ดวงใจภวินท์ - บทที่ 520 ส่งคนไปสอดแนมคุณย่า
บทที่ 520 ส่งคนไปสอดแนมคุณย่า
เธอได้ข้อมูลสำรองของวิดีโอกล้องวงจรปิด จากนั้นก็เดินออกจากห้องควบคุม เตรียมที่จะออกจากโรงพยาบาล
ระหว่างทาง เธอใจลอย ในหัวสมองครุ่นคิดแต่เรื่องที่จะหาวิธีในการตามหาภวินท์
ตอนนี้ ต่อให้ตัวของภวินท์อยู่ในเมือง J เธอก็จะไปตามหา ต่อให้จะเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ต้องใช้ความพยายามและความยากลำบาก หากต้องการจะตามหาคนแล้วจริงๆ เธอจะต้องเริ่มต้นจากเบาะแสที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เช่นนี้ถึงจะประหยัดเวลาและมีประสิทธิภาพ
เธอพลางเดินพลางครุ่นคิด และไม่ได้สังเกตดูสถานการณ์รอบข้าง เธอเพิ่งเดินออกมาจากอาคารผู้ป่วยนอก กำลังจะเดินผ่านสวนเล็กๆ ไปยังหน้าประตู ใครจะไปรู้ เหลือบมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย
ดวงตาเธอชะงัก และจับจ้องไปที่ร่างนั้น ครู่เดียวก็มั่นใจว่า เป็นร่างที่คุ้นเคยของ——นิวรา!
ทางฝั่งนิวราที่กำลังกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง ราวกับเหมือนสังเกตเห็นบางอย่าง เธอหันมามองทางญาธิดาอย่างฉับพลัน และทั้งสองก็สบตากันพอดี สายตาประสานกันกลางอากาศ ต่างคนต่างชะงักงัน
จะว่าไป พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะบังเอิญได้เจอกัน
ญาธิดาดึงสายตากลับ ขณะที่จะเดินออกไปที่หน้าประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสร้งทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร แต่ใครจะไปรู้สีหน้าของนิวราเปลี่ยน และเดินตรงมาหาเธอ
สัมผัสถึงการเข้ามาใกล้ของเธอ ญาธิดาขมวดคิ้ว หันหน้ามองไปทิศทางนั้น เธอเดินเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอ
ไม่ได้เจอกันเดือนกว่า นิวราในตอนนี้ดูผอมลงไปมาก เธอไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าขาวซีด ตาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด แก้มทั้งสองข้างตอบ ทั้งตัวดูซูบผอมลงไปมาก
“ญาธิดา!”
นิวราเอ่ยปาก ใช้น้ำเสียงที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเรียกเธอให้หยุด
ญาธิดาตะลึงงัน มองเธอเดินเข้ามาหาตัวเอง จากนั้นหยุดชะงักเท้าลง แล้วจ้องมองเธออย่างเย็นชา
หลังจากที่รอเธอเข้ามาใกล้ ญาธิดาก็ถามขึ้นอย่างเย็นชา “มีอะไร”
“ฮึ่ม!”
นิวราฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ มองดูดวงตาของเธอที่เป็นปรปักษ์อย่างเห็นได้ชัด เธอเดินเข้ามา กล่าวอย่างเย็นชา “ผู้หญิงไร้ยางอาย! ถ้าไม่ใช่เธอ พี่วินก็คงไม่จะไม่หย่ากับฉัน! ถ้าไม่ใช่เธอ
เขาก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้!”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่เปล่งเสียงใดๆ
เธอรู้ดี แต่ไหนแต่ไรนิวรามักจะมีนิสัยชอบโยนความผิดมาให้เธอเสมอ
ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับภวินท์ เธอก็โทษเธอ
เห็นได้ชัดว่าต้องการจะใช้เป็นข้ออ้างนี้ในการบรรเทาความโกรธของเธอ
นิวราเห็นเธอไม่พูดไม่จา จึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใกล้เธอแล้วกล่าว
“ญาธิดาอีคนสารเลว! ล้วนเป็นเพราะเธอ
ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเธอ!”
ได้ยินคำสบถอย่างไม่สะทกสะท้านของเธอ ญาธิดาก็ปะทุความโกรธขึ้น
แล้วกล่าวเตือนอย่างเย็นชา “นิวรา
พูดอะไร ระวังหน่อย”
คู่ดวงตาที่แดงก่ำนิวรา จ้องเขม็งเธอแล้วกล่าว “ที่ฉันพูด หรือว่าไม่จริง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ
พี่วินจะเกิดเรื่องได้ยังไง เธอคิดว่าฉันไม่ได้ไปสืบมาหรือไง สายโทรศัพท์สุดท้ายที่เขาคุยก่อนจะหายตัวไป ก็คือเธอ!”
ญาธิดาใจเต้น “ตึกๆ” มองเธอด้วยความประหลาดใจ
คิดไม่ถึง นิวรารู้เรื่องนี้ด้วย
ญาธิดากำหมัดแน่น กล่าวถามต่อ “เธอยังรู้อะไรอีก”
“ฉันรู้อะไร ทำไมต้องบอกเธอด้วย”
ใต้ดวงตาของนิวราประกายความโกรธขึ้น
แต่ในเวลานี้ มีเสียงดังลอยมาจากทางนั้นที่อยู่ไม่ไกล
นิวราตกใจแล้วก็หันมองไป แต่ราวกับเห็นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอยกเท้าจะเดินไปข้างๆ
ญาธิดาเห็นดังนั้น ยกเท้าตามไปทันที
แล้วถามขึ้น
“นิวรา เธอรู้อะไรมาใช่ไหม”
หากสามารถหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์จากเธอ บางทีอาจจะหาเจอภวินท์พวกเขาได้เร็วขึ้น
นิวราได้ยินดังนั้น แววตาประกายความมืดมน เธอฮึดฮัด “อยากรู้เหรอ”
ขณะที่พูด ไม่รอให้ญาธิดาได้ตอบ
เธอยื่นมือออกมาดึงข้อมือของเธอไว้
แล้วกระชากเธอไปที่ด้านหลังภูเขาจำลอง “เธอตามฉันมา!”
ญาธิดาไม่ทันตั้งตัว ถูกเธอดึงไปยังด้านหลังภูเขาจำลอง
เห็นท่าทางลนลานของนิวราที่มองทะลุผ่านภูเขาจำลองออกไปด้านนอก
โดยไม่พูดไม่จาสักคำ ราวกับเหมือนกำลังหลบใครบางคน
ญาธิดามองตามเธอออกไปด้วยความสงสัย
เห็นคนสองสามคนวิ่งจากอาคารผู้ป่วยนอกไปยังประตูที่อยู่ข้างๆ อย่างรีบเร่ง ชายหนุ่มสองคนดูคล้ายบอดี้การ์ด อีกคนเป็นหญิงวัยกลางคน
พลางเดินพลางมองไปรอบๆ ราวกับกำลังตามหาคน
ญาธิดาสัมผัสถึงบางอย่าง เธอหันไปมองนิวราอีกรอบ เอ่ยปากถาม “พวกเขาตามหาอะไรกัน”
เห็นคนเหล่านั้นเดินไปยังประตูด้วยตาตัวเอง นิวราถึงได้แอบถอนหายใจโล่งอก
ได้ยินเสียงจากข้างๆ เธอจึงหันไปมองญาธิดา กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ไม่ต้องมายุ่ง!”
สำหรับเรื่องของเธอ เดิมทีญาธิดาก็ไม่อยากจะสนใจ สาเหตุที่ตามเธอมา เพียงแค่อยากจะรู้เบาะแสเพิ่มเติมของภวินท์เท่านั้น
เธอก็ไม่อยากอ้อมค้อม จึงเอ่ยปากถามตรงๆ “ตอนนี้เธอจะบอกได้หรือยังว่าเธอรู้อะไรมาบ้าง”
นิวราฮึดฮัด
ญาธิดา พวกเราเป็นศัตรูกันนะ!”
สีหน้าประกายความไม่พอใจ “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย
ชะงักไปชั่วครู่ เธอก็กล่าวต่ออย่างดุดัน
“จะว่าไป เรื่องของพี่วินฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ล้วนเป็นเพราะเธอ!”
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ ญาธิดาหรี่หางตาลง
“ในข่าวบอกว่าเขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอพูดว่าเขาไม่รู้อยู่ที่ไหน”
แล้วถามขึ้น
ได้ยินดังนั้น นิวราชะงักครู่หนึ่ง
สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย สักพัก เธอก็มองมาทางญาธิดา แล้วกล่าวอย่างเย็นชา
“พี่วินจะตายได้ยังไง”
สำหรับข่าวปลอม เธอรู้ตั้งนานแล้ว ภวินท์ยังไม่เสียชีวิต เพียงแต่ว่าตอนนี้แค่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนั้น ในข่าวก็รายงานแล้ว อีกอย่างฉันก็ไปดูที่สุสานของเขาแล้ว
ยังจะเป็นปลอมได้อย่างไร”
นิวราผุดสายตาดูถูกออกมา แล้วเปล่งเสียงขึ้น “โง่! เธอรู้ได้อย่างไรว่าคนในสุสานนั้นเป็นเขาไม่ใช่คนอื่น”
ทันทีที่เธอกล่าวจบ เธอก็ตระหนักได้ถึงความใจร้อนของตัวเอง ที่โพล่งออกมาทุกอย่าง
แต่ว่าเวลานี้ สายไปเสียแล้ว ญาธิดาได้ยินหมดแล้ว
ญาธิดานัยน์ตาหม่นลง ใต้ดวงตาซับซ้อนขึ้น
ตอนที่เจอคุณย่าที่สุสาน เธอบอกกับตัวเองว่าได้นำตัวอย่างดีเอ็นเอของศพไปตรวจแล้ว จากนั้นผลปรากฏว่าไม่ใช่ของภวินท์
ตามหลักแล้ว เรื่องแบบนี้คุณย่าต้องไม่แพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นจะก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างแน่ๆ ถ้ามีคนรู้ อีกทั้งเมื่อถูกเปิดเผยออกไป คำโกหกของภูผาก็จะแพ้ภัยตัวเอง
เห็นทิศทางคำวิจารณ์ของผู้คนในตอนนี้ ทุกคนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่นิวรากลับรู้เรื่อง ช่างน่าแปลกจริงๆ
หากจะบอกว่านิวราก็ส่งคนไปเอาตัวอย่างศพไปทำการตรวจดีเอ็นเอ ความเป็นไปได้นี้ค่อนข้างน้อย นอกเสียจาก……
ญาธิดาประกายความเป็นไปได้ขึ้นในหัวสมอง
เธอเงยหน้ามองไปทางนิวรา แล้วกดเสียงต่ำ “เธอไปรู้เรื่องอะไรจากคุณย่ามาใช่ไหม”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของนิวราประกายความลนลาน สองวินาทีผ่านไป จึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เธอไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันรู้มาได้อย่างไร”
ญาธิดากล่าวทีละคำอย่างใจเย็น “คุณย่าไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับเธอ นอกเสียจากเธอส่งคนไปสอดแนมคุณย่า”