ดวงใจภวินท์ - บทที่ 443 นั่งรอความตาย
ญาธิดาแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนสุดของหลุมที่มีความห่างระยะหนึ่ง ในใจลนลานเล็กน้อย
เนื่องจากฝนที่ตกหนัก ผนังหลุมจึงเปียกและลื่น อยากจะขึ้นไปไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย เมื่อสักครู่ตอนที่เห็นภวินท์ เธอเกิดความหวังขึ้นในใจ คิดไม่ถึงผ่านไปเพียงไม่กี่นาที พวกเขาทั้งคู่กลับมาติดแหงกอยู่ที่นี่ และสถานการณ์ก็ดูแย่ลง
ญาธิดาสูบลมหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ยื่นโทรศัพท์ออกมาดูแถบสัญญาณที่กลายเป็นสีเทา แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “รอ”
เมื่อสักครู่กลุ่มพวกเขาได้มุ่งมาทางนี้เพื่อตามหาญาธิดา เขาเดินเร็วกว่าคนอื่น ๆ เล็กน้อย ตามหลักแล้ว รออีกสักพักหนึ่ง พวกเขาก็น่าจะตามมาถึงในอีกไม่ช้า
ญาธิดาขมวดคิ้ว ในใจยังคงเป็นกังวล เธอเดินวนไปรอบ ๆ หลุม มองบนยอดหลุม ในใจก็คิดหาวิธีที่จะปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลุมนี้สูงประมาณสองสามเมตร หากว่าเธอเหยียบบนไหล่ของภวินท์ อาจจะสามารถปีนขึ้นไปได้ แต่ต่อให้เธอปีนขึ้นไปได้แล้วภวินท์ล่ะจะทำอย่างไร
ตามกำลังของเธอ เกรงว่าไม่สามารถที่จะดึงเขาขึ้นมาได้
ภวินท์นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ เขาเงยหน้ามองดูหญิงสาวที่เดินวนไปมาอย่างร้อนรน จึงเอ่ยปากกล่าวเสียงเบา ๆ “นั่งลง รักษากำลังไว้”
เวลานี้ เครียดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราต้องคำนึงถึงสิ่งที่เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นการรักษากำลังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ญาธิดาได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ตัวจึงชะงักหยุดขึ้น แล้วก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
เธอเปียกชุ่มไปทั้งตัว และรอบด้านก็เป็นโคลนเปียกไปทั่ว แต่เธอก็ไม่มีกะจิตไปสนใจสิ่งเหล่านี้ และนั่งลงอย่างจำใจ
ท่ามกลางความมืด เธอมองไม่เห็นถึงสีหน้าของชายหนุ่ม แต่รู้ว่ามีเขาอยู่ข้าง ๆ เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ความสบายใจได้มลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานมาปกคลุมร่างกายของเธอ จากภายในสู่ภายนอก เย็นไปทั่วทุกอณู
ค่ำคืนยามราตรีในป่าไพร เดิมทีก็เยือกเย็นอยู่แล้ว บวกกับฝนตก พลังงานในร่างกายได้ถูกใช้ไป ทำให้ร่างกายของเธอไม่เหลือไว้ซึ่งความอบอุ่น
ในขณะที่เธอหนาวจนเกือบจะหมดสติ ท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ได้เอ่ยปากเรียกชื่อของเธอ “ญาธิดา”
เมื่อได้ยินเสียง ญาธิดาก็หยุดนิ่งครู่หนึ่ง เมื่อได้สติ จึงได้ตอบรับ “หือ”
ถึงแม้จะเป็นเพียงคำเดียว แต่ภวินท์ก็ฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอนั้นสั่นเครือ เขายื่นมือมาทางเธอ เมื่อสัมผัสโดนแขนของเธอ ก็ได้กุมจับมือของเธออย่างช้า ๆ แล้วดึงเธอเข้ามาหาตัวเอง
ญาธิดาหนาวเย็นจนสมองแข็งทื่อไปหมด เธอไม่มีการขัดขืน เข้าไปใกล้เขาอย่างเชื่อฟัง เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นในร่างกายของชายหนุ่ม เธอก็ยิ่งขดเข้าใกล้เขาราวกับแมวน้อยก็ไม่ปาน
ภวินท์ใจสั่นขึ้น จู่ ๆ การหายใจของเขาก็ผิดปกติอย่างอธิบายไม่ถูก เขาเหยียดออกมาโอบหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน
ร่างกายของเขาก็ไม่ถือว่าอุ่นมาก แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะด้านจิตใจหรือร่างกาย คงจะดีกว่าถ้าทั้งสองได้กอดอิงแอบกัน
สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากร่างกายของชายหนุ่ม ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ร่างกายค่อย ๆ มีความรู้สึก เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา มองดูเวลาที่แสดงอยู่บนนั้น ในใจก็เกิดความหนักหน่วง
เวลานี้ ยามดึกยังไม่ย่างกราย แต่อุณหภูมิก็ต่ำลงเช่นนี้แล้ว หากว่าคืนนี้พวกเขาต้องติดอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงต้องหนาวจนไม่สบายเป็นแน่แท้
ญาธิดาตัวสั่นไปหนึ่งที “ภวินท์…พวกเราจะนั่งรอความตายอย่างนี้เหรอ”
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็ยืดตัวตรงขึ้นเล็กน้อย ไม่ตอบกลับแต่อย่างใด
อันที่จริง เมื่อสักครู่เขาก็ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ การรอต่อไปแบบไร้ความหวังเช่นนี้ หากว่าลูกน้องของเขากับคุณบิ๊กพวกเขาไม่ได้มาทางนี้ อย่างนั้นเธอกับญาธิดาจะทำอย่างไร
ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึก ดึงมือตัวเองกลับ แล้วขยับร่างกาย จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าว “คุณเหยียบบนไหล่ของผมแล้วปีนขึ้นไปก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธี”
ญาธิดาลังเลครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น ในใจยังคงตัดสินใจไม่ได้ “ถ้าฉันขึ้นไปคนเดียว แล้วคุณล่ะจะทำอย่างไร”
ภวินท์กล่าวอย่างใจเย็น “ขึ้นไปก่อน ไม่ว่าจะดึงผมขึ้นไป หรือว่าไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ก็ดีกว่าการติดอยู่ที่นี่ทั้งสองคน”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และความลังเลใจก็ค่อย ๆ มลายหายไป
เขาพูดถูก หากรอต่อไปแบบนี้ พวกเขาก็มีเพียงแต่ความตายเท่านั้น!
นัยน์ตาของญาธิดาแน่นิ่งครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้า “ได้ อย่างนั้นฉันขึ้นไปก่อน” พวกเขายืนอยู่ด้านหน้ากำแพงหลุม โดยคนหนึ่งอยู่หน้าอีกคนอยู่หลัง ภวินท์คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วให้ญาธิดาเหยียบบนไหล่ของเขาปีนขึ้นไป
ญาธิดาจับไหล่ของเขาไว้ ฝ่ามือของเธอสัมผัสโดนของเหลวอุ่น ๆ เธอตกใจขึ้น แล้วก็ดึงมือกลับทันที
นั่นไม่ใช่น้ำฝนอย่างแน่นอน!
ญาธิดาก้มลงไปมอง แต่เธอมองไม่เห็นอะไรเลยในความมืด แต่ทว่าเธอได้กลิ่นคาวเลือดอย่างชัดเจน
นั่นคือเลือด! เป็นเลือดของภวินท์!
ญาธิดาตกใจ รีบเอ่ยปากขึ้น “ภวินท์ คุณได้รับบาดเจ็บ!”
ชายหนุ่มราวกับเหมือนไม่ได้ตกอกตกใจอะไร ประหนึ่งรู้ตั้งนานแล้วก็ไม่ปาน เขาดึงเสื้อแล้วกล่าวเบา ๆ “ผมรู้”
“อย่างนั้น……ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่บอก”
เขายังทำเหมือนกับคนที่ไม่เป็นอะไร ไม่มีคำว่า “เจ็บ” ออกมาสักคำ และเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เตอนไหน
ทันใดนั้น มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเธอ
เมื่อสักครู่ตอนที่พวกเขาตกลงมานั้น ภวินท์สับเปลี่ยนตำแหน่งของพวกเขา จนตอนท้ายที่ตกลงมานั้นก็เป็นเขาที่ตกลงถึงพื้นก่อน หากว่าเธอเดาไม่ผิด บาดแผลนี้ต้องเกิดขึ้นจากตอนนั้นแน่
ที่นี่มีหินแหลมคมเกลื่อนทุกที่ เขาไม่เพียงแต่ที่รองให้เธอเหยียบ ซ้ำตัวเองยังได้รับบาดเจ็บอีก……
ทันใดนั้น ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ จมูกคัดฟืดฟัด ยากจะสื่ออารมณ์ออกมาได้
และในเวลานี้ เสียงอันเย็นชาของชายหนุ่มได้ลอยดังขึ้น “ขึ้นมา ฟังคำผมนะ เหยียบไหล่ของผมแล้วปีนขึ้นไป”
หัวใจของญาธิดาสั่นเล็กน้อย ทำไม่ลง
เห็นความลังเลของหญิงสาว ภวินท์ขมวดคิ้ว กล่าวด้วยใจที่เย็นชา “ทำไม ญาธิดา นี่คุณอยากจะตายด้วยกันกับผมมากขนาดนี้เชียวเหรอ”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จิตใจที่ลังเลและความเจ็บปวดในใจของญาธิดาได้มลายหายไปปลิดทิ้งในบัดดล เธอขมวดคิ้วขึ้น และตัดสินใจแน่วแน่ กัดฟันและรวบรวมความกล้าเดินมาข้างหน้า
เมื่อสักครู่อุตส่าห์เป็นห่วงเขา เขากลับพูดแบบนี้ออกมา
เหยียบขึ้นไปบนไหล่ของชายหนุ่ม เธอยื่นมือไปคว้าจับพืชพรรณบนกำแพงหลุม แล้วปีนขึ้นไปโดยอาศัยแรงจากเขา
สุดท้าย ภวินท์ยื่นมือออกมา ประคองร่างของเธอ แล้วออกแรงดันเธอขึ้นไป จนเธอปีนขึ้นปากหลุมได้ในที่สุด
เมื่อปีนขึ้นมาจากหลุม เธอถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าภวินท์ยังอยู่ด้านล่าง ฉับพลันความกังวลก็บังเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง
เธอมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดที่จะสามารถดึงภวินท์ขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเธอนึกอะไรบางอย่างออก จึงถอดกระเป๋าเป้สะพายหลังออก แล้วหยิบเสื้อผ้าหลายชิ้นที่อยู่ในนั้นมามัดเป็นเชือก แล้วก็โยนลงไป
“จับเชือกไว้ ฉันจะดึงคุณขึ้นมา!”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถช่วยพวกเขาได้
แต่ว่าความยาวเชือกไม่เพียงพอ แรงของเธอก็ไม่ได้มากพอ ญาธิดากลัวว่าเมื่อดึงขึ้นมาได้เพียงครึ่ง แล้วจะถูกเขาดึงกลับลงไปในหลุมอีกครั้ง แทนที่จะดึงเขาขึ้นมา
ญาธิดากัดฟัน ก้มหน้ามองดูเสื้อบนตัวของตัวเอง แล้วตัดสินใจถอดออกมามัดไว้ที่ปลายข้างหนึ่ง พร้อมมัดเข้ากับต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ
แต่ว่าความยาวก็ยังไม่เพียงพอ
ญาธิดาก้มลงมองกางเกงขายาวบนตัวของตัวเอง ลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอดออกมา เพียงครู่เดียว บนเรือนร่างของเธอ นอกจากเสื้อในกางเกงในแล้ว ก็เปลือยเปล่าไม่หลงเหลืออะไร
แต่ว่าเวลานี้ เธอสนใจอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ช่วยคนสำคัญกว่า