ดวงใจภวินท์ - บทที่ 451 ถูกเขาหักหลังเหรอ
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่แฝงด้วยความสงสัยคู่นั้นของชายหนุ่ม เธอสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยปากแล้ว “หนิงหนิงคือคนที่ฉันคัดเลือกมาจริง ๆ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่……”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น “เลือกมาได้ยังไง” หากว่าญาธิดาไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ อย่างนั้นอาจมีคนอื่นที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
ได้ยินดังนั้น ญาธิดากำสองมือแน่น เกิดความลำบากใจ
หนิงหนิงคือคนที่คิรินแนะนำมาให้เธอ หากว่าเธอพูดออกมา ไม่ใช่เป็นการโยนความผิดไปให้คิรินเหรอ แต่ว่าเรื่องนี้ เธอรู้สึกว่าไม่ใช่เป็นฝีมือเขา
เธอกำลังครุ่นคิดในใจ ขยับริมฝีปาก สบสายตาลุ่มลึกคู่นั้นของภวินท์ แล้วกล่าวตอบทีละคำ ๆ “ไม่สะดวกที่จะบอก”
ประโยคเดียว ฉับพลันทำให้สีหน้าของภวินท์มืดหม่นลงเล็กน้อย
คุณบิ๊กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตกใจเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะพูดเช่นนี้ เพราะว่าพูดแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเรื่องในตรวจสอบแล้ว ยังทำให้ตัวเองเป็นที่ต้องสงสัยเพิ่มอีกด้วย
ได้ไม่คุ้มเสีย
นอกเสียจากเธอต้องการจะปกป้องใครบางคน
มองดูบรรยากาศที่เย็นยะเยือก ห้องที่ยิ่งอยู่ยิ่งเงียบ คุณบิ๊กหัวเราะเบา ๆ สองที แล้วรีบกล่าวขึ้น “คุณภวินท์ครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราควรจะคิดหาวิธีสยบข่าวที่เป็นลบต่อ STN Group นะครับ”
ภวินท์ที่คิ้วขมวดแน่นยังไม่ได้คลาย สายตาจ้องมองตรงมาที่ญาธิดา หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยละสายตาจากไป จากนั้นกล่าวเบา ๆ “อืม คุณบิ๊ก มีบางอย่างที่ผมอยากให้คุณไปจัดการ……”
พลางพูดพลางหันหน้าไปมองคุณบิ๊ก และมอบหมายงานให้กับเขา
คุณบิ๊กรับคำมา แล้วก็ลุกออกจากห้องรับรองไปอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องไม่ได้ปิด พายุได้เดินเข้ามาอย่างกะทันหัน เดินมาที่ข้าง ๆ ภวินท์ แล้วกระซิบบางอย่างที่ข้างใบหูของเขา ฉับพลัน สีหน้าของชายหนุ่มก็หม่นลง นัยน์ตาแผ่ความเย็นชา
ไม่นาน พายุก็จากไป ประตูปิดลง เพียงครู่เดียวก็เหลือพวกเขาเพียงสองคน
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวตรง ๆ “คุณภวินท์ ฉันยังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำ……”
ขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้า เธอก็หยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มจากด้านหลัง
“หนิงหนิงคือคนที่คิรินแนะนำให้คุณเหรอ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจเต้นแรง
ภวินท์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หรือว่าเมื่อสักครู่ที่พายุเข้ามารายงานก็คือเรื่องนี้
เธอกำหมัดแน่น ลังเลครู่หนึ่ง แล้วค่อยหันมามองภวินท์ จากนั้นกล่าวเบา ๆ “ใช่ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา”
อย่างน้อยในความคิดของเธอ คิรินไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้น
ได้ยินดังนั้น ดวงตาของภวินท์ได้ประกายแสงมืดสลัว ขมวดคิ้วเบา ๆ “คุณมีหลักฐานอะไรยืนยัน”
ในความคิดของเขา ทุกอย่างต้องมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ เธอไม่นำหลักฐานออกมา เธออาศัยอะไรมามั่นใจเช่นนี้ในการช่วยคนอื่นขจัดความเป็นผู้ต้องสงสัย
ญาธิดาลิ้นแข็ง พูดอะไรไม่ออก
เธอไม่มีหลักฐาน เธอแค่รู้สึกว่าคิรินไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้
เธอกำหมัดแน่น กัดริมฝีปากแล้วกล่าว “ฉันคิดว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา แล้วก้าวเดินมาใกล้เธอ ทันใดนั้น ระยะห่างของทั้งคู่ชิดกันมากขึ้น สัมผัสโดนลมหายใจของกันและกัน เธอสามารถสัมผัสถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านบนตัวของชายหนุ่ม
จากนั้น เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างใบหูของเธอ “อย่างนั้นทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วยล่ะ”
ตอนนี้ STN Group อยู่ในจุดที่มีวิกฤตวุ่นวาย คำพูดที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ต่อบริษัท อาจส่งผลตามมาอย่างมากมาย เขาจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งไม่ควรจะเชื่อคำพูดของใครง่ายๆ
แต่ว่าครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดักของภูผา ข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะปล่อยไปง่าย ๆ การใส่สีตีไข่ว่าร้าย STN Group เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ
ญาธิดากำมือแน่น แล้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาสุดขีด ในใจก็เย็นเยียบตามทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึก และหมดคำที่จะกล่าว
“ญาธิดา อย่าไว้ใจใคร โดยเฉพาะผู้ชาย”
ภวินท์คิ้วขมวดแน่น ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง “พายุรายงานกับผมว่า คิรินเพิ่งจะได้รับให้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าตัวหนึ่ง และภูผาก็คือสปอนเซอร์”
เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้หัวใจของญาธิดาชะงักค้างในทันที
หรือว่าคิรินเพื่อสิ่งนี้ จะหักหลังเธอแล้วจริง ๆ
ภวินท์มองเธออย่างลุ่มลึก แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “บางครั้ง คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังถูกหลอกใช้”
เมื่อทิ้งประโยคนี้แล้วเขาก็ก้าวเท้าเดินตรงออกออกจากห้องรับรองไป
ประตูดัง “ปัง” สะเทือนร่างญาธิดาสั่นไปสองสามที
หัวสมองสับสนไปหมด เธอที่กำลังยืนอยู่จนร่างเซไปเล็กน้อย
คิรินทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
เธอคว้าโทรศัพท์มา มีหลายครั้งที่อดใจร้อนไม่ได้ที่อยากโทรหาคิริน แต่ทว่าสุดท้าย เมื่อคำพูดถึงข้างปาก เธอกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ค้นหางานพรีเซนเตอร์ล่าสุดที่คิรินได้รับ แล้วกดดูแผนที่ เป็นอย่างที่ภวินท์พูดเมื่อสักครู่จริง ๆ
คิรินเป็นพรีเซนเตอร์ และภูผาเป็นสปอนเซอร์
จิตใจของเธอทรุดลงฉับพลัน มือไม้อ่อน โทรศัพท์ในมือได้ร่วงไหลลงบนโต๊ะ
แต่ว่ายังมีบางอย่างในใจ ที่คอยขัดขืนอย่างแผ่วเบา และยังคงเลือกที่จะไม่เชื่อ
เมื่อกลับไปถึงกองถ่าย กองถ่ายได้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพลอยริน พนักงานในกองถ่ายต่างเกิดความไม่พอใจ จึงเปลี่ยนนักแสดงใหม่ นี่เพิ่งจะลงตัว ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ช่างยากที่จะรับได้จริง ๆ
“ฉันว่าหนังสั้นการกุศลอะไรนี่ ไม่ต้องธงต้องถ่ายแล้วล่ะ! ด้วยภาพลักษณ์นี้ของ STN Group เกรงว่าถ่ายต่อก็ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้!”
“ใช่! ทำเรื่องให้เหนื่อยซ้ำซาก ไม่รู้คิดจะทำอะไรกันแน่!”
“ช่างเถอะ ๆ! ไม่ถ่ายแล้ว……”
“……”
มีคำพูดวิจารณ์ต่าง ๆ ในกองถ่ายไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่าตั้งใจพูดให้ญาธิดาฟัง เธอยืนอยู่ตรงนั้น ยังคงไม่ได้สติจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว คุณบิ๊กได้เข้ามา มองดูญาธิดาแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นกล่าว “ผมว่าหยุดพักกองก่อนเถอะ ให้ทุกคนพักผ่อนสองสามวัน สงบสติอารมณ์ก่อน เรื่องที่เลือกนักแสดงกับความคืบหน้า พวกเราค่อยคิดหาทางกันอีกที”
ญาธิดาสูดลมหายใจ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า “ทำตาที่คุณบอกก็แล้วกัน”
ต่อให้ตอนนี้ทำงานต่อ ไม่มีนักแสดง ก็ไม่มีกะจิตกะใจ ทำอะไรไม่ได้อย่างแน่นอน
จากกองถ่ายกลับมาที่บ้าน ระหว่างทางจิตใจของญาธิดาหดหู่ แต่เมื่อถึงบ้านแล้วเห็นอีธาน เอลล่าเด็กน้อยสองคน ฉับพลันก็หายเป็นปลิดทิ้ง
หลังจากกล่อมเด็กสองคนทานข้าวแล้วนอนหลับไป ญาธิดาจึงมีเวลาว่าง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดดูข่าวสารเกี่ยวกับ STN Group อย่างไม่รู้ตัว
สองสามวันมานี้ ข่าวด้านลบของ STN Group แพร่กระจายออกไป หุ้นของบริษัทก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ฉับพลัน ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทก็นิ่งเฉยต่อไม่ได้ ต่างจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของภวินท์ทุกย่างก้าว ความกดดันทั้งหมด ล้วนถูกแบกอยู่บนบ่าของเขา
สื่อต่าง ๆ ได้รายงานข่าว เดิมทีภวินท์อยากจะเรียกตัวปกรณ์กลับมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงติดต่อไม่ได้ ราวกับคนนั้นหายสาบสูญไปก็ไม่ปาน
ญาธิดาอ่านดูข่าว แล้วเกิดความเครียดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เรื่องเกี่ยวกับปกรณ์ เธอนั้นรู้ดี ก่อนหน้านี้หลังจากได้เข้าร่วมฉลองงานวันเกิดของคุณย่าแล้ว เขากับมรกตก็จากเมือง J ไปยังต่างประเทศ ช่วงเวลานี้จึงไม่ได้อยู่ในประเทศ
แต่ตามที่นักข่าวบอก ปกรณ์ไร้ข่าวคราว ไม่สามารถติดต่อได้ ค่อนข้างเกินจริงไปไหม”