ดวงใจภวินท์ - บทที่ 5 พ่อรู้จักกันเหรอ
เวลานี้ ประตูถูกเปิดจากด้านนอก เป็นยติภัทรที่กลับมาแล้ว
ยติภัทรเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ก็เดินเข้าไปในห้องครัว โดยไม่ทันได้สังเกตที่ห้องรับแขก
แต่ญาธิดากลับสะดุ้งตกใจไปทั้งตัว คุยกันมาตั้งนาน เธอลืมบอกกับภวินท์เลย
“คุณภวินท์คะ ฉัน……” ญาธิดาโน้มเข้าไปใกล้ภวินท์เล็กน้อย แล้วกล่าวเสียงเบาๆ
สบตากับแววตาที่เย็นชาของภวินท์ ญาธิดาตระหนักได้ว่าตัวเองเรียกผิดไป แต่ว่าจะให้ตัวเองเรียกชื่อเจ้านายตัวเองต่อหน้าต่อตา เธอไม่สามารถเรียกได้จริง ๆ
ครั้นแล้ว ญาธิดาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วกล่าวต่อว่า “ฉันยังไม่ได้บอกพ่อแม่เรื่องที่พวกเราจดทะเบียนสมรสกัน”
ได้ยินประโยคนี้ ภวินท์กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ สื่อว่าตัวเองรับทราบแล้ว
“อีกอย่าง……” ญาธิดากล่าวต่อ แต่ยติภัทรกลับปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเธอ ขัดจังหวะการพูดของเธอขึ้น
“ธิดาลูก มีแขกมาที่บ้านเหรอ”
เสียงที่หนาทำให้เธอตกใจจนตัวสั่น จนขวัญเกือบกระเจิงหายไป
ญาธิดาหันหลังมา กำลังอยากจะตำหนิพ่อ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าภวินท์ก็อยู่ด้วย เธอจึงได้แต่ยิ้มให้กับยติภัทรแล้วกล่าว “พ่อ พ่อกลับมาแล้วเหรอคะ! ทำงานเหนื่อยแย่เลย”
จากนั้นเดินมาข้าง ๆ ยติภัทรทำท่าออดอ้อน แล้วก็หยิบกระเป๋าในมือของยติภัทร
ขณะที่ญาธิดากำลังจะแนะนำคุณพ่อให้ภวินท์รู้จักนั้น ยติภัทรได้มองข้ามผ่านญาธิดา ตรงไปที่ภวินท์ “เจ้าวิน?วินมาได้ยังไง”
ภวินท์ลุกยืนขึ้น แล้วคำนับให้กับยติภัทร จากนั้นก็เรียกขึ้น “อาจารย์”
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของยติภัทร ท่าทางของภวินท์นั้นคือเงียบสงบ
ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนได้
ดร.ยติภัทรดึงภวินท์ให้นั่งลง จากนั้นกล่าวกลับญาธิดาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง “รีบไปหยิบชาทิกวนอิมของพ่อมาเร็ว”
“นี่……” พ่อรู้จักกันเหรอ
ญาธิดาถูกสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้สับสนงุนงง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของพ่อที่เสมือนเจอเพื่อนเก่าแก่ เธอจึงไม่อยากจะพูดแทรก จึงไปหยิบชาทิกวนอิมตามที่ยติภัทรบอก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อชงชา
“แม่ ดูเหมือนพ่อจะรู้จักกับ ภ……ภวินท์”
ภวินท์ชื่อนี้ถึงแม้ว่าจะเรียกไม่ยาก แต่ญาธิดาก็ยังรู้สึกไม่ชิน
คุณหญิงปภาวีที่กำลังแกะกุ้ง ได้ยินคำพูดของลูกสาว เธอก็ชะงักลง แล้วมองไปยังประตู เห็นแต่ท่าทางที่มีความสุขของยติภัทร
คุณหญิงปภาวีจึงหันกลับมาแล้วพึมพำ “ดูท่าทางแล้ว เหมือนจะรู้จักจริง ๆ”
เรื่องที่ให้ลูกสาวตัวเองไปนัดบอด คุณหญิงปภาวีนั้นไม่ได้บอกให้ยติภัทรทราบ และเมื่อสักครู่ที่เธอบอกกับยติภัทร เรื่องที่คู่นัดบอดของลูกสาวจะมาทานข้าวที่บ้านนั้น ก็ยังถูกต่อว่าไปหนึ่งยก
ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นคนกันเองซะอย่างนั้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนนี้ ใบหน้าของคุณหญิงปภาวีก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ตั้งแต่ที่ภวินท์เข้ามา เธอยิ่งมองก็ยิ่งชอบ
คนที่สุขุม สงบ ใจเย็น สง่างามแบบนี้แหละคือลูกเขยที่ดีที่สุดในใจเธอ
คุณหญิงปภาวีดีใจจนตัวแทบจะลอย จากนั้นก็ฮัมเพลงขึ้นเบา ๆ โดยไม่สนใจความงุนงงบนใบหน้าของญาธิดา
ญาธิดาจึงได้แต่ยกชาที่ชงเสร็จกลับไปที่ห้องรับแขก
ยติภัทรกับภวินท์คุยกันเรื่องปัญหาวิชาการ ญาธิดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฟังแทบไม่เข้าใจ ทำได้แค่นั่งเป็นตัวประกอบ
เมื่อยติภัทรคุยอย่างเมามัน จึงพาภวินท์เข้าไปที่ห้องหนังสือ จากนั้นปิดประตู และไม่ได้ยินอะไรอีก
ญาธิดาเบ้ปาก ได้แต่เข้าไปช่วยในห้องครัว
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป อาหารได้ทำเสร็จ แล้วก็ยกมาวางที่โต๊ะอาหาร
หลังจากที่ทุกอย่างพร้อม ญาธิดาก็มาเคาะประตูห้องหนังสือ เรียกคนที่อยู่ด้านในออกมาทานข้าว
โต๊ะอาหารของครอบครัวภูสิทธ์อุดมนั้นเป็นทรงกลม ในวันปกติ ทุกคนจะนั่งรวมกันอย่างมีความสุข
แต่วันนี้บรรยากาศกลับแปลก ๆ
น่าจะเป็นเพราะออร่าของภวินท์ ทำให้อาหารเย็นของวันนี้กลายเป็นดินเนอร์หรูๆ
ญาธิดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยืดอกตรง มือทั้งสองข้างวางไว้บนตัก
ยติภัทรเวลานี้จึงได้แนะนำภวินท์ขึ้น
“วี ธิดา วินก็คือคนที่ผมเล่าให้พวกเธอฟังบ่อย ๆ ไง ลูกศิษย์ที่ผมภาคภูมิใจที่สุด”
ญาธิดามองภวินท์ด้วยความตกใจ
เขาก็คือลูกศิษย์คนที่พ่อพูดถึงตลอดเวลาเหรอ!
คนที่อะไร ๆ ก็ได้ที่หนึ่งเสมอ รุ่นพี่ที่กวาดรางวัลทุกสถานการณ์!
ฉับพลันญาธิดาในใจก็แอบยกยอภวินท์ประหนึ่งเทพ
คุณหญิงปภาวีได้ยินแบบนี้ ในใจก็ยิ่งเบิกบาน เดิมทีอยากจะคีบอาหารให้กับภวินท์ แต่เห็นใบหน้าของภวินท์ที่ขึงขังเย็นชา แววตาเคร่งขรึม ฉับพลันเธอก็รู้สึกอึดอัด ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ดังนั้น คุณหญิงปภาวีทำเพียงยิ้มให้กับภวินท์แล้วกล่าว “ทานเยอะ ๆ”
เมื่อได้ยิน ภวินท์ก็พยักหน้าให้กับคุณหญิงปภาวี กล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา “ขอบคุณครับอาจารย์วี”
จากนั้นเขาก็หยิบตะเกียบขึ้น การเคลื่อนไหวที่ช้า ๆ สง่างาม ท่าทางผู้ดีชัด ๆ ทำให้ญาธิดาที่ใช้ตะเกียบไม่ค่อยคล่องรู้สึกละอายใจ
ญาธิดาต้องการจะทานซุปก่อน แต่แล้วเมื่อเธอจะลุก พร้อมยกถ้วยขึ้นนั้น เวลานี้สายตาของคุณหญิงปภาวีที่คมกริบมองเห็นแหวนที่นิ้วนางของญาธิดา
คุณหญิงปภาวีรีบมองไปยังมือของภวินท์ และเธอก็เห็นแหวนที่เหมือนกันจริง ๆ
“ญาธิดา แหวนนี้ของลูก” คุณหญิงปภาวีคว้ามือของญาธิดา แล้วก็มองไปมาระหว่างญาธิดากับภวินท์ “พวกเธอ?”
ญาธิดาที่ถูกจับได้นั้นราวกับลูกไก่ที่กำลังถูกเชือด สายตาที่วิงวอนร้องขอชีวิต มองไปทางภวินท์อย่างไม่รู้ตัว
เห็นเพียงภวินท์วางตะเกียบลงอย่างเรียบร้อยและใจเย็น จากนั้นถึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
ได้ยินเพียงน้ำเสียงของเขาที่เฉยเมย แต่กลับพูดอย่างจริงจัง “อาจารย์ครับ ผมกับธิดาได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วครับ”
บทที่ 4 โล่งอก
บทที่ 6 ฝากฝัง