปหาโลเคชั่นสำหรับถ่ายทำ ตารางการเดินทางทั้งหมดต่างถูกจัดอย่างแน่นเอี๊ยด
อย่างรวดเร็ว เวลาก็มาถึงช่วงเที่ยงวัน พวกเขาเปลี่ยนโลเคชั่น ผลลัพธ์ก็ยังออกมาไม่เป็นไปตามที่ญาธิดาคาดหวังไว้ เธอให้ไม้ ทีมงานเอาโดรนขึ้นไป สำรวจดูรอบๆ เพื่อหาโลเคชั่นถ่ายทำที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อมองดูภาพที่ส่งมาจากโดรน ญาธิดาก็จดจ่อหาโลเคชั่น ในท้ายที่สุดก็มีทัศนียภาพหนึ่งปรากฏขึ้นสู่สายตา
ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ สะพานเล็กและสายน้ำไหล ข้างๆ เป็นสนามหญ้าเขียวชอุ่มค่อนข้างกว้าง มีความลึกลับและสุนทรีย์
หัวใจญาธิดารู้สึกสั่นไหว ให้ไม้โฟกัสจุดไว้แล้วถามตำแหน่ง
ไม้ส่ายหัว “สถานที่ อาจจะไกลอยู่นิดหน่อย”
“ไกลแค่ไหน?”
หลังจากพบโลเคชั่นที่พึงพอใจโดยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอจะล้มเลิกง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? ถึงแม้จะยังถ่ายทำไม่ได้ในวันนี้ แต่เธอก็ต้องระบุตำแหน่งนี้เอาไว้และรอจนถึงเช้าพรุ่งนี้เพื่อรีบไปถ่ายทำให้ได้
ไม้เหลือบมองดูเวลา “ถ้าคนของพวกเรารีบไปตรงนั้น กลัวว่าวันนี้บ่ายก็คงยังถ่ายทำเนื้อหาอะไรไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างระยะเวลาลงเขาก็มีแค่ชั่วโมงครึ่ง”
ได้ยินดังนั้นญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจเกิดความลังเล
ในเรื่องของการทำงาน เธอพิถีพิถันมาโดยตลอด และต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเจอกับปัญหาเข้าแล้ว
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองไปที่คุณบิ๊กซึ่งกำลังพูดคุยกับนักแสดงอยู่ข้างๆ เธอสูดลมหายใจลึกมองไปที่ไม้แล้วถาม “ถ้างั้นพวกเราส่งคนไปลองดูสถานที่จริงตรงนั้นก่อน พรุ่งนี้เช้าก็ไปเก็บบรรยากาศที่นั่น?”
ไม้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “แต่ว่ากำลังคนของพวกเรามีจำกัด กลัวว่าจะไปไม่ได้”
ญาธิดากัดฟัน นิ่งเงียบไร้ซึ่งคำพูดใด ดูท่าแล้ว เธอคงต้องไปเองแล้วล่ะ