ดวงใจภวินท์ - บทที่ 459 คุณรู้อะไรมาใช่ไหม
บทที่ 459 คุณรู้อะไรมาใช่ไหม
ธีทัตรีบเดินเข้าไปถามอย่างกังวล “เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ”
คุณหมอประจำตระกูลส่ายหน้า เดินไปข้าง ๆ แล้วถึงกล่าวขึ้น “คนไม่ค่อยน่าเป็นห่วง นอกจากบาดแผลบนหัวเข่าและมือแล้ว ที่อื่นก็ไม่มีบาดแผลอะไร แต่……”
ทันใดนั้น ธีทัตกับอัญมณีที่ ทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองดูคุณหมอประจำตระกูลอย่างกังวล
“เธอถูกคนวางยา ยานี้แปลกประหลาดมาก สามารถทำให้แขนขาอ่อนแรง ไร้เรี่ยวแรง แต่ว่าสมองกลับรู้สึกตัว ณ ตอนนี้ผมยังไม่สามารถระบุได้ว่าส่วนผสมยาคืออะไร เมื่อไหร่จะรู้ผลนั้น ยังต้องรอดูอีกสักพัก”
“นอกจากนี้ เธอเหมือนกับจะได้รับกระทบกระเทือนกับความตกใจอย่างรุนแรง ต้องให้ทางครอบครัวคอยอยู่เป็นเพื่อน ค่อย ๆ เยียวยา”
ได้ยินคุณหมอประจำตระกูลกล่าวเช่นนี้ ธีทัตไม่ได้กล่าวอะไร ทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ
“อันอัน ไปส่งคุณหมอหน่อย”
อัญมณีพยักหน้า “ค่ะ”
รออัญมณีจากไปพร้อมกับคุณหมอประจำตระกูล ธีทัตที่ยืนอยู่ที่เดิม จมูกเริ่มซี้ดขึ้น
เขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะแย่ได้ขนาดนี้
ญาธิดานั้นเจอกับอะไรมากันแน่ ถึงได้กลัวขนาดนี้ คนสารเลวพวกนั้นได้ทำอะไรเธอ!
ธีทัตโมโหจนยากที่ควบคุม ยกมือขึ้นทุบเข้ากับกำแพง
หลังมือมีความเจ็บลอยมาทำให้เขารู้สึกตัว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดึงเสื้อขึ้น แล้วถึงได้เดินมาผลักประตูแล้วเข้าไปในห้อง
หญิงสาวบนเตียงดูเหมือนนอนหลับแล้ว ตาปิด ไม่ขยับเคลื่อนไหว
ธีทัตดึงเก้าอี้จากข้าง ๆ แล้วนั่งลงข้างเตียง สูดลมหายใจแล้วกล่าว “ไม่ต้องกลัวนะ คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอดทั้งคืน”
พลางพูดเขาพลางเอื้อมมือกำมือของญาธิดาเบา ๆ
ญาธิดานอนอยู่บนเตียง ไม่ได้ลืมตา แต่ว่าหางตากลับเห็นได้ชัดว่าเปียกซึม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หญิงสาวบนเตียงก็นอนหลับไปในที่สุด แม้แต่ลมหายใจก็สงบคงที่
ธีทัตเงยหน้ามามองข้างใบหน้าของหญิงสาวที่สงบนิ่งและขมวดคิ้วเล็กนิ้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะผุดความเจ็บปวดขึ้น
ในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง จากนั้น ประตูก็ถูกผลักออกมา อัญมณียื่นหน้าเข้ามา “พี่ พี่ออกมาหน่อย”
ธีทัตที่ไม่อยากจะออกไป แต่เห็นสีหน้าอัญมณีจริงจัง จึงได้วางมือของญาธิดาลง แล้วห่มผ้าห่มให้เธอดี ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากห้องไป
แล้วปิดประตูเบา ๆ เขาถึงได้เอ่ยปากถามขึ้น “มีอะไร”
“ด้านนอกมีคนมาหาพี่”
ธีทัตขมวดคิ้ว “ใคร”
อัญมณีมีความลังเลแล้วเอ่ยปากกล่าว “ภวินท์”
ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของธีทัตจึงเย็นชาลงเล็กน้อย สาวเท้าก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างที่คิด รถแวนคันสีดำจอดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ และภวินท์ยืนอยู่ข้าง ๆ
คั่นด้วยระยะห่าง ชายหนุ่มทั้งสองคนประสานตากัน ในห้วงบรรยากาศซ่อนด้วยอารมณ์ที่คลุมเครือและซับซ้อน
ธีทัตเดินออกมา เพิ่งจะเดินออกมา ก็เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของภวินท์เอ่ยถามขึ้น “ญาธิดาอยู่ไหน”
“อยู่ด้านใน”
“ผมจะเข้าไปดูเธอ”
ภวินท์พลางพูดพลางก้าวเท้าจะเข้าไปด้านใน
ธีทัตสีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จาขวางเขาอยู่ตรงด้านหน้า มองเขาด้วยสีหน้าที่ขึงขัง “คุณถือสิทธิ์อะไรเข้าไป”
ภวินท์ขมวดคิ้ว สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น สองวินาที เขาเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วขยับปากขึ้น “ผมเข้าไปดูแวบเดียวเท่านั้น เห็นว่าเธอไม่เป็นไรแล้วก็จะจากไป”
ธีทัตโมโหขึ้น ใช้ไหล่ของเขากระทบที่หัวไหล่ของเขา “ภวินท์คุณบุกเข้ามาในบ้านดูภรรยาผมยามดึกดื่น คุณว่าเหมาะสมไหม”
ภวินท์เลิกคิ้ว พูดไม่ออก
ธีทัตพูดถูก เขากับญาธิดา ตอนนี้เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับพนักงานเท่านั้น
สักพัก เขาถอยหลังออกมาครึ่งก้าว จ้องมองธีทัตแล้วเอ่ยถาม “วันนี้เกิดอะไรขึ้น”
เขาให้คนไปสืบแล้วได้รับข่าวว่าญาธิดากลับมาบ้านแล้ว เขาจึงรีบให้คนขับรถขับมุ่งตรงมาทันที
ธีทัตขมวดคิ้ว แล้วคิดที่จะไล่เขาไป แต่จู่ ๆ นึกขึ้นได้ เขาหยุดชะงักการกระทำครู่หนึ่ง แล้วหยิบการ์ดใบหนึ่งในกระเป๋าออกมา จากนั้นยื่นให้กับเขาแล้วถามขึ้น “คุณเคยเห็นสิ่งนี้ไหม”
เป็นการ์ดใบนั้นที่อัญมณีเก็บขึ้นจากหน้าประตู
ภวินท์ก้มหน้า มองเพียงแวบเดียว สีหน้าก็ขรึมขึ้นทันที
เขายื่นมือมาดึงการ์ด บรรยากาศรอบ ๆ ยิ่งเย็นยะเยือก
เป็นโลโก้ใยแมงมุมอีกแล้วเหรอ! ต้องเป็นฝีมือของสิงโตอีกแน่ ๆ!
เห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของภวินท์ ธีทัตจึงสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง “คุณรู้อะไรมาใช่ไหม”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ดึงสติกลับคืนมา เก็บการ์ดขึ้น แล้วกล่าว “อันนี้ให้ผม ผมจะไปสืบ”
พลางพูดเขาก็หันหลังจะขึ้นรถ
ทันใดนั้น แขนก็ถูกดึงขึ้น เขาถูกแรงดึงกระชากตัวหันกลับมาอีกครั้ง
ความโมโหปะทุขึ้นมาในใจ ภวินท์ดึงมือของธีทัตออก ดวงตาเย็นชาประกายความยะเยือก “คุณจะเอาอย่างไร!”
เขาวันนี้ไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับเขา
ธีทัตขมวดคิ้ว นัยน์ตาจริงจังไม่แพ้กัน และเผชิญหน้ากับเขา “ผมขอถามคุณ การ์ดใบนั้น คุณรู้อะไรมาใช่ไหม”
ภวินท์เงียบ
ธีทัตที่ดูเหมือนจะกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว “คุณรู้ใช่ไหมว่าเป็นฝีมือใคร!”
หากว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภวินท์ เขาไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปแน่นอน!
ภวินท์กล่าวเสียงเคร่งขรึม “แค่สงสัย ยังไม่แน่ใจ”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ทิ้งระยะห่างทั้งคู่ไว้ จ้องธีทัตด้วยสายตาแล้วเตือนว่า “ผมจะไปสืบ เมื่อได้ความจริงมาแล้ว ผมจะทำการประกาศ”
ธีทัตมองเขา ระงับความโกรธในใจไว้ เขาหายใจเข้าลึก ๆ คู่ดวงตาจ้องมองภวินท์ แล้วเอ่ยปากถาม “ผมก็จะสืบเช่นกัน หากพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณ ผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่!”
ภวินท์ตอบกลับอย่างเย็นขา “ผมจะให้ความร่วมมือถึงที่สุด”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็หันหลังแล้วก้าวขึ้นรถไป
มองดูรถสีดำหายลับไปจากความมืด ธีทัตถึงได้หันหลังเข้าบ้านไป
อัญมณีที่พาดตัวอยู่ตรงหน้าต่างดูสถานการณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ดูจากการกระทำที่เกือบจะลงมือกันของทั้งคู่แล้ว สามารถมองออกได้ว่าบรรยากาศตึงเครียดและสถานการณ์ร้ายแรงเพียงใด
ธีทัตก้าวเข้ามาในบ้าน อัญมณีก็รีบเข้ามาหาทันที จากนั้นเอ่ยปากกล่าว “เกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นพวกพี่เกือบจะลงไม้ลงมือกัน……”
กวาดดูความสงสัยของหญิงสาวแล้ว ธีทัตก็เริ่มมีอาการปวดหัว จึงตอบได้ไม่ตรงคำถาม “พี่จะไปเฝ้าธิดา เธอก็พักผ่อนเช้า ๆ นะ”
กล่าวจบ เขาก็สาวเท้าเดินตรงเข้าไปในห้องนอน
ใครจะไปรู้ ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นของหญิงสาวจากด้านใน “อย่า ฉันไม่เซ็น……ฉันไม่อยากเซ็น!”
ญาธิดาที่อยู่บนเตียงดิ้นรนไปมา เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย ธีทัตรีบเดินเข้ามาด้านหน้า จับมือของเธอไว้ แล้วเอ่ยปากพูดปลอบโยน “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ที่นี่!”
พูดแบบนี้สามครั้ง อารมณ์ของหญิงสาวถึงค่อย ๆ สงบลง นอนอยู่บนเตียงขดเป็นก้อนกลม ไม่เปล่งเสียงออกมาอีก
ธีทัตหันไปมองน้ำตาที่หางตาของเธอ เจ็บปวดอย่างที่สุด
เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ญาธิดาเจอกับอะไรมากันแน่ ถึงได้เป็นเช่นนี้ อีกอย่าง เมื่อสักครู่ที่เธอเอาแต่พูดว่า “ไม่อยากเซ็น” หมายความว่าอย่างไร
ไม่ได้ เขาจะต้องไปสืบรู้มาให้ได้!