ดวงใจภวินท์ - บทที่ 450 ล้ม
บทที่ 450 ล้ม
ญาธิดาขมวดคิ้ว ในใจเกิดความไม่สบายใจขึ้น
บริษัท พีพีมีเดียเป็นบริษัทของภูผาที่เพิ่งจดทะเบียนไม่นานมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่ตั้งไปจนการสรรหาบุคลากร ในทุกย่างก้าวภูผานั้นเดินอย่างอวดเก่ง รับสมัครบุคลากรมากมาย และยังลงทุนเงินไปจำนวนไม่น้อย
ภูผาเห็นหนิงหนิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงได้กล่าวเบา ๆ “หนิงหนิง ยังไม่มาอีก”
หนิงหนิงตัวเกร็ง รีบสาวเท้าก้าวไปทันที
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรีบเดินหน้ามาขวางหนิงหนิง แล้วหันไปมองทางภูผา จากนั้นกล่าว “คุณภูผา หนิงหนิงก็ได้เซ็นสัญญากับพวกเราด้วย ตอนนี้เธอเป็นนักแสดงของพวกเรา ก่อนที่การถ่ายทำจะแล้วเสร็จ เธอยังคงต้องอยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ ภูผายกมุมปากขึ้น “ไม่ทราบว่าคุณญาธิดามีสิทธิ์อะไรที่รั้งให้เธออยู่ครับ”
ญาธิดาลำคอตึงขึ้น หัวสมองแล่นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะหาคำมาแก้ต่าง ใครจะไปรู้ว่าได้มีรถเก๋งสีดำสองคันแล่นเข้ามา จอดประกบหน้าหลังรถ RV
ประตูรถถูกผลักออก ชายหนุ่มที่ใบหน้ารูปหล่อเย็นชาได้ลงมาจากรถ สาวเท้าก้าวยาวเดินตรงมาฝั่งนี้ เขาที่สวมชุดสูทสีดำ ซ่อนพลังพิฆาตและความกดดันที่มองไม่เห็นในตัว
ขณะเดียวกัน พายุกับลูกน้องที่สวมสูทก็เดินลงมาพร้อมกัน แล้วก็เดินตามหลังภวินท์ เดินมุ่งมาทางนี้อย่างมาดเท่
ภวินท์ก้าวเดินอยู่ด้านหน้า โดยมองข้ามชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น เดินตรงมาที่ด้านหน้าของญาธิดากับหนิงหนิง แล้วกล่าวเบาๆ “เกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มราวกับเทพบุตรที่ลงมาจากสวรรค์ ทำให้ญาธิดาที่เดิมทีสับสนวุ่นวายรู้สึกสบายใจมากขึ้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ผุดความอบอุ่นขึ้นในใจ แล้วกล่าวเบา ๆ “คุณภูผาจู่ ๆ ก็บอกว่าหนิงหนิงเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของเขา ต้องการจะพาเธอไป แต่ว่าก่อนหน้านี้หนิงหนิงได้เซ็นสัญญากับพวกเราไว้ก่อนแล้ว”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของภวินท์ไม่มีความเปลี่ยนแปลง หันมามองภูผาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น ไม่เปล่งคำใด ๆ
ภูผายิ้มมุมปาก ยกมือขึ้นโบก ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ รีบนำเอกสารฉบับหนึ่งยื่นมาที่ด้านหน้าของภวินท์ทันที
ตัวอักษรหนังสือสัญญาบนหน้าปกขนาดใหญ่ ญาธิดาเองก็เห็นอย่างชัดเจนว่านั่นเป็นหนังสือสัญญาที่ลงนาม
เธอเหลือบมองภวินท์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือมารับ จึงรีบยื่นมือมารับหนังสือสัญญา เปิดพลิกดูหน้าที่เซ็นลงนาม เป็นลายเซ็นและลายนิ้วมือสีแดงของหนิงหนิงจริง ๆ ด้วย
เธอหันหน้าไปมองหนิงหนิง แล้วเอ่ยปากถาม “นี่เป็นหนังสือสัญญาที่เธอเซ็นสัญญากับพวกเขาเหรอ”
หนิงหนิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ หลังจากที่เซ็นสัญญาแล้ว ผู้จัดการไม่ได้แจ้งประกาศ จากนั้นทางฝั่งของผู้ช่วยคุณคิรินให้ฉันมาที่นี่เพื่อออดิชั่น บอกว่ามาถ่ายภาพยนตร์สั้น บังเอิญว่างพอดีฉันก็เลยมาค่ะ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น เมื่อเข้าใจกระจ่างแล้ว จึงพลิกดูเอกสาร สแกนอ่านเนื้อหาสัญญาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางภูผา “คุณภูผา ในนี้ไม่ได้ระบุว่าไม่ให้ศิลปินรับงานนอก อีกอย่างหนิงหนิงอยู่ในช่วงที่กำลังว่าง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมั้งคะ”
ภูผาหัวเราะเบา ๆ “ใครบอกว่าเธออยู่ในช่วงที่ว่าง มีละครเรื่องหนึ่งผมได้ให้เธอแสดงเป็นนางเอก การกระทำของเธอในตอนนี้คือการรับงานซ้อน”
ไม่รอให้ญาธิดาได้เอ่ยปาก หนิงหนิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ “นางเอก? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
หลังจากที่เธอเซ็นสัญญาเข้าบริษัท พีพีมีเดียแล้ว ก็ไร้ตัวตนมาโดยตลอด อย่าว่าแต่นางเอกเลย แม้แต่ตัวประกอบก็ไม่เคยป้อนให้กับเธอสักละครเดียว
ภูผากล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง “เช้าวันนี้ ผมเป็นคนกำหนดเอง ตอนนี้รู้หรือยัง”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างแปลกใจ
เห็นได้ชัดว่าภูผาจงใจยั่วยุ เพราะหนิงหนิงมาถ่ายหนังสั้นการกุศลให้กับ STN Group ดังนั้นเขาก็เลยจำใจป้อนบทละครให้กับเธอหนึ่งเรื่อง เพื่อทำให้หนิงหนิงเกิดความลำบากใจ มาแย่งคนกับพวกเขา และถือโอกาสหยาม STN สักหน่อย
ญาธิดาเริ่มโมโหโกรธ “คุณภูผาคะ ทำแบบนี้ไม่ผิดจรรยาบรรณไปหน่อยเหรอคะ”
ภูผาหัวเราะเบา ๆ กล่าวอย่างไม่กระดากใจ “จรรยาบรรณ? อะไรคือจรรยาบรรณ เธอเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของผม ผมจะให้บทเธอตอนไหน ขึ้นอยู่กับผม หรือว่าผมต้องยื่นรายงานให้กับ STNGroup?”
คำพูดไม่กี่ประโยค แต่กลับไม่น่าฟังอย่างมาก ทำให้ญาธิดาถึงกับพูดไม่ออก
สีหน้าของภวินท์ดำมืดตั้งนานแล้ว มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ดังนั้น นายก็เลยจงใจ?”
ภูผากล่าวอย่างไม่รีบร้อน “STN Groupไม่จำเป็นต้องแย่งศิลปินของผมเลย ก็แค่ศิลปินคนเดียว หากว่าคุยกับผมดี ๆ ผมอาจจะเต็มใจให้ แต่ว่าตอนนี้บังคับศิลปินผมให้รับงานซ้อน ผมย่อมไม่ให้เป็นธรรมดา”
เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาบังคับหนิงหนิง แต่ไฉนกลับถูกเขาบอกว่าเป็นพวกเราที่บังคับหนิงหนิง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาช่างเชี่ยวชาญพลิกดำให้เป็นขาวจริง ๆ
“ผมจะพาเธอไป หาก STN Groupไม่ยอม ผมก็จะไม่ฝืนแย่งปล่อยให้ทุกคนตัดสินจะดีกว่า”
พลางพูดเขาพลางยกมือขึ้นโบก ทันใดนั้น นักข่าวสองคนถือกล้องลงมาจากรถ RV แล้วถ่ายรูปมาทางพวกเขา “แชะ ๆ”
ญาธิดาตกใจ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงภูผาจะมาไม้นี้
หากนักข่าวถ่ายรูป แล้วถูกสำนักสื่อมีเจตนาตีไข่ใส่สี เกรงว่าคำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตจะส่งผลเสียต่อ STN Group
ภวินท์ก็ย่อมมองออกถึงความคิดของเขา เขาหรี่ตาลง บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ รับทราบและรับคำสั่ง จากนั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการนักข่าวสองคนทันที
ฉับพลัน บรรยากาศก็ตึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี และพร้อมที่จะปะทุขึ้น
ภวินท์ก้าวเข้ามาด้านหน้า มองภูผาด้วยสายตาที่เย็นชา บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
“เธอ ในเมื่อนายอยากได้ก็จะคืนให้”
พลางพูดเขาพลางมองไปทางหนิงหนิง
หนิงหนิงลังเลครู่หนึ่ง รู้ว่าหากตัวเองยังไม่ไป บรรยากาศก็จะยิ่งตึงเครียด เธอมองดูญาธิดา แล้วสาวเท้าก้าวเดินไป
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของภูผา เอียงศีรษะเล็กน้อย ครามที่อยู่ด้านหลังของเขาเข้าใจทันที แล้วเข็นรถเข็นของเขาจากไป
พนักงานทุกคน รวมทั้งภวินท์ ญาธิดา คุณบิ๊กมองดูพวกเขาจากไปด้วยตาปริบ ๆ และพูดอะไรไม่ออก
รถ RV จากไป และบรรยากาศที่นี่ตึงเครียดจนน่ากลัว
ครั้งนี้ ต่อหน้าคนภายนอก ถือว่าภวินท์แพ้ให้กับภูผาแล้ว การล้มครั้งนี้ เป็นการตบหน้าเขาต่อหน้าคนทั้งเมือง J
เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับรูปปั้นแกะสลัก ในที่สุดเขาก็หันหน้ามา ดวงตาของเขากวาดมองผู้คนอย่างเย็นชา และสุดท้ายมองมาทางคุณบิ๊กกับญาธิดา จากนั้นกล่าวเบา ๆ “ผู้กำกับทั้งสองท่าน เชิญมากับผมสักครู่”
ทิ้งประโยคนี้ลง เขาก็สาวเท้าเดินตรงไปด้านหน้า ญาธิดากับคุณบิ๊กสบตากัน แล้วก็ก้าวเดินตามไปด้านหน้า
บรรยากาศค่อนข้างกดดัน มาถึงห้องรับรองเดี่ยว ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ภวินท์นั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงหน้า เงยหน้ามองมาทางพวกเขาวแล้วกล่าว “นั่ง”
ภวินท์พูดเช่นนี้แล้ว ญาธิดากับคุณบิ๊กก็ย่อมที่จะไม่สามารถพูดอะไรได้ พวกเขาเดินไปถึงตรงภวินท์แล้วนั่งลง
“หนิงหนิงคนนั้น ใครเป็นคนเลือก”
เมื่อเอ่ยถึงหนิงหนิง ญาธิดาเกร็งขึ้น ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เวลานี้ เกิดเรื่องขึ้นกับหนิงหนิง ดันยังถูกภูผาใช้เป็นมีดในการแทงภวินท์ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟันแล้วกล่าว “ฉันเป็นคนเลือกเอง”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น หยุดชะงักชั่วครู่ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “เลือกมาจากไหน”
อาจเป็นไปได้ที่หนิงหนิงคือมีดที่ภูผาตั้งใจส่งมา แต่ดันคิดไม่ถึงว่าถูกพวกเขาเจอเข้า
และคนที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้คือคนที่รับหนิงหนิงเข้ามาในตอนนั้น