ดวงใจภวินท์ - บทที่ 506 ติดกับแล้ว
บทที่ 506 ติดกับแล้ว !
ตอนที่มาถึงร้านอาหาร ท้องฟ้าก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแล้ว พายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
สายฝนโปรยปรายหนาเม็ดเหมือนกับผ้าที่พันเกี่ยวไว้ด้วยกันหนึ่งชั้น บดบังสายตาของทุกคนไว้
ภายในห้องรับรองส่วนตัว ผู้คนต่างพากันดื่มฉลอง ด้วยความสุขสนุกสนาน
เป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มารวมตัวกันได้แบบครั้งนี้ แน่นอนว่าทุกคนมีเรื่องจะพูดคุยกันมากมายไม่จบสิ้น แต่ด้วยเรื่องการตายของรัฐภูมิ ทุกคนต่างอดทนอดกลั้นและเกรงอกเกรงใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถอนหายใจ ก้มมองของเหลวที่อยู่ในแก้ว แทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย
การตายของรัฐภูมิ สำหรับเขาแล้ว ก็เป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่ คุณลุงที่เห็นเขาเติบโตตั้งแต่เด็ก จากไป ท่ามกลางอุบัติเหตุแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันจริงๆ
ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว งานเลี้ยงก็ผ่านไปครึ่งทางแล้ว
เวลานี้เอง โทรศัพท์ที่เขาวางบนโต๊ะก็ส่งเสียงดังขึ้นมา เขาค่อยๆขมวดคิ้ว ตั้งสติกลับมา เปิดดูหน้าจอมองเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ก็ตกใจเล็กน้อย
คือญาธิดาโทรมา
นับตั้งแต่ที่พวกเขาทะเลาะกันเรื่องหลักฐานครั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงให้เธอเป็นฝ่ายโทรหาเขา เธอแทบไม่อยากจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
ลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดรับสาย
“ฮัลโหล”
ทางปลายสายนั้นมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวดังมา เสียงสั่นเครือ “ภวินท์ ช่วยฉันด้วย! รีบมาช่วยฉันเร็ว!”
ชั่วพริบตา สีหน้าท่าทางภวินท์ตึงเครียดขึ้นมา “คุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ในวัดที่เต็มไปด้วยเจดีย์แหลมแห่งหนึ่ง คนของชนัดพล เขาจับฉันมา ต้องการล้างแค้น ว้าย!”
หลังจากเสียงกรีดร้องของญาธิดา ทางนั้นก็เงียบเสียง โทรศัพท์ถูกตัดสายไป ไม่มีเสียงอะไรอีก
วินาทีนั้น เลือกทั่วร่างกายของภวินท์สูบฉีด เขาลุกพรวดพราดขึ้นมา ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรกับผู้คนภายในห้องรับรอง เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
พายุตกใจ รีบตามออกไป “ท่านประธาน!”
ภวินท์ร้อนใจไปชั่วขณะ เอ่ยปากถามอย่างตื่นตระหนกว่า “พายุ…วัดที่ไหนเต็มไปด้วยเจดีย์แหลม !”
พายุเองก็แปลกใจ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ผมโทรถามดูนะครับ”
พูดพลาง เขาก็กดโทรออกไป สอบถาม
หลังจากนั้นสองนาที เขาก็เดินมาพูดว่า “ท่านประธาน วัดในเมืองJมีน้อยมาก ถ้าบอกว่าในวัดมีแต่เจดีย์แหลมๆ นั่นก็น่าจะมีแค่วัดเขารามวัดนั้นที่อยู่ในละแวกเขารามครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งเครียดกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “ไปเตรียมรถมาเดี๋ยวนี้ ไปที่วัดเขาราม!”
พายุตกใจ “ตอนนี้เลยเหรอครับ”
“ก็ตอนนี้เลยสิ!”
เรื่องคลิปนั้นกระทบกระเทือนจิตใจจนทำให้ชนัดพลจนเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ ซื้อใจผู้ถือหุ้น ถึงขั้นอาจจะสังเวยด้วยชีวิตคน มาวันนี้ยังจับตัวญาธิดาไปอีก นี่เขากำลังบีบเขาทีละก้าวให้ยอมศิโรราบ!
ระหว่างทางไปวัดเขาราม รถพุ่งทะยานไปด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปที่วัดวัดเขาราม
ขณะที่มาได้ครึ่งทางแล้ว ภวินท์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาญาธิดา มีเสียงอัตโนมัติดังมาจากปลายสายว่า “ไม่สามารถติดต่อเลขหมายที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้”
หัวใจเขาจุกอยู่ที่ลำคอ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล เขากุมโทรศัพท์เอาไว้แน่น เส้นเลือดที่แขนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
ชนัดพลโหดเหี้ยมอำมหิต ถ้าเขาคิดจะทำอะไรญาธิดาจริง เกรงว่าจะไม่อาจจินตนาการผลที่ตามมาได้
อีกอย่าง พวกเขาจับตัวญาธิดามา โดยเลือกใช้วัดเขาราม ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
แต่ตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว เขาแค่อยากจะรีบไปถึงให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของญาธิดา!
รถพุ่งทะยานไปตลอดเส้นทาง มุ่งหน้าไปเขตชานเมืองที่ไร้ผู้คน บวกกับฝนที่ตกหนัก จึงมืดมนและเหน็บหนาวตลอดทาง เมื่อมาถึงวัด วัดเขาราม ฝนที่ตกด้านนอกก็ยังไม่หยุด ไม่มีวี่แววที่จะหยุดเลย
ภวินท์เปิดประตูรถ ไม่คิดที่จะกางร่ม พุ่งตัวเข้าไปกลางสายฝนพายุรีบลงจากรถมากางร่มวิ่งตามไป “ท่านประธาน!”
เขาเอาร่มไปกางให้ภวินท์ แต่ภวินท์กลับไม่สนใจ รีบเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
ประตูวัดเขารามมืดมิดน่ากลัว มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟเล็กๆ พอให้มองเห็นประตูเท่านั้น ภวินท์เงยหน้ายกมือขึ้นมาเคาะประตู ทุบอยู่สองสามครั้ง ภายในไม่มีการตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
พายุเอ่ยเตือนอยู่ข้างๆว่า “วัดเขารามชนบทมาก ปกติไม่ค่อยมีผู้คน……”
ภวินท์ได้ยิน ก็ขมวดคิ้ว เขาสูดหายใจลึกๆ ยกขาขึ้นมาถีบประตูไม้
ภายในวัดเองก็มืดสลัวมีเพียงดวงไฟเล็กๆเช่นกัน พอให้มองเห็นสภาพพื้นที่ได้ ด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เดินเข้าไปอีกหน่อย เขาก็มองเห็นวิหารที่ใกล้กับประตูมากที่สุด
เขาสาวเท้าเดิน เข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ญาธิดา!”
ข้างในนี้ เป็นสถานที่ที่ไม่น่าจะมีคนอยู่เลย หรือว่าพวกเขามาหาผิดที่แล้ว
พอภวินท์คิดเช่นนี้ ในใจตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาหันหน้าไปทางพายุ ถามว่า “แน่ใจนะว่าเป็นวัดเขาราม!”
พายุพยักหน้า “ครับ วัดที่มีเจดีย์มากมายทั่วทั้งเมือง ก็มีแต่วัดเขารามครับ”
ภวินท์สูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปไกลๆผ่านสายฝนที่โปรยปรายอย่างหนักจนเป็นผืนหมอกหนา สุดท้ายก็มองเห็นอีกด้านของวิหารที่มีเจดีย์แหลมรายล้อม
เขาสูดลมหายใจลึกๆ กัดฟันกรอด สั่งพายุว่า “ฉันหาทางนี้ นายไปทางนั้น พวกเราสองคนแยกกันหา!”
พายุลังเลเล็กน้อย
วันนี้พวกเขามีกันสองคน ถ้ายังต้องแยกกันหาอีก เกรงว่าโอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันก็ยิ่งมามากขึ้น
คำพูดเขาเพิ่งจะมาอยู่ข้างริมฝีปาก ยังไม่ทันที่เอ่ยปากพูดออกมา จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า
“พี่ใหญ่ คุณกำลังหาอะไรกันอยู่”
เสียงนี้เหมือนกับภูตผีปิศาจ ที่ทะลุผ่านเสียงฝนมา แฝงด้วยความดูถูกเยาะหยัน
ภวินท์ได้ยินเสียง ก็ตัวแข็งทื่อ หันไปมองทันที
เสียงดัง“แก็ก!แก็ก!”สองสามครั้ง ดวงไฟโดยรอบสว่างไสวขึ้นมา ส่องพื้นที่โล่งด้านหน้าวิหารให้สว่างขึ้นในชั่วพริบตา
แสงที่ส่องลงมาทำให้ภวินท์ตาฝ้าฟางไปชั่วขณะ จากนั้นพอเขาจ้องมอง จึงพบว่ามีคนยืนเข้าแถวอยู่หน้าวิหาร คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นตรงกลางคือภูผา
ทันใดนั้น เลือดเขาสูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างระแวดระวัง
คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเขา!
“ท่านประธาน!” เห็นชัดว่าพายุก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เขาเขยิบเข้ามาใกล้ภวินท์ พูดเบาๆว่า “พวกเราติดกับแล้วครับ!”
คิ้วภวินท์ขมวดแน่น สีหน้าเคร่งเครียด เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่านี่พวกเขาตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว!
มือของพายุที่ล้วงอยู่ในกระเป๋า กดปุ่มทางลัดอะไรสักอย่างด้วยความว่องไว เวลานี้เอง ชายร่างกำยำคนหนึ่งก็พุ่งออกมา จากด้านหลังถีบไปที่ด้านหลังของเขา
พายุไม่ทันได้ตั้งตัว เกือบจะคุกเข่าล้มลงกับพื้น
ภวินท์เห็นอย่างนั้น ก็ขมวดคิ้ว มองไปยังภูผา พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “นายคิดจะทำอะไร!”
ดูจากตอนนี้แล้ว ภูผาพยายามออกอุบายเอาเขามาที่นี่ ต้องคิดจะทำอะไรแน่นอน คิดจะแย่งหุ้นของ STN Group หรือคิดจะฆ่าปิดปาก
“ที่เรียกพี่มา ก็แค่จะมารำลึกความหลัง แต่ลูกน้องพี่ ช่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
ภูผาหัวเราะเยาะ จากนั้นสายตาที่มองไปยังพายุก็เปลี่ยนเป็นคมกริบน่ากลัว “เอาโทรศัพท์มือถือมันมาให้ฉัน! เขามือไวมากไม่ใช่เหรอ ดูแลต้อนรับให้ดี!”
พอเขาพูดแบบนี้ ชายร่างใหญ่ที่ควบคุมตัวพายุไว้ก็บิดแขนเขาไปด้านหลัง ได้ยินแค่เสียง “ก็อกแก๊ก” สองสามครั้ง พายุก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ภวินท์เห็นอย่างนั้น ก็ก้าวเข้ามาทันที ยกขาเตะไปที่ช่องท้องของชายร่างใหญ่อย่างแรง ชายร่างใหญ่เซถลาไปด้านหลังสองสามก้าว ภวินท์ก้าวมาข้างหน้า พร้อมพยุงพายุขึ้นมา
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คนของภูผาก็ล้อมเข้ามาโดยรอบ จ้องมองพวกเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ พร้อมที่จะลงมือ!