ดวงใจภวินท์ - บทที่ 531 ศัตรูของพวกเขา
ณ STN Group
ธีทัตจอดรถที่หน้าประตู เขาเปิดประตูก้าวเท้าลงจากรถ แต่งตัวด้วยชุดสูทสุดเนี้ยบ เดินตรงผ่านประตู ตรงเข้าไปแผนกต้อนรับและพูดว่า “ขอโทษนะครับ ผมชื่อธีทัต รบกวนแจ้งท่านประธานของพวกคุณด้วยครับว่าผมต้องการพบ”
พนักงานรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ดูจากลักษณะท่าทางของชายตรงหน้าดูไม่ใช่คนธรรมดา เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ ต่อสายเข้าห้องทำงานท่านประธานทันที
ไม่นานเลขาฯก็รับโทรศัพท์ เมื่อได้ยินว่ามีคนมาขอพบคุณภูผา จึงตอบว่า “ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้คุณภูผาติดประชุมอยู่ รบกวนนัดมาก่อนล่วงหน้าและกลับมาใหม่อีกครั้งนะคะ”
ธีทัตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดทุกคำของเลขา ฯ ผ่านทางโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จนพนักงานต้อนรับที่เห็นถึงกับลำบากใจ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เอาโทรศัพท์มาให้ผม ผมจะคุยเอง”
พนักงานต้อนรับลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงยอมให้โทรศัพท์ไป ธีทัตยกหูโทรศัพท์ขึ้นพูดกับปลายสายว่า “ผมชื่อธีทัต มาจากบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ วันนี้มาพบคุณภูผาก็เพราะมีเรื่องเร่งด่วน ผมไม่มีเวลามานัดก่อนล่วงหน้า ได้โปรดแจ้งคุณภูผาให้รับทราบด้วย ผมจะรออยู่ที่นี่เพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น หากผมยังไปพบคุณภูผาไม่ได้ ผมจะออกไปจากที่นี่ทันที หรือถ้าคุณช้าจนไม่ได้แจ้งให้เขาทราบ คุณก็รับผิดชอบเรื่องนี้เอาเองแล้วกัน”
เมื่อได้ยินดังนี้ ปลายสายก็รู้สึกสับสน นิ่งเงียบไปพักหนึ่งและตอบกลับมาว่า “โปรดรอสักครู่ค่ะ ดิฉันกำลังแจ้งเรื่องนี้ให้คุณภูผาทราบ”
พูดจบ สายก็ตัดไป
ธีทัตยืนขมวดคิ้วอยู่ข้าง ๆ หางตาของเขากระตุกเล็กน้อย ถ้าหากว่าคุณภูผาทราบว่าเป็นเขามาขอพบล่ะก็ ยังไงเขาก็ต้องตอบตกลงแน่นอน
รอไม่ถึงสองนาที โทรศัพท์ที่แผนกต้องรับก็ดังขึ้น พนักงานต้อนรับรับสาย จากนั้นวางลงและพูดว่า “คุณธีทัตคะ คุณภูผารับทราบแล้ว ขอเชิญขึ้นไปด้านบนได้เลยค่ะ”
ไม่นาน เขาก็ขึ้นมาถึงชั้นห้องทำงานของประธานบริษัท ลิฟต์เปิดออกทำให้เขาเห็นเลขา ฯ ยืนรออยู่ด้านนอก จากนั้นก็พาเขาเดินไปยังห้องทำงานของคุณภูผา
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้น เขายกมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นหมอกที่ส่งข้อความถึงเขาพร้อมกับแนบรูปภาพบางอย่างมาด้วย “คุณญาธิดาและคนอื่น ๆ ไม่ได้ไปที่วัดเขาราม แต่ขึ้นขึ้นไปบนเขาราม”
“คนของเราตามเธอขึ้นไป และพบว่าพวกเธอได้เข้าไปในสถานปฏิบัติธรรมที่เขาราม”
“ทีแรกผมคิดว่าที่นั่นจะเป็นสถานที่ร้าง แต่กลับมีคนอาศัยอยู่ ผมว่าสถานปฏิบัติธรรมนี้มันน่าสงสัยนะครับ”
ข้อความพวกนี้ถูกส่งมาในเวลาที่ต่างกัน เมื่อครู่เขายุ่งอยู่กับการเดินทางจนไม่ทันได้สังเกตเลย
เขาเปิดรูปภาพดู ทำให้เห็นรูปภาพที่หมอกถ่ายได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ที่ญาธิดาลงจากรถกำลังเตรียมตัวขึ้นไปบนเขา จนกระทั่งเมื่อเธอเดินเข้าไปในสถานปฏิบัติธรรม…
ธีทัตเลิกคิ้วขึ้น เรื่องพวกนี้มันไม่น่าจะเป็นไปได้
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าที่ญาธิดาไปวัดเขารามก็เพื่อไปหาเบาะแสของภวินท์ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอกลับขึ้นไปบนสถานปฏิบัติธรรมแทน นั่นก็หมายความว่าภวินท์ก็อาจจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น!
ธีทัตหัวใจเต้นแรง รีบสาวเท้าก้าวตามเลขา ฯ เข้าไปในออฟฟิศทันที
เลขา ฯ เปิดประตู ธีทัตรีบเดินเข้าไป เห็นภูผากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานดูกองเอกสารที่สูงเป็นตั้ง ๆ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ภูผาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้ม บอกเลขา ฯ ให้เตรียมน้ำให้เขา
แต่ธีทัตปฏิเสษด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เป็นไร ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับคุณเท่านั้น พูดเสร็จผมก็ไปแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภูผาก็หุบยิ้ม เขาโบกมือออกไปทางเลขา ฯ
เลขา ฯ เดินออกจากห้องและปิดประตู
ตอนนี้ ทั้งห้องเพียงแค่พวกเขาสองคน คนหนึ่งยืน คนหนึ่งนั่ง เกิดรัศมีที่มองไม่เห็นแผ่ขยายกระทบเข้าหากัน
ธีทัตเริ่มต้นทำลายความเงียบ ถามคำถามกับภูผา “ภวินท์ตายไปแล้วจริง ๆ เหรอ?”
ภูผาขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ถึง เขาเงียบไปสักพักและพูดขึ้น “คุณธีทัตมาหาผมถึงที่นี่เพียงเพราะจะถามเรื่องแค่นี้เองหรอกเหรอ?”
ธีทัตส่ายหน้า และพูดขึ้น “ผมเดาว่าเขายังไม่ตาย”
ประโยคนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่า นัยน์ตาของภูผาเบิกโพลง เขาแสร้งทำเป็นนิ่งและตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนก็คุณธิดา วันนี้ยังเป็นคุณธีทัตอีก คุณสองคนสามีภรรยาดูเหมือนจะสนใจเรื่องความเป็นความตายของพี่ชายผมนักนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของธีทัตก็เปลี่ยนไป เขานิ่งเงียบไปสักพัก สูดหายใจเข้าลึก ๆ จนสีหน้าค่อย ๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเดิม “ผมไม่ได้มาถึงนี่เพื่อมาต่อปากต่อคำกับคุณ วันนี้หลังจากที่ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ผมเห็นธิดากับคนจำนวนหนึ่งไปยังเขาราม และได้เข้าไปยังสถานปฏิบัติธรรมด้านใน ลองบอกหน่อย ถ้าคุณเป็นผม คุณจะคิดยังไง?”
ทันทีที่พูดจบ ดวงตาของภูผาก็ฉายแววความโหดเหี้ยมและประหลาดใจ ก่อนจะหายแวบไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่ธีทัตด้วยแววตาจริงจัง และจึงพูด “สรุปแล้วคุณต้องการพูดอะไรกันแน่?”
ธีทัตพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เราสองคนคงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรกันอีก ที่ผมมาบอกคุณเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผม แต่หลังจากนี้ไป คุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับผม”
ภูผาหัวเราะออกมา และพูดแนะนำไปว่า “คุณธีทัต ทำไมคุณกับผมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ?”
ธีทัตไม่ตอบพลางขมวดคิ้ว
ภูผายืนขึ้น ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย “อย่าลืมสิ ยังไงพวกเราก็มีศัตรูคนเดียวกัน”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศัตรูของพวกเราทั้งคู่ก็คือภวินท์ โดยสำหรับภูผานั้น เป็นเพราะเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงอำนาจและทรัพย์สมบัติในตอนนี้ แต่สำหรับธีทัตนั้นเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัว
ใครจะยอมรับที่ภรรยาของตนแอบไปพบกับชายอื่นอย่างลับ ๆ ได้
แต่ธีทัตได้แต่กัดปากแน่น เหมือนไม่ยอมร่วมมือด้วย
ภูผาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ เขาเพียงยิ้มและพูดว่า “ผมไม่ได้ต้องการให้คุณธีทัตทำอะไรหรอก ผมขอบคุณมากที่คุณมาบอกผมเรื่องนี้ วางใจเถอะ แล้วผมจะให้คำตอบที่คุณพึงพอใจ”
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ถ้ายังมีเรื่องที่ต้องการความร่วมมืออีก ขอให้คุณธีทัตมาหาผมด้วยครับ”
ธีทัตเริ่มจะหมดความอดทน จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้น “ผมหวังว่ามันจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก อีกอย่างนึง เรื่องที่ผมนำมาบอกคุณวันนี้ มันอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ยังไงคุณเองก็ลองตรวจสอบดูแล้วกัน แล้วก็ถ้าหากเริ่มลงมือเมื่อไหร่ ห้ามทำอะไรกับธิดาเป็นอันขาด”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น ญาธิดาคือฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่ เขาไม่อยากเห็นเธอได้รับอันตราย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก
ภูผาหัวเราะ“คุณธีทัต เรื่องนี้ผมเข้าใจดีอยู่แล้ว”
ธีทัตค่อย ๆ นั่งลงพยายามมองจ้องไปที่เขา จากนั้นไม่พูดอะไรลุกเดินออกไปทันที ระหว่างที่ลิฟต์กำลังลงไปชั้นล่าง ในหัวของเขาได้แต่คิดทบทวน ว่าสิ่งที่เขาทำวันนี้ถูกต้องแล้วหรือยัง?