ดวงใจภวินท์ - บทที่ 455 มาเล่นเกมกัน
บทที่ 455 มาเล่นเกมกัน
ขับมาถึงตำแหน่งที่อยู่ที่ธีทัตส่งมาให้เธอ เป็นเวลาสิบโมงเช้า เธอลงจากรถแล้วเดินไปทางออกหมายเลขหนึ่งของMoon Plaza หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาธีทัต
ตำแหน่งที่อยู่ที่ธีทัตส่งมาให้เธอก็คือทางออกหมายเลขหนึ่งของMoon Plaza ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นของตำแหน่ง เธอโทรศัพท์เพื่อให้เขามารับเธอโดยตรง
ใครจะไปรู้ว่าโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้งแล้วก็ยังไม่มีคนรับสาย จู่ ๆ ด้านข้างก็มีชายหนุ่มหอบดอกไม้ในมือเดินเข้ามา
“คุณญาธิดา ดอกไม้นี้มอบให้กับคุณครับ”
ญาธิดาตกใจ ยื่นมือไปรับไว้ แล้วมองดูช่อกุหลาบสีแดงสดสวยงาม จึงเกิดความงุนงง มองไปยังรถ SUV สีดำที่อยู่ตรงด้านหน้าเธอ
เธอมองไปยังชายหนุ่มคนนั้นด้วยความสงสัย เห็นเพียงเขาดึงประตูรถ แล้วโค้งเบา ๆ ทำท่าผายมือเชื้อเชิญเธอ
ญาธิดาถามด้วยความเย็นชา “ที่นี่ไม่ใช่จุดหมายเหรอ”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ”
เธอลังเลครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าธีทัตนั้นกำลังจะทำอะไร หยุดชะงักแล้วมองชายหนุ่มคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วก็เดินขึ้นรถไป
ชายหนุ่มเห็นดังนั้น ก็ปิดประตูรถลง เดินไปด้านหน้าแล้วนั่งลงยังที่นั่งคนขับ
ราวกับสัมผัสได้ถึงความสงสัยและความไม่สบายใจของญาธิดา ชายหนุ่มคนนั้นจึงกล่าวเบา ๆ “คุณญาธิดา คุณธีทัตบอกว่าให้พวกเราดูแลคุณให้ดี ๆ หากคุณต้องการอะไร บอกกับพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
ญาธิดาพยักหน้า ความสงสัยในใจคลายลงเล็กน้อย
ได้เวลาพอสมควร ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้นำน้ำและผลไม้มาเสิร์ฟ ญาธิดาเหลือบมองอาหารเหล่านั้นแวบหนึ่ง และไม่ได้แตะต้องแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เธอประสบกับความเสียรู้เช่นนี้มาก่อน ย่อมไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่ออยู่ข้างนอก เธอจะไม่แตะต้องอาหารใด ๆ ที่มีความเป็นได้ในทางที่จะเกิดผลร้ายกับเธอ
ได้เวลาพอสมควร ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้นำน้ำและผลไม้มาเสิร์ฟ ญาธิดาเหลือบมองอาหารเหล่านั้นแวบหนึ่ง และไม่ได้แตะต้องแต่อย่างใด
บนรถ มีกลิ่นไม้จันทน์หอมจาง ๆ จางจนแทบไม่รู้สึกว่ามีกลิ่น
ญาธิดามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็ถามขึ้น “พวกเรากำลังจะไปไหนกัน นานแค่ไหนกว่าจะถึง”
“จุดหมายปลายรอคุณถึงแล้วก็จะรู้ครับ บอกออกมาก่อนจะไม่ตื่นเต้น ระยะทางประมาณสี่สิบนาที คุณสามารถพักผ่อนก่อนได้เลยครับ”
ได้ยินชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับ ญาธิดาพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มรู้สึกง่วง สองลูกตาเริ่มหย่อน หนังตาบนล่างเริ่มปะทะชนกัน
เธอสูดลมหายใจลึก ๆ เอนตัวพิงหลัง ท่ามกลางความสะลึมสะลือ สติเริ่มเฉื่อยชาลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เธอกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกว่าตัวเองยังคงอยู่บนรถ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เธอพยายามจะลืมตา แต่ว่าไม่รู้ทำไมร่างกายถึงเหมือนกับไม่มีแรงลืมตา ทำได้เพียงยอมให้ถูกจูงนำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ญาธิดารู้เพียงว่าได้ผ่านการเดินทางที่แสนยาวนาน หลังจากเลี้ยวไปเลี้ยวมา ขึ้นรถลงเรือ ในที่สุดก็หยุดลง
ท่ามกลางกึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ ๆ ก็มีน้ำเย็นหนึ่งกะละมังราดจากศีรษะเธอลงมา เธอจึงตัวสั่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ในที่สุดก็ลืมตาตื่นจากความสะลึมสะลือ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็เห็นแสงไฟและร่างคนราง ๆ
เธออยู่ที่ไหน
ไหนว่าจะพาเธอไปหาธีทัตอีธาน เอลล่าไม่ใช่เหรอ”
……
ญาธิดากัดฟัน พยายามลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าในที่สุดก็ชัดเจนขึ้นช้า ๆ
ด้านหน้าเธอเป็นผืนหาดทราย ไกลออกไปอีกนิดก็คือทะเลที่มองสุดลูกหูลูกตา ไร้ขอบเขต ฟ้าเริ่มมืดสลัว ดูแล้วน่าจะเป็นเวลาประมาณห้าถึงหกโมงเย็น
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ละคนต่างจ้องมองมาที่เธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อน
ญาธิดาตื่นขึ้นในทันใด อย่างแรกคือจ้องมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกตัวว่าตัวเองถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้ ไม่ว่าจะดิ้นรนขัดขืนอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนไม่ได้
เธอถูกลักพาตัวอีกแล้วเหรอ
ความทรงจำที่น่ากลัวเหล่านั้นราวกับน้ำท่วมก็ไม่ปานที่ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอศีรษะของเธอเกิดอาการบวมเป่ง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟัน แล้วสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็น กลั้นความเจ็บปวดในลำคอที่แสบแห้งไว้ จากนั้นกล่าว “พวกแก…คิดจะทำอะไร”
พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจับเธอไว้ จะต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน ตลอดเส้นทางที่ข้ามน้ำผ่านภูเขา จากเช้าจรดค่ำ เปลืองแรงไปไม่ใช่น้อย
คนเหล่านั้นจ้องมองเธอ ไม่มีใครที่ยอมตอบเธอ
ญาธิดาขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นลง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ใครเป็นเจ้านายของพวกคุณ เรียกเขามาเดี๋ยวนี้ ฉันต้องการจะคุยกับเขาต่อหน้า!”
ในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยไปผิดใจกับใคร และเรื่องที่เธอกลับมาที่เมือง J ก็มีคนส่วนน้อยที่รู้ เป็นใครกันแน่ที่เสียสติเช่นนี้ ลักพาตัวเธอมาที่เกาะ! คนผู้นี้มีจุดประส่งอะไรกัน
“ฉันต้องการคุยกับเขา!” ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมพลังแล้วตะโกนใส่พวกเขา
แต่ว่าคนเหล่านั้นเหมือนกับรูปปั้นก็ไม่ปาน นอกจากคอยเฝ้าความเคลื่อนไหวของเธอแล้ว ไม่มีใครที่จะก้าวออกมาตอบเธอ
“ใครต้องการคุยกับฉัน”
ทันใดนั้น มีเสียงทุ้มต่ำที่ผ่านการดัดแปลงดังลอยมาจากด้านหลัง และมีความผันผวนเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ญาธิดา
ญาธิดาใจสั่นขึ้น ตัดสินใจหันไปมอง แต่ว่าเชือกที่มัดตัวไว้แน่นเกินไป เธอจึงแทบไม่สามารถหันหน้าได้
รอเจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัวตรงหน้าของญาธิดา เธอก็ต้องตกใจในทันที
ร่างคนนั้นมาในชุดคลุมสีดำ ยังสวมหน้ากากเสมือนหน้าคนที่ปิดบังทั้งใบหน้า ทั้งตัวเปล่งบรรยากาศเย็นยะเยือกออกมา เมื่อมองไปแล้วรู้สึกน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
ญาธิดาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังแข็งทื่อ ฉับพลัน คำพูดทั้งหมดที่ไหลมาถึงลำคอ ก็ถูกกลืนลงไปอีกครั้ง
“ว่ามา มีอะไร”
คนนั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเธอ เมื่อปริปาก น้ำเสียงที่ผ่านการดัดแปลงมา ทำให้คนฟังถึงกับฟังไม่ออกถึงเสียงดั้งเดิมของเขา อีกอย่างร่างทั้งตัวของเขานั้นปิดอย่างมิดชิด ทำให้คนดูไม่ออกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเขา
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติตัวเอง มองดูคู่ดวงตานั้นผ่านภายใต้หน้ากาก จึงกัดฟันแล้วกล่าวถามขึ้น “แกเป็นใคร ทำไมต้องจับฉันมา”
คนภายใต้หน้ากากผีได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมา เสียงดังลอยออกฟังดูแปลก ๆ ก็ยิ่งทำให้สันหลังเสียววาบ
“คุณญาธิดา เป็นคุณเองที่ปฏิเสธผมครั้งแล้วครั้งเล่า จนปัญญาจริง ๆ ถึงได้ต้องเชิญคุณมาด้วยวิธีนี้”
คนนั้นกล่าวแล้วก็หันไปมองลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นลูกน้องสองคนก็ได้นำเก้าอี้หนึ่งตัวมาวางไว้ด้านหลังคนสวมหน้ากากผี
คนสวมหน้ากากผีนั่งลงอย่างใจเย็น สองมือพาดวางลงที่วางแขน คู่ดวงตาราวกับนกอินทรีประกายแสงแห่งความเย็นชาผ่านหน้ากาก ทำให้คนรู้สึกตัวเย็นวาบ
ญาธิดาหายใจเข้าลึก ข่มความกลัวในใจไว้ “พวกเราน่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อนมั้ง”
เสียงทึม ๆ ค่อย ๆ ดังขึ้น “แต่ว่าผมเคยเจอคุณ ของขวัญที่มอบให้คุณก่อนหน้านี้ คุณยังชอบไหม”
ญาธิดาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว นึกถึงครั้งก่อนที่พบแมวตายในหลังกระโปรงรถ ร่างกายจึงสั่นขึ้นในบัดดล
เธอจำโลโก้ใยแมงมุมที่ปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มต้นจากการส่งดอกไม้ จี้หยก จนสุดท้ายเป็นฉากนองเลือด เธอจะลืมได้อย่างไร
เพียงแต่ต่อมา ภวินท์บอกว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เขาจัดการเอง ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง บวกกับเธอที่ไม่เคยถูกคุกคามอีก ดังนั้นจึงไม่ได้นำมาใส่ใจ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะถูกพวกเขาจับตัวอีก!
ความหนาวเย็นจากก้นบึ้งของหัวใจ คืบคลานขึ้นไปยังสันหลังของเธอ ทำให้ร่างของเธอสั่นเบา ๆ ชั่วครู่ เธอก็สะกดลมหายใจให้แน่นิ่งได้ในที่สุด แล้วหันหน้าไปมองทางคนสวมหน้ากากผี หายใจเข้าลึกแล้วกล่าว “แกต้องการจะทำอะไร”
“ก็ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าชีวิตมันน่าเบื่อ อยากจะเล่นเกมกับคุณญาธิดาสักหน่อยก็เท่านั้น”
คนสวมหน้ากากผีคนนั้นพลางกล่าวพลางยกมือกะทันหัน ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ รับทราบด้วยความเข้าใจ ไม่นาน ก็ได้ยกกรงมาจากข้าง ๆ