ดวงใจภวินท์ - บทที่ 444 ตายกันไปข้างหนึ่ง
บทที่ 444 ตายกันไปข้างหนึ่ง
เดิมทีเธอสวมชุดกีฬา ตอนนี้เมื่อถอดออก บนเรือนร่างก็ล่อนจ้อนแทบไม่เหลืออะไร
แต่ว่ายังโชคดี ที่ที่แห่งนี้เป็นป่าเขาพนาไพร อีกทั้งยังมืดมิดสนิทจนแทบมองไม่เห็นอะไร
ญาธิดาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นำ “เชือกที่ทำขึ้นเอง” มัดเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็ตะโกนลงเข้าไปในหลุม “ภวินท์ จับเชือกแล้วดึงขึ้นมา!”
เมื่อคนที่อยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงดึงเชือกปีนขึ้นมา เนื่องด้วยร่างกายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อปีนขึ้นมาจึงค่อนข้างยากลำบาก ส่วนญาธิดาตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังดึงเชือกไว้ โดยที่จิตใจคอยกังวล
อย่าให้ต้องมีอะไรผิดพลาดเลย!
เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยร่างที่สั่นเทาเนื่องจากความหนาว แต่ว่าในใจนั้นกลับร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วง
เชือกที่แน่นตึงแกว่งไปมาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง มือข้างหนึ่งของเธอดึงเชือกไว้ และกลั้นหายใจสุดกำลัง
ในที่สุด ภวินท์ก็ปีนขึ้นมาจนได้ ญาธิดาดีใจมาก พุ่งกระโจนเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว “ขึ้นมาได้แล้ว!”
ภวินท์ลืมตาขึ้น ในความมืดมิด เขามองเห็นร่างที่ขาวนวลผ่องของหญิงสาว
ถึงแม้ว่าจะเลือนราง แต่เขาก็ยังมองออกว่าเธอไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า!
เขาขมวดคิ้วทันทีและยัด “เชือก”ในมือให้กับเธอ “รีบใส่ซะ”
พลางพูดเขาพลางเบนสายตามองไปทางอื่น
ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดเช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปย่อมมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าภวินท์เคยผ่านการฝึกซ้อมที่เกี่ยวข้องเช่นนี้มาก่อน คู่ดวงตาจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนแม้ในคืนที่มืดมิด
ญาธิดาชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองพยายามอย่างมากเพื่อดึงเขาขึ้นมา เขาไม่เพียงแต่ไม่กล่าวขอบคุณสักคำ ยังกลับแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ใส่เธอ! ทันใดนั้น ญาธิดาเย็นชาในใจ ในความมืดได้กลอกตามองบนใส่เขาทีหนึ่ง และสวมเสื้อผ้าลงบนร่างกายอย่างรวดเร็ว
ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็มองชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งฟอด แล้วก็ก้าวเดินมุ่งตรงไปด้านหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าจะสะกิดโดนบาดแผลที่น่อง ความเจ็บปวดจึงได้ลอยมา
เธอสูดลมเย็น ๆ เข้า แล้วค่อย ๆ ส่งเสียงครางโอดโอยเบา ๆ
และในเวลานี้ ชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลได้หยุดชะงักฝีเท้าขึ้น แล้วหันหลังมา ยื่นมือมาจับแขนของเธอ โดยไม่พูดจาใด ๆ
ญาธิดาขมวดคิ้ว อยากจะดึงมือกลับ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน จึงหยุดชะงักการกระทำขึ้น
เวลานี้ พวกเขาทั้งสองต่างมีบาดแผลตามร่างกาย เมื่อสักครู่ได้ใช้แรงทั้งหมดในการปีนออกจากปากหลุม หากในเวลานี้ ต่างยังไม่พึ่งพาอาศัยและไว้ใจกัน เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นอีก พวกเขาก็อย่าได้หวังที่จะออกไปจากเขาลูกนี้ได้
เวลาเช่นนี้ พวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยกันถึงจะถูก
หลังจากนั้นตลอดเส้นทาง พวกเขาก็มีความเข้าใจกันโดยปริยาย กำหนดทิศทางได้ สามัคคีการก้าวเดิน รักษากำลังสุดท้ายของร่างกายไว้
หลังจากเดินพยุงกันมาสักระยะหนึ่ง ญาธิดาสังเกตเห็นว่าบรรยากาศรอบ ๆ ดูคุ้นตาขึ้นเยอะ เธอยังสังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่เธอทำทิ้งไว้บนต้นไม้เมื่อตอนกลางวัน
ขอเพียงเดินตามสัญลักษณ์ที่เธอทำไว้ พวกเขาก็จะต้องเดินไปถึงทางลงเขาได้!
คิดได้เช่นนี้ เธอจึงสาวเท้าก้าวเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
คืนมืดมิดที่สุดแสนจะน่าเบื่อ หลังจากเดินไปได้สักพัก ระยะทางไกลกว่าที่เธอคิด อีกทั้งฝนยังตกถนนลื่น จึงเดินได้ช้ามาก
สักพัก ความหวังที่มีอยู่ในใจของญาธิดาค่อย ๆ จางหายไป
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ท่ามกลางความมืด เธอมองไม่เห็นถึงสีหน้าของเขา เธอขยับริมฝีปากเล็กน้อย อดไม่ได้จึงเอ่ยปากถามขึ้น “ภวินท์ ทำไมคุณถึงมาช่วยฉัน”
วันนี้ตอนที่เธออยู่บนเขาคนเดียวนั้น ขณะที่กำลังสูญสิ้นความหวัง เธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาช่วยเธอ
ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะถามคำถามนี้ ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “โครงการหนังสั้นการกุศลนี้ ในระยะแรกลงทุนไปไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณ สิ่งที่ทำก่อนหน้านี้ก็คงจะสูญเปล่า”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย ทุกคำพูดติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาได้
สักพัก หัวใจของเธอก็เย็นชาลง
เป็นเธอเองที่คิดมากไปเหรอ
แต่ว่าทุกครั้งที่เธอเผชิญกับอันตราย ประสบกับปัญญา เขาก็มักจะรีบมาช่วยเธอเสมอ
หากว่าเป็นเพียงครั้งสองครั้งก็คงจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อหลายครั้งเข้า จะต้องไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ญาธิดากัดริมฝีปาก “ภวินท์ คุณโกหกฉัน”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์กระตุกมุมปากขึ้น หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างใจเย็น “อย่างนั้นถ้าผมบอกว่าผมมีจุดประสงค์กับคุณล่ะ ผมช่วยคุณครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ตามหลักแล้วคุณควรจะมอบตัวถวายใจให้กับผมตั้งนานแล้ว”
ทันทีที่คำพูดเขาออกจากปาก ก็ได้อุดคำพูดเธอจนพูดไม่ออกอีกครั้ง
ญาธิดารู้สึกโมโหเล็กน้อย และปิดปากเงียบไม่อยากจะเสวนากับเขาให้มากมายอีก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแว่วมาจากไกล ๆ พร้อมด้วยแสงไฟจาง ๆ
ญาธิดาใจกระตุก แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยดวงตาที่เผยความดีใจ “ใช่มาหาพวกเราหรือเปล่า!”
ขณะที่เธอกำลังพูด คนฝั่งนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอได้ยินชื่อของตัวเองกับภวินท์ราง ๆ
พวกเขามาตามหาพวกเราจริง ๆ ด้วย!
หลังจากเดินวนอยู่บนยอดเขาเทียบฟ้าหลายชั่วโมง เวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว!
เมื่อลงจากเขาไปถึงโรงแรมเขาเทียบฟ้า เธอกับภวินท์ถูกส่งตัวตรงไปที่ห้องของโรงแรม หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็มีคุณหมอเข้ามาช่วยพวกเขาล้างแผลแล้วพันแผลตามร่างกาย
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงอย่างไม่รู้ตัว
ญาธิดานอนอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
คุณหมอได้พันแผลสุดท้ายให้กับภวินท์ ขณะกำลังจะกำชับข้อควรระวังนั้น เห็นชายหนุ่มยกมือขึ้นเล็กน้อย
คุณหมอเห็นดังนั้น ก็มองไปยังหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง สักพักก็เข้าใจในทันที จึงพยักหน้าแล้วก็ออกจากห้องไป
ทันใดนั้น ในห้องก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ภวินท์เอนกายพิงลงบนโซฟา วางแขนพาดขอบโซฟา แล้วมองหญิงสาวที่นอนหลับอย่างสนิท จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
นึกถึงคำถามที่เธอถามเมื่อสักครู่ตอนที่อยู่บนเขา ขาก็รู้สึกแปลก ๆ ในใจ
ในตอนแรก เวลาที่เธอตกอยู่ในอันตรายนั้น เขาวิ่งเข้าไปเพื่อปกป้องเธอ ต่อมาสิ่งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว เขาเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน เพียงแค่อยากจะปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ผ่านไปสักพัก เขาก็ลุกขึ้น อุ้มหญิงสาวจากโซฟาไปไว้บนเตียงจากนั้นห่มผ้าให้กับเธอ หรี่ตามองใบหน้าของหญิงสาวที่นอนหลับอย่างสนิท
และในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู ตามมาด้วยเสียงของพายุลอยดังมาจากข้างนอก
นี่เป็นห้องสวีท พวกเขาอยู่ในห้องนอน โดยที่พายุเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอดเวลา
เขาปรับหน้าให้เป็นปกติ แล้วก้าวเดินไปที่ประตู จากนั้นผลักประตูออก “มีเรื่องอะไร”
“ท่านประธานครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความคิดเห็นบนออนไลน์เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ความคิดเห็นคนส่วนใหญ่ล้วนกล่าวหา STN ของพวกเราครับ”
เขาพลางพูดพลางยื่นโทรศัพท์มาให้เขา
ภวินท์รับมาแล้วเลื่อนดู สักพัก สีหน้าของเขาก็หมองหม่นลง
คิดไม่ถึงว่าในช่วงวิกฤตนี้ ภูผาจะประกาศข่าวการลาออกจากการเป็นรองประธานของ STN Group ลงบนโซเชียลมีเดีย
ก้อนหินก้อนเดียวสั่นสะเทือนเป็นพัน ๆ คลื่น
“การประกาศอย่างเป็นทางการ” อย่างกะทันหันของเขา เกิดเป็นแนวทางให้กับความสงสัยต่าง ๆ ของชาวเน็ตในเหตุการณ์ของโอจนแทบจะฉับพลันที่ทุกคนยกเรื่องที่เดิมทีเป็นการขจัดเนื้อร้ายของบริษัทให้กลายเป็นศึกแห่งสายเลือด และหัวข้อก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
การเคลื่อนไหวของภูผานี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการทำให้ความร้อนแรงของ STN Group ก่อนที่จะซาลงให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เช่นนี้แล้ว ความเสียหายของ STN Group จะมากมายเท่าไหร่ แทบไม่สามารถคำนวณได้เลย!
เห็นทีครั้งนี้ เขาคงต้องการจะเอากันให้ตายกันไปข้างหนึ่งจริง ๆ!