ดวงใจภวินท์ - บทที่ 548 หนี้ที่เธอก่อไว้ เธอสมควรจะชดใช้
บทที่ 548 หนี้ที่เธอก่อไว้ เธอสมควรจะชดใช้
บนใบหน้าของเกล้าแก้วมีบาดแผลอยู่หลายจุด ดวงตาของเธอปูดบวม มุมปากยังคงมีเลือดไหลออกมา ดูเหมือนจะเป็นอย่างคำรายงานของลูกน้องเมื่อกี้ที่บอกว่าเธอพยายามกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ตอนนี้ในปากของเธอมีม้วนผ้ายัดเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอกัดตัวเองอีก
เมื่อญาธิดาได้สติ เธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ ๆ เธอ จากนั้นยื่นมือออกไปดึงม้วนผ้าที่ยัดอยู่ในปากของเธอออกมา
เกล้าแก้วสำลักออกมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าน้ำตาก็ไหลออกมาพร้อมกับอาการไอออกเธอด้วย ดวงตาของเธอแดงก่ำจับจ้องไปที่ญาธิดา แต่กลับไม่มีความเป็นมิตรและความดีใจเหมือนอย่างเมื่อก่อนเลย แถมยังแสดงท่าทางเหมือนเป็นศัตรูกันออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ญาธิดาใจชาวาบ พลางเอ่ยถามอีกครั้งว่า “แก้ว ทำไมถึงเป็นเธอ?”
เธอจะเป็นคนใกล้ชิดของภูผาไปได้ยังไง? และเธอจะเป็นผู้หญิงของภูผาได้ยังไง? ในสายตาของเธอ ภูผากับเกล้าแก้ว พวกเขาทั้งสองคนดูไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรได้เลย!
อีกอย่างเมื่อไม่นานมานี้ เกล้าแก้วยังช่วยเหลือเธอด้วย! หรือว่าเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์และภูผาอย่างนั้นเหรอ?
เกล้าแก้วแค่นหัวเราะออกมา แววตาของเธอกำลังมองมาด้วยสายตาดูถูก “ญาธิดา จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
ญาธิดาชะงักนิ่งอยู่กับที่ เธอพูดอะไรไม่ออก
เกล้าแก้วหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม “โง่จริง ๆ เลย!”
ญาธิดามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างรับไม่ได้ เพื่อนสนิทที่ไม่นานมานี้ยังพูดคุยหัวเราะกับเธออย่างสนิทสนม ตอนนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าเย็นชาต่อกันไปแล้ว แถมยังมีสถานะตัวตนที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย ซึ่งมันทำให้เอแปลกใจมากจริง ๆ
ทันใดนั้นภาพบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ แล้วเหมือนเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาซึ่งมันทำให้เธอต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่เธอโทรศัพท์หาตอนนั้นเหมือนเกล้าแก้วจะอยู่ข้าง ๆ เธอด้วย ต่อมาภายหลังเธอก็รู้เรื่องจากคุณย่าว่ามีคนใช้โทรศัพท์ของเธอโทรไปหาภวินท์ ถึงได้หลอกภวินท์ไปที่วัดเขาราม
พอคิดแบบนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะสามารถเชื่อมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์พอดี
ตอนที่โทรศัพท์คงจะเป็นฝีมือของเกล้าแก้ว หลังจากนั้นพอโทรศัพท์ตกไปอยู่ในมือของภูผา เขาก็เลยวางแผนหลอกภวินท์ไปที่นั่น ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราหลอกใช้เธอเป็นตัวล่อให้ภวินท์มาตกหลุมพรางพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว!
ทันทีที่เข้าใจเรื่องทุกอย่าง ญาธิดารู้สึกหน้าชาตัวชาจนขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว เธอกัดฟันแน่น มองไปทางเกล้าแก้วแล้วพูดว่า “ที่โทรศัพท์ฉันหายตอนนั้นเป็นเพราะเธอ?”
พอเกล้าแก้วได้ฟังเธอก็แค่นหัวเราะออกมา พลางเอ่ยถามอย่างหยามเหยียดว่า “เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้เหรอ?”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากปากของเธอ หัวใจของญาธิดากระตุกอย่างแรง เธอได้แต่กำหมัดไว้แน่น “เธอ…ทำไมเธอถึงทำแบบนี้!”
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้น ภวินท์คงจะไม่มีทางตกหลุมพรางจนเกือบเอาตัวไม่รอด และเรื่องที่เกิดในสถานปฏิบัติธรรมคงไม่มีวันเกิดขึ้น…
แววตาของเกล้าแก้วหม่นหมองลงเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเธอก็สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ ก่อนจะทิ้งประโยคแสนเย็นชาออกมาว่า “ฉันไม่เห็นแกเป็นเพื่อนมานานแล้ว”
“ฉะนั้น ความช่วยเหลือของเธอก่อนหน้านี้ ที่มาทำดีด้วย ทั้งหมดเป็นแค่การเสแสร้ง?”
ตอนที่เพชรเข้าโรงพยาบาลตอนนั้น หล่อนเป็นคนปลอบใจญาธิดาอยู่ตลอด แถมยังบอกข้อควรระวังในการย้ายโรงพยาบาลต่าง ๆ นานากับเธอ แถมภายหลังหล่อนยังตกลงที่จะช่วยญาธิดาส่งอัญมณีไปรักษาตัวที่ต่างประเทศด้วย ทั้งหมดที่เธอทำไปก่อนหน้านี้ มันเป็นแค่การเสแสร้งทั้งหมดเลยเหรอ?
เกล้าแก้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ที่ฉันต้องใกล้ชิดกับเธอก็เพราะฉันมีจุดประสงค์อื่นไง”
คำพูดเพียงประโยคเดียว แต่กลับเหมือนค้อนหนัก ๆ ทุบลงมาที่หัวใจของญาธิดา เธอไม่สามารถยอมรับมันได้ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนต้องถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว
เธอกัดฟันแน่น แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ “แก้ว ฉันปฏิบัติกับเธออย่างจริงใจเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง และฉันคิดว่าฉันไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับเธอเลย ทำไมเธอต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เกล้าแก้วก็เบิกตากว้างพร้อมกับความสับสนที่ซ่อนอยู่ในดวงตา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร และดูเหมือนเธอจะเริ่มไม่อยากมองสบตากับญาธิดาแล้ว เลยต้องเบือนหน้าออกไปทางอื่น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากหรอก”
เมื่อมองไปที่ผู้หญิงตรงนั้น ญาธิดารู้สึกเหมือนไม่สามารถยอมรับหล่อนได้แล้ว เธอกัดริมฝีปากพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “สิ่งที่เธอทำกับฉันคงไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ใช่ไหม? หรือจะบอกว่า สิ่งที่ภูผาสั่งให้เธอทำไม่ได้มีแค่นี้หรอกใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำว่า “ภูผา” สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนพอถึงตอนนี้หล่อนกลับหลับตาและไม่ยอมพูดอะไร แต่พูดแค่เพียงว่า “ฉันไม่มีอะไรจะบอกเธอ”
เมื่อยิ่งมองอดีตเพื่อนสนิทที่วันนี้ต้องกลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น ญาธิดาก็ยิ่งปวดใจ เธอกัดฟันแน่น และจู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงยกมือปาดน้ำตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของภวินท์แล้ว เขาคงไม่มีทางปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่ เธอเคยคิดบ้างไหมว่าในอนาคตเธอจะทำยังไง?”
พอได้ยินแบบนั้น เกล้าแก้วก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้างแล้วเล็กน้อย เธอหลับตา ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วกวาดสายตามองญาธิดาอย่างเย้ยหยัน “ทำไม? แกคิดจะขอร้องแทนฉันหรือไง?”
น้ำเสียงของญาธิดาเย็นชาขึ้นทันที “เธอทำผิดต่อฉันตั้งมากมายหลายเรื่อง ทำไมฉันจะต้องไปขอร้องเขาเพื่อเธอด้วย?”
เกล้าแก้วหัวเราะ “แล้วเธอจะมาพูดมาแบบนี้ไปเพื่ออะไร? ฉันจะเป็นจะตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกซะหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของญาธิดาก็เย็นยะเยือกลงทันที เธอจ้องมองผู้หญิงที่กำลังถูกมัดตัวตรงหน้า มือที่อยู่ข้างลำตัวค่อย ๆ กำเข้าหากันแน่น สุดท้าย เธอก็ได้แต่กัดฟันแล้วตัดใจเดินออกไปจากห้องมืด
ที่แท้ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีแค่เธอที่คิดไปเองคนเดียว เพื่อนที่สนิทกันมานานหลายปี เพื่อนสาวที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องโกหก! บางทีเธออาจจะเป็นของภูผามาตั้งแต่ก่อนห้าปีที่แล้วด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะคิดแบบนี้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับติดค้างอยู่ในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ญาธิดาเพิ่งจะเดินออกมาได้สองก้าว ประตูห้องด้านข้างก็ถูกเปิดออก ภวินท์เข็นรถเข็นออกมาจากด้านใน
เธอเหลือบตาขึ้นมองเขาและสบสายตากันโดยบังเอิญ เมื่อกี้เธอเพิ่งจะร้องไห้มา เขาจึงมองเห็นดวงตาที่ยังบวมแดงอยู่ของเธอได้อย่างชัดเจน
ภวินท์ชะงักนิ่งไป ก่อนจะถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “คุยเสร็จแล้ว?”
“อืม”
พูดจบเธอก็เดินออกไปโดยไม่หยุดชะงักเลยสักนิด
ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาจะจัดการกับเกล้าแก้วยังไง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว
หลังจากออกมาจากห้องใต้ดินได้ไม่นาน เสียงของภวินท์ก็ดังขึ้นจากด้านหลังว่า “ต่อไป ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับหล่อนเธอก็จะไม่ขัดขวางแล้วใช่ไหม?”
ญาธิดารู้ดีว่า “หล่อน” ที่เขาพูดถึงคือเกล้าแก้ว เธอสูดจมูกหายใจเข้าแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันกับหล่อนไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว สิ่งที่หล่อนทำกับพวกเราไว้มันคือหนี้ที่หล่อนติดค้างเรา ฉะนั้นหล่อนสมควรจะต้องชดใช้”
หลังจากพูดจบ เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงของชายคนนั้นดังมาจากด้านหลังอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็โอเค ไว้รอให้ถึงวันที่ฉันกับภูผาจะแลกเปลี่ยนกัน เธอก็ไปด้วยกันกับฉันด้วย”
ญาธิดาลังเลอยู่สักพัก เธอไม่ได้หันกลับไปมอง เอาแต่รีบเดินจากไปโดยไม่หันมามองอีกเลย
หลุยส์ก็ออกมาจากห้องใต้ดินแล้วเหมือนกัน เขาเหลือบมองแผ่นหลังของญาธิดาที่เดินจากไป แล้วมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ภวินท์ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “จู่ ๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้วว่ะ”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ทำไม?”
หลุยส์ยิ้มแล้วพูดว่า “ดูโง่ ๆ ดี ขนาดถูกเพื่อรอบตัวหลอกมาตั้งนาน แต่เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้”
พอภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็ตวัดสายตามองเขาทันที แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น จากนี้ต่อไปแกก็เลิกคิดหาวิธีวางอุบายเธอได้แล้ว”
พูดจบเขาก็เข็นรถเข็นจากไป เหลือเพียงหลุยส์ทิ้งไว้ที่เดิมคนเดียว
หลุยส์มองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินตามกันไปติด ๆ เขายกมือขึ้นเกาศีรษะพลางพึมพำกับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ที่พูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่วะ!”
เมื่อกี้กำลังพูดถึงเรื่องเกล้าแก้วอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมฟังจากที่ภวินท์พูดมันถึงได้เหมือนกำลังเตือนเขาอยู่ยังไงอย่างนั้นล่ะ?