ดวงใจภวินท์ - บทที่ 473 มอบ “ของขวัญชิ้นใหญ่” ให้เธอ
บทที่ 473 มอบ “ของขวัญชิ้นใหญ่” ให้เธอ
ญาธิดายืนอยู่ข้างๆ มองดูท่าทางชายหนุ่มสองคนที่ต่อสู้กัน รู้สึกอึดอัดใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปขวางตรงหน้าธีทัตไว้ แล้วกล่าวกับพายุว่า “คุณกลับไปก่อนเถอะ อันอันไม่อยากจะเห็นพวกคุณขัดแย้งกันแบบนี้อย่างแน่นอน”
เธอพูดจบ บรรยากาศเงียบสงบไปครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าเพราะคำพูดของเธอ สีหน้าพายุเปลี่ยนไปเล็กน้อย สุดท้าย เขาขยับริมฝีปาก ไม่พูดอะไร แล้วพยักหน้าให้ญาธิดา หันหน้าไปเหลือบมองอันอันที่นอนอยู่บนในผ่านกระจกใส แล้วถึงก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
รอให้เขาเดินไปไกลแล้ว เมื่อมองไม่เห็นเงาหลังของเขาแล้ว ญาธิดาจึงหันหน้ากลับมา ดึงแขนของธีทัตเบาๆ แล้วกล่าวว่า “การสืบสวนได้เรื่องอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ธีทัตได้สติคืนมา สีหน้าไม่เพียงไม่ดีขึ้น ยิ่งเคร่งขรึมไปอีก “กล้องวงจรทั้งหมดถูกคนลบทิ้งหมดเกลี้ยง ไม่เห็นภาพแม้แต่ภาพเดียว”
ญาธิดาตกใจ “อะไรนะ?”
ตอนแรกเธอยังคิดว่า เพียงเฝ้าดูจากกล้องวงจรตามสี่แยกไฟแดง ถึงเวลานั้นก็จะสามารถเห็นคนในรถได้อย่างชัดเจน แล้วก็จะเห็นคนร้ายในพริบตา แต่ไม่คิดว่า………
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ใครที่มีอำนาจใหญ่ขนาดนี้?”
ที่สามารถลบภาพกล้องวงจรปิดตลอดทางที่รถคันที่ก่อเรื่องขับผ่าน ถ้าอย่างนั้นคนคนนี้จะต้องเป็นคนที่เก่งเหนือกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน!
หากฆาตกรเป็นนิวราจริงๆ คนที่ช่วยเธอปกปิดได้ก็มีเพียงคนนั้นแล้ว
ญาธิดาขมวดคิ้ว หนักใจมาก
หากเป็นเขาจริงๆ ………
“หาเจ้าของรถคันนั้นได้แล้ว เจ้าของรถบอกว่าเขาทำกุญแจรถหายเมื่อหลายวันก่อน รถคันนี้น่าจะถูกคนขโมยไป และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจอรถคันนั้นที่นอกชานเมืองของเมืองJแล้ว รถถูกคนขับเข้าไปในบ่อน้ำบริเวณใกล้ๆ จนน้ำท่วมรถไปหลายวัน รถเสียแล้ว ในรถก็ไม่พบรอยนิ้วมือและหลักฐานที่มีประโยชน์ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างกายญาธิดารู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ดังนั้นเบาะแสทั้งหมดก็หายอย่างนี้หรือ?”
หากหาฆาตกรไม่เจอ สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดนี้ล้วนเสียเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้อันอันยังนอกอยู่บนเตียงยังไม่รู้ว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาตอนไหน
แค้นนี้ ต้องชำระ คนคนนี้ จะให้หนีลอยนวลไม่ได้!
ญาธิดากัดฟันแน่น จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ไม่รอให้ธีทัตตอบ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ฉันจะไปหานิวรา”
ธีทัตขมวดคิ้วแน่น “อะไรนะ?”
ญาธิดาเงียบ ไม่ตอบ
บางครั้ง การถอยหลังไม่ใช่วิธีการหาเบาะแสที่ดี ในเมื่อเบาะแสทั้งหมดหายไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองไปพบหน้านิวราดูก่อน ดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
หากเป็นเธอจริงๆ จะต้องเผยพิรุธออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เธอ เธอก็จะไปลองหยั่งเชิงดูก็ไม่เสียหายอะไร
ดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดของญาธิดาออก ธีทัตขมวดคิ้วแน่น “คุณคิดจะ……..”
ญาธิดาค่อยๆ กำหมัดแน่น “ใช่ การทหารไม่ต่อต้านการหลอกให้ศัตรูหลงกล หากเธอไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกลัวอะไร เราก็จะไม่ปรักปรำเธอเหมือนกัน ”
ธีทัตขมวดคิ้วแน่น รู้สึกลังเลใจเล็กน้อย “ผมไม่วางใจให้คุณไป ”
หากนิวราเป็นฆาตกรจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเธอเป็นคนบ้าที่ไม่มีขีดจำกัด ! ญาธิดาเข้าไปหาเธอเอง เขาไม่กล้าคิดว่านิวราจะทำอะไรกับเธอ
ญาธิดากัดฟันแน่น “แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วทัต ”
เงียบไปครู่หนึ่ง ธีทัตจึงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “คุณไปได้ แต่จะต้องไปเจอเธอในที่สาธารณชน”
ญาธิดาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “โอเค”
เธอรู้อยู่แล้วว่าจะต้องรับประกันความปลอดภัยของตัวเองด้วย ตอนนี้อัญมณียังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง แล้วเธอจะไปตกอยู่ในมือของนิวรา ก่อนได้อย่างไรกัน!
ทั้งสองบรรลุข้อตกลงกันอย่างรวดเร็ว เวลาที่จะไปพบนิวรานั้นกำหนดไว้เป็นสามวันให้หลัง วันนั้น บริษัทวรโชติจะมีพิธีตัดริบบิ้น นิวราจะร่วมงานนั้น และภวินท์ก็อยู่ในรายชื่อแขกผู้มีเกียรติด้วย
ถึงเวลานั้นมีคนมากมายอยู่ด้วย แม้ว่านิวราคิดจะลงมือกับเธอก็จะต้องคิดหน้าคิดหลังเหมือนกัน
ครั้งนี้ เธอจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้นิวรา เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ตระการตา
ขณะเดียวกัน เมื่อพายุออกจากโรงพยาบาล กลับถึงบ้านด้วยความมึนงงตลอดทาง
ใครจะรู้ เพิ่งจะกลับถึงบ้านไม่นาน เมื่อจัดการกับบาดแผลบนใบหน้าอย่างลวกๆแล้ว ภวินท์ก็โทรมา
“กลับมาแล้วหรือ?เข้ามาบริษัทด้วย”
พายุอึดอัดใจมาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบรับ
หลังจากครึ่งชั่วโมง เขาออกจากบ้านไปบริษัท เมื่อถึงสำนักงานของประธานบริษัท ผลักประตูออก ภวินท์กำลังพลิกเอกสารอยู่ตรงประตูพอดี
เห็นเขาเดินเข้ามา เขาสั่งงานด้วยความเคยชิน รอเมื่อพายุเดินเข้ามาใกล้ ถึงสังเกตเห็นมีปลาสเตอร์สีเนื้อแปะบนใบหน้าของเขา
น้ำเสียงสั่งงานของภวินท์หยุดชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หน้าเป็นอะไร?ถูกใครต่อยมา?”
พายุที่เป็นคนเงียบขรึมอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกเขาถามแบบนี้ ขมวดคิ้วแน่น แล้วกล่าวกลบเกลื่อนว่า “เดินชนโดยไม่ทันระวัง ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คิ้วของภวินท์ขมวดแน่นเข้าไปอีก
เขาจะดูรอยฟกช้ำข้างปลาสเตอร์ไม่ออกได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าถูกหมัดต่อย ยิ่งกว่านั้น พายุติดตามอยู่ข้างกายเขามาตั้งหลายปี เขาจะไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาได้อย่างไร
เขาปิดแฟ้มเอกสารในมือวางลงบนโต๊ะแรงๆ ทันที แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “พูดมา ”
เห็นท่าทีของภวินท์แบบนี้ พายุนั้นเข้าใจดีมาก หากเขาไม่พูด เขาจะต้องไปตรวจสอบอย่างแน่นอน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยปากเล่ารายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบหนึ่งรอบ
ฟังจบ ภวินท์ขมวดคิ้ว “เห็นอัญมณียังดีๆ อยู่เลย เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ได้อย่างไร?”
อีกอย่าง สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือ เขาไม่ได้ยินข่าวเลยสักนิด
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาสั่งการว่า “ลองไปตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
พายุรับคำ แล้วไปจัดการทันที
ประตูห้องปิดลง ภวินท์ยืนอยู่หน้าโต๊ะสำนักงาน แล้วมองดูเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง ปรากฏว่าดูไม่รู้เรื่องเลย
เรื่องนี้ ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นสามวัน ญาธิดายังคงเฝ้าอยู่ในโรงพยาบาล
อัญมณีผ่านพ้นจากช่วงสังเกตการณ์ขีดอันตรายแล้ว ย้ายจากห้องไอซียูไปอยู่ในห้องผู้ป่วยทั่วไปแล้ว ญาธิดาเฝ้าอยู่ข้างเตียง มองดูหญิงสาวที่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง เฝ้าไปเฝ้ามาผ่านไปสามวันสามคืน แต่อัญมณียังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาบ้างเลย
เป็นเวลาสามวันที่ญาธิดาผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ทานน้อยมาก นอนยิ่งน้อย คนทั้งคนโทรมมาก
คืนวันที่สาม ธีทัตเข้ามากล่อมเธอ “คืนนี้กลับไปเถอะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปร่างกายของคุณจะแย่ ”
“ไม่เป็นไร ” ญาธิดาส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “ฉันคิดว่าอันอันจะต้องฟื้นขึ้นมา ฉันหวังว่าเธอจะเห็นฉันเมื่อเธอฟื้นแล้วลืมตาขึ้นมา”
สิ่งเธอติดค้างอัญมณี ไม่ใช่แค่วันสองวันนี้จะชดใช้หมด
“ธิดา หากคุณอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่ออันอันบ้าง ก็ควรจะกลับไปพักผ่อน คุณลืมไปแล้วหรือว่าพรุ่งนี้เช้าเป็นพิธีตัดริบบิ้นแบรนด์ในเครือบริษัทวรโชติ ”
คำพูดนี้ปลุกเธอตื่นจากฝัน ญาธิดาตกตะลึง จึงนึกแผนการก่อนหน้านี้ของตัวเองขึ้นมาได้
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาชำเลืองไปเห็นสีหน้าซีดเซียวของอัญมณีที่นอนอยู่บนเตียง แล้วจึงหันหน้ามา กัดฟันแน่น “ได้ ฉันฟังคุณ ”
เธอจะต้องไปพักผ่อนให้เต็มที่ หน้าตาจะต้องสดใส สดชื่น เติมพลังให้เต็มที่ ถึงจะไปเผชิญกับศึกในวันพรุ่งนี้ได้
ก่อนจะไป เธอถามธีทัตว่า “เรื่องที่รบกวนคุณ ได้จัดเตรียมไว้ให้แล้วใช่ไหม?”
“วางใจเถอะ ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมแล้ว รอคุณสั่งการ”
ญาธิดาพยักหน้า “โอเค”
เธอคิดไว้นานแล้ว พรุ่งนี้จะเข้าไป “มอบของขวัญ” ให้นิวรา