ดวงใจภวินท์ - บทที่ 49 ช่วยทายาให้เธอ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ญาธิดาก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ก่อนหน้าที่ภวินท์จะออกไปนั้นยังกำชับเธอให้พักผ่อนในโรงพยาบาลให้หายดี เธอยังตอบตกลงแล้ว ทว่ากลับออกจากดรงพยาบาลเรื่องนี้เธอป็นฝ่ายผิดจริงๆ
ปณชัยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นว่านานแล้วเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ พลางอดยิ้มไว้ไม่ไหว “คุณญาธิดาทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ?”
ญาธิดามือสั่นเทาเล็กน้อย พลางกดตัดสายไปแทน “…เอ่อ ไม่มีอะไรคะ พวกโรคจิตชอบโทรมารบกวนค่ะ”
เธอพูดไป และรีบเก็บโทรศัพท์ลงทันควัน พลางยิ้มให้ปณชัยทันที “คุณปณชัยคะ เรื่องเงื่อนไขในชุดของขวัญในครั้งนี้ ฉันยังอยากจะดูให้แน่ชัดอีกสักครั้งค่ะ…”
และในเวลาเดียวกัน ชั้นบนสุดของตึกSTN Group ภวินท์นั่งอยู่ภายในห้องทำงานอันสว่างไสว และมองโทรศัพท์ของตนเองที่ถูกตัดสายไป พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้ ตัดสายเขาทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ปีกกล้าขาแข็งกล้าขนาดนี้แล้วนี่! ยังไม่ทันหายดีจากอาการแพ้เลย ยังกล้าวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลไปได้ น่าตีจริงๆ!
“ฮัดชิ้ว!” ญาธิดาจามอย่างไม่ทันรู้ตัว เธอขยี้จมูกเล็กน้อย และแสดงท่าทางแปลกใจอย่างอดใจไม่ได้
หรือว่าภวินท์กำลังด่าเธออยู่?!
เธอส่ายหน้าไปมา พลางพูดความแปลกใจที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และมองไปทางผู้ช่วยของปณชัย “งั้นพวกเราไปกันเลยมั้ยคะ?”
ปณชัยยังมีตารางงานอื่นอีก จึงให้ผู้ช่วยพาญาธิดาไปยังโรงงานเพื่อดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในชุดของขวัญตามคำขอร้องของเธอ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไป ก็จะเริ่มดำเนินการผลิตสินค้าล็อตใหญ่ได้ทันที
เมื่อเริ่มการผลิตสินค้าแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอนาน ชุดของขวัญก็จะมาถึงที่บริษัท โดยจะมาถึงก่อนหน้าเทศกาลวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต้องสามารถจัดเตรียมได้อย่างเรียบร้อยเป็นอย่างดี งั้นงานผู้ช่วยชิ้นแรกของเธอก็จะเสร็จสมบูรณ์แบบแล้ว
สภาพแวดล้อมภายในโรงงานการผลิตนั้นมันไม่เหมือนอยู่ในบริษัท ญาธิดามาถึงภายในโรงงาน และเดินตามผู้ช่วยวนในโรงงานที่มีการผลิตเสียงดังลั่นอยู่ตลอด ก็รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวไม่ค่อยสบายมาก
อาการแพ้ของเธอเดิมก็ยังไม่หายดี ผิวพรรณที่สัมผัสอากาศและฝุ่นละอองในอากาศภายในโรงงาน ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วไม่สามารถปรับสภาพให้ชินได้
เมื่อมองตัวอย่างผลิตภัณฑ์ภายในชุดของขวัญแล้ว หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ญาธิดาถึงได้ออกมาจากโรงงาน
เธอยุ่งตลอดช่วงบ่าย หิวจนท้องไส้กิ่ว จึงกลับบ้านมากินข้าวไม่ทัน เลยนั่งกินก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแถวๆ นั้น ถึงได้นั่งรถกลับบ้าน
พอเธอเดินเข้าประตู แล้วเหลือบมองป้าจันทร์ที่ยืนรออยู่ที่ห้องรับแขก
“คุณนาย คุณกลับมาแล้วสักที”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของป้าจันทร์นั้นไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ญาธิดารีบถามทันควัน “มีอะไรหรือคะ?”
ป้าจันทร์พูดเตือนเสียงทุ้มต่ำ “คุณชายกลับมาแล้วค่ะ พอกลับมาถึงก็ถามหาคุณว่าคุณอยู่ที่ไหน พอได้ยินว่าคุณไม่อยู่บ้าน ก็เหมือนจะโกรธอยู่หน่อยๆ ค่ะ”
โกรธเหรอ?
หรือเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้รับโทรศัพท์จากเขา? หรือเป็นเพราะว่าเธอทิ้งขว้างเขาเหรอ? ถึงอย่างไรเธอพูดแล้วว่าจะกลับมากินข้าวเย็นกับเขา…
และรู้สึกว่าบริเวณอาการคันที่อยู่บนตัวนั้นมันเริ่มกลับมาคันขึ้นมาอีก ญาธิดาจึงไม่สนใจอะไรมากมาย เธอมองมาทางป้าจันทร์ พลันกระซิบพูด “ป้าจันทร์ ฉันขอกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนค่ะ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมง ป้าช่วยมาทายาที่ห้องให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ป้าจันทร์พยักหน้า “ได้ค่ะ”
เมื่อมองว่าป้าจันทร์ตกลงแล้ว ญาธิดาก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที เพื่อกลับไปยังห้องนอนของตนเอง
เธอตากแดดตากลมมาทั้งวัน แถมยังไม่ได้ทายาด้วยซ้ำ เวลานี้เหนื่อยสายตัวแทบขาดอยู่รอมร่อ จึงอยากจะอาบน้ำและเอนหลังนอนหลับสักตื่น
เมื่ออาบน้ำอุ่นแล้ว ร่างกายของญาธิดาพลางผ่อนคลายลงไปเยอะ เธอเช็ดผมเรียบร้อยแล้ว พลางพันผ้าขนหนูและเดินออกมา ล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่อันอ่อนนุ่มทันที
ภายในห้องนอนอากาศไม่เย็นเลย เธอนอนพาดลงบนเตียง ผ่านไปไม่นานนักก็เกิดอาการตาปิดด้วยความง่วงงุน ตอนที่เธอกำลังสะลึมสะลือ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
เธอขี้เกียจจะลืมตาขึ้น จึงบ่นพึมพำออกไป “ป้าจันทร์คะ ยาวางไว้บนโต๊ะค่ะ ป้าช่วยทายาให้ฉันหน่อยค่ะ…”
เวลานี้เอง เธอแค่อยากจะนอนหลับสักตื่น จึงไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติแต่อย่างใด
ภวินท์ยืนอยู่ที่เตียง พลางมองหญิงสาวที่มีผ้าขนหนูพันอยู่รอบกายและนอนพาดอยู่บนเตียง โดยแผ่นหลังเกินครึ่งเผยให้เห็นความเกลี้ยงเกลาออกมาภายนอก มันขาวจนเตะตา
พลางมองเห็นโต๊ะด้านข้างวางยาทาเอาไว้ เขาหยิบยาติดมือมาด้วย และเดินมานั่งลงขอบเตียง ลังเลว่าจะช่วยทายาให้เธอดีมั้ย ถึงอย่างไรตอนนี้เธอ…
ญาธิดาไม่ได้เคลื่อนไหวอยู่นาน จึงเริ่มรีบร้อนอย่างไม่รู้ตัว “เร็วหน่อยค่ะ…”
ถ้าผ่านไปอีกสักพัก เกรงว่าเธอจะหลับแล้วจริงๆ
เร็วหน่อยเหรอ?
ภวินท์ถึงกลับเลือดร้อนทันที เมื่อได้ยินเสียงของเธอ พลางบิดเบือนความหมายไปเป็นอย่างอื่นแทน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มที่ใสซื่อ พลางมองเรือนร่างอันขาวเนียนเปลือยเปล่าที่อยู่ด้านหน้าของตัวเองแบบนี้ จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงอาการคิดเลยเถิดเตลิดมากขึ้นกว่านั้น
ภวินท์หมุนฝาเปิดยาทา ซึ่งหาสำลีไม่เจอ จึงบีบยาทามาไว้บนมือ พลางใช้ปลายนิ้วค่อยแตะแต้มไปบนจุดแดงที่อยู่บนแผ่นหลังอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เลื่อนไปที่กระดูกสะบัก…
ครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนมที่อยู่บนเรือนกายของหญิงสาวพลันตีเข้าโพรงจมูกของเขาอย่างรุนแรง เขาพยายามเรียกสมาธิกลับมา ไม่ให้ตัวเองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน
ญาธิดาหลับตา เพราะรับรู้ความรู้สึกคันทางด้านหลังของตัวเอง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย และการเสียดสีของนิ้วมืออันหยาบกร้านที่กำลังทายาให้เธอ ทว่ากับรู้สึกว่ามีความรู้สึกสบายอย่างพูดไม่ถูก
เธอออกปากถามด้วยความสงสัย “ป้าจันทร์คะ… มือของป้าหยาบกร้านเพราะว่าทำงานหนักมาหลายปีใช่มั้ยคะ?”
ภวินท์แสดงอาการค้างเติ่ง และไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปดีหรือเปล่า ญาธิดาลืมตาทันที และค่อยๆ หันกลับมา
เมื่อมองเห็นภวินท์ที่กำลังเป็นคนนั่งทายาตรงขอบเตียงให้เธออย่างชัดเจนเต็มสองตานั้น ญาธิดาราวกับถูกไฟช๊อต จนดีดตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างทันควัน
“ทำไม… เป็นคุณไปได้ยังไง!”
เธอเอาดึงผ้าปูที่นอนเอามาคลุมร่างกายตัวเองอย่างตื่นตระหนก ความง่วงเหงาหาวนอนที่เป็นอยู่เมื่อครู่นี้พลางมลายหายไปหมดสิ้น
เมื่อเห็นหญิงสาวแสดงอาการมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ ภวินท์ย่นคิ้วเล็กน้อย ความทุกข์ใจที่มีอยู่เดิมกลับแปรเปลี่ยนเป็นอาการไม่พอใจเข้ามาแทนที่ เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมจะเป็นผมไม่ได้ล่ะ?”
เขาเป็นสามีของเธอ ช่วยเธอทายามันมีอะไรที่ไม่ควรเหรอ?
ซึ่งจับสัมผัสได้ว่าภวินท์ไม่พอใจ ญาธิดากะพริบตา และเก็บอาการตื่นตระหนกทันที “ไม่ค่ะ… ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้นค่ะ ฉันยังคิดว่าเป็นป้าจันทร์…”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ
ภวินท์เลิกคิ้วเล็กน้อย พลางออกเสียงคำสั่งอย่างเย็นชา “มานี่ นอนลงเดี๋ยวนี้”
ญาธิดาถึงกลับหวาดหวั่นทันที “หา?”
ภวินท์ตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ยังทายาไม่เสร็จเลย แล้วคุณจะวิ่งไปไหนเนี่ย?”
“อ้อ…”
ญาธิดาตอบรับอย่างลังเล และค่อยๆ เอนตัวนอนบนเตียงซ้ำอีกครั้ง ทว่าร่างกายกลับเกร็งไปทั่วเรือนร่าง
มิน่าล่ะเมื่อครู่นี้เธอถึงได้รู้สึกว่านิ้วมือที่ทายานั้นมันหยาบกร้าน ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง
ภวินท์ชูมือขึ้น พลางกดหัวไหล่ของเธอ เพื่อให้เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย จากนั้นจึงค่อยทายาให้เธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายนั้น เขาอดใจจะสอบสวนถึงความผิดไม่ได้ “ให้คุณนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ใครเป็นคนอนุญาตให้คุณออกจากโรงพยาบาลล่ะ?”
ญาธิดาพูดอธิบายอย่างอึกอัก “ฉัน…ฉันมีธุระตอนบ่ายค่ะ”
“งั้นทำไมไม่รับโทรศัพท์ของผมล่ะ?”
เธอเผลอพูดโกหกออกไป “ฉัน…ฉันไม่ได้ยินค่ะ”
“ไม่ได้ยินเหรอ” ภวินท์นิ่งทันที จู่ ๆ ก็โน้มตัวลงมา แนบชิดข้างติ่งหูของเธอ “คุณแน่ใจใช่ไหมว่าคุณไม่ได้เป็นคนตัดสายทิ้งไป?”
เขาไม่ใช่คนโง่ แถมยังแยกแยะออกว่าโทรศัพท์ของตนเองนั้นไม่มีคนรับสายหรือตัดสายทิ้งกันแน่
อยู่ดีๆเขาก็เขยิบเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ญาธิดาราวกับได้กลิ่นAucuba japonica จางๆ ที่อยู่บนตัวของเขา วินาทีนั้น ร่างกายของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ฉัน …”
ภวินท์เหลือบมองใบหน้าเรียวเล็กอันเนียนละเอียดละอออันขาวเกลี้ยงของหญิงสาว เขายื่นมือออกไปบีบใบหน้าของเธอโดยไม่ลังเล ราวกับเป็นการตักเตือนและเป็นการออกคำสั่ง “ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ตัดสายผมทิ้งอีก”
ญาธิดารีบตอบทันควัน “ค่ะ ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเธอตอบตกลงแล้ว ภวินท์ถึงยอมปล่อยมือทันที พลางจัดการทายาให้เสร็จโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นก็พูดออกมาตามปกติ “ด้านหน้า ต้องให้ผมช่วยคุณทาอยู่มั้ย?”
บริเวณหน้าอกของเธอมีจุดแดงอยู่จำนวนไม่น้อย เพราะตอนนี้ด้านหลังก็ทายาหมดแล้ว ดังนั้นจึงมาถึงตาด้านหน้าแล้ว
ญาธิดายังเรียกสติกลับมาไม่ทัน พอจังหวะที่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาตามสัญชาตญาณนั้น ใบหน้าราวกับลุกเป็นไฟ ร้อนผ่าวจนคนไหม้เกรียม
ด้วยเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด เธอเลยรีบพูดทันควัน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจัดการเองดีกว่าค่ะ”