ดวงใจภวินท์ - บทที่ 552 เซ็นหนังสือโอนหุ้น
“เกล้าแก้ว!”
ภูผาใบหน้าซีดขาวราวกับไม่มีเลือดอยู่บนใบหน้าเลย เขากัดฟันแน่นและพร่ำเรียกชื่อเธอออกมา ฝีเท้าของเขาก้าวยาวและเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง ญาธิดาตัวสั่นเทาเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
ตอนนี้เสียงโกลาหลวุ่นวายดังขึ้นจากทางฝั่งแนวโขดหิน ทุกคนทางฝั่งนี้ก็ตกตะลึงและส่งเสียงร้องตกใจออกมาตาม ๆ กัน ญาธิดาจึงหันไปมองทางด้านนั้น
ผู้คนที่อยู่ทางด้านนั้นวุ่นวายมาก เธอได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เธอเห็นร่างของใครคนหนึ่งแนบชิดอยู่กับแนวโขดหิน คล้ายกับกำลังนอนหมอบอยู่บนแนวโขดหิน อีกด้านหนึ่งก็มีร่างเพรียวบางของคนอีกคนกำลังแกว่งไปมาอยู่ตรงขอบแนวโขดหิน
ญาธิดาตกใจมาก จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคนทางฝั่งนี้พูดเสียงเบาขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตกลงไป! เธอถูกพี่เข้มดึงไว้ได้!”
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้หญิงที่ห้อยตัวอยู่ริมโขดหินคนนั้นก็คือเกล้าแก้ว! ตอนนี้พวกลูกน้องพากันเข้าไปดึงพี่เข้มไว้ เพราะกลัวว่าพี่เข้มจะถูกลากลงไปด้วย ด้านล่างโขดหินมีคลื่นเชี่ยวกรากที่กำลังโบกซัดเข้ากับกำแพงหิน คลื่นลมพัดอย่างรุนแรง
ตอนนี้ คนของภูผาก็เริ่มเคลื่อนตัวไปใกล้ทางฝั่งนั้นแล้วเหมือนกัน และเขาก็เห็นแล้วว่าคนที่ห้อยอยู่ตรงขอบโขดหินนั้นคือเกล้าแก้ว
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น เมื่อรู้สึกได้ว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป เขาจึงสั่งพายุทันที
ไม่รุ้ว่าภวินท์พูดอะไรกับเขา แต่พายุสีหน้าเคร่งขรึมมาก จากนั้นเขาก็รีบเดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็วทันที ญาธิดาเริ่มตึงเครียดขึ้นมา เธอรีบหันไปมองภวินท์ “คุณคิดจะทำอะไร?”
ตอนนี้เกล้าแก้วก็เหมือนกับหมากตัวหนึ่งในมือของภวินท์ เป็นหมากที่เอาไว้กดขี่ภูผา เหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทำให้ทุกคนตกใจมาก แต่อีกทางหนึ่งมันก็ทำให้ภูผาเปิดความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเขาออกมา
ที่เขาพูดว่าเขาไม่สนใจและเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทุกอย่างล้วนเป็นคำโกหก นับตั้งแต่วินาทีที่เกล้าแก้วกระโดดลงไปจากโขดหิน ปฏิกิริยาที่ภูผาแสดงออกมามันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาแพ้แล้ว
ถ้าเกล้าแก้วกระโดดลงไปจริง ๆ เรื่องราวมันอาจจะพอพลิกผันได้ แต่ตอนนี้เธอยังไม่ตายและยังอยู่ในมือของลูกน้องของภวินท์ ตราบใดที่เกล้าแก้วยังอยู่ ภวินท์จะต้องบังคับให้ภูผาก้มหัวและปล่อยอำนาจทุกอย่างไปแน่นอน
ภวินท์ขมวดคิ้วไม่พูดอะไร สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่เธอ ผ่านไปพักหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ญาธิดา อย่าใจอ่อนเด็ดขาด”
เมื่อก่อนภูผาวางแผนลงมือกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่เคยใจอ่อนเลย ภูผาวางกับดักตีขาของเขาจนเสียไปทั้งสองข้างก็ไม่มีใจอ่อน ตอนภูผาฆ่าเจ้าอาวาสก็ไม่มีใจอ่อน ตอนนี้มาถึงคราวของเขาแล้ว เขาจะไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด
ญาธิดารู้สึกตึงเครียด เธอมองท่าทางแน่วแน่ของภวินท์ก็รู้ทันทีว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ ดังนั้นเธอจึงเดินตามพายุไปที่แนวโขดหินด้วย
แม้ว่าเกล้าแก้วจะทำเรื่องน่าละอายมากมายกับเธอ แต่ตอนนี้ เธอไม่อยากเห็นโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเธอแบบนี้
เธอรีบเดินตามพายุไป แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้ก้าวขึ้นแนวโขดหินเธอก็ถูกคนสองสามคนเข้ามาล้อมเอาไว้ซะแล้ว และพอเห็นว่าเป็นคนของภวินท์เธอก็ได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “พวกนายจะทำอะไร?”
“คุณญาธิดา ขอโทษด้วยครับ”
คนสองสามคนที่เข้ามาล้อมเธอไว้กางมือออกมาขวางเธอไว้ไม่ให้เธอเดินไปข้างหน้าต่อ ญาธิดาหันกลับไปมองก็เห็นสายตาของภวินท์ที่กำลังมองเธอมาแต่ไกลด้วยสายตานิ่ง ๆ
ญาธิดาโมโหขึ้นมาทันที “พวกนายคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ก้มศีรษะให้เล็กน้อย “คุณภวินท์สั่งให้พวกเราดูแลความปลอดภัยของคุณ ถ้าคุณขึ้นไปบนแนวโขดหิน ตรงนั้นเต็มไปด้วยคนของภูผา สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็กระจ่างในทันที
ที่แท้ภวินท์ก็หมายความแบบนี้นี่เอง เขากลัวว่าเธอจะถูกคนของภูผาจับเป็นตัวประกัน และกลายเป็นจุดอ่อนของเขา เหมือนกับเกล้าแก้วในตอนนี้
ญาธิดาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เธอเงยหน้ามองไปทางแนวโขดหิน ทางด้านนั้น ภูผาพาลูกน้องของเขาทั้งหมดไปยืนเรียงเป็นแนวอยู่ปลายโขดหิน ใกล้กับริมโขดหินตอนนี้พี่เข้มดึงเกล้าแก้วขึ้นมาแล้ว ลูกน้องอีกสองคนมายืนต่อจากเขาเป็นแถวเพื่อเผชิญหน้ากับภูผาอย่างเงียบ ๆ
ถ้ามองจากจำนวนคน วินาทีนี้พวกพี่เข้มไม่ใช่คู่ต่อสู้ของภูผาอย่างแน่นอน แต่เพราะไพ่ใบเอกอยู่ในมือของพวกเขา ภูผาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ตอนนี้พายุเดินขึ้นไปบนแนวโขดหินแล้ว เขาสาวก้าวยาวเดินเข้าไปหาเกล้าแก้ว หลังจากยืนยันแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไร เขาจึงเหลือบมองไปทางภูผาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายรอง ถ้าอยากได้ตัวเธอไปก็ต้องเซ็นชื่อในหนังสือโอนหุ้นฉบับนี้ก่อนนะครับ”
ขณะที่พูดเขาก็หยิบแฟ้มที่หนีบไว้ใต้วงแขนออกมายื่นให้ภูผา
ภูผาสีหน้าหม่นหมอง สีหน้าที่แสดงออกมาดูตึงเครียด เขากำหมัดแน่น สายตาจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยอาการตกใจมากจนเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ เบือนสายตาหลบหันไปมองหนังสือโอนหุ้นฉบับนั้น
เขาขยับริมฝีปากพูดว่า “ถ้าฉันไม่เซ็นล่ะ?”
พายุตอบกลับอย่างเนือย ๆ “ผลที่จะตามมาคุณคงพอเดาได้”
ขณะที่เขาพูด ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ก็กดไหล่เกล้าแก้วลงทันที เพียงแค่พวกเขาออกแรงผลักเพียงเล็กน้อย เธอก็จะถูกผลักลงไปจากแนวโขดหินและถูกคลื่นซัดกลืนลงไปในทะเล
เกล้าแก้วในตอนนี้เหมือนกับร่างไร้วิญญาณ สิ่งที่เธอประสบพบเจอมาเมื่อครู่นี้ เหมือนกับก้าวเข้าไปสู่ประตูนรกแล้วครึ่งก้าว หลังจากผ่านความเป็นความตายมา เธอจึงตกใจมากและยังไม่ได้สติ ตอนนี้เธอเหมือนใบไม้ร่วงที่แกว่งไกวไปมา เพียงแค่ผลักเบา ๆ ก็จะหายสาบสูญไปในทันที
หัวใจของภูผาพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ แม้ว่าเขาจะกำหมัดแน่นเพื่อพยายามระงับความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง แต่ใบหน้าซีดขาวของเขามันได้แสดงความกระวนกระวายใจของเขาออกมาหมดแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ ผู้หญิงก็ไม่มีคุณค่าอะไรแล้ว แต่เหตุการณ์น่าตกใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ มันได้ทดสอบความจริงใจของเขาแล้วจริง ๆ
ตอนนี้เขาเกลียด เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่ควร ไม่ควรที่จะมีใจให้เธอ
ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายดำเนินต่อไปอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปหนึ่งนาที สองนาที สามนาที…
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดมน ห่างออกไปไม่ไกลเมฆดำหนาทึบเริ่มเคลื่อนตัวลง เพียงไม่นาน ทั่วบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันน่าหดหู่
ภวินท์นั่งอยู่บนรถเข็น เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
แววตาของเขาก็มืดมนลงไปด้วยเช่นกัน
ฤดูกาลนี้ในทุก ๆ ปี จะมีฟ้าร้องฝนตกหนัก ถ้าอากาศไม่ดีมาก ๆ ก็อาจจะมีพายุไต้ฝุ่นหรือพายุทะเล บางทีตอนนี้พายุกำลังจะมาแล้ว
สายตาของภวินท์เพ่งมองไปทางโขดหินอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทางด้านนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรสักทีเขาจึงเริ่มหมดความอดทน เขาขมวดคิ้วแน่น เคาะหูฟังแล้วพูดอะไรบางอย่างกับพายุ
พายุรับคำสั่ง เขาก้มมองนาฬิกาแล้วเงยหน้าขึ้นมองภูผาอีกครั้ง “คุณชายรอง ถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้วครับ”
ภูผากำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าภายในใจของเขาต้องทุกข์ทรมานมากขนาดไหน เขาใช้เวลากว่าหลายปีในการวางแผนสร้างเกมนี้ขึ้นมา ไม่ง่ายกว่าจะสามารถกลืนกินSTN Group ทั้งหมดได้ แล้วตอนนี้จะให้เขาคายมันออกมา เขาไม่อยากยอมแพ้
แต่ผู้หญิงคนนั้น…
เขามองไปที่เกล้าแก้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกระแสจิตที่สื่อสารกันหรือเพราะอะไร แต่เกล้าแก้วก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกัน ภายใต้เส้นผมสีดำยุ่งเหยิง ดวงตาที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวัง ความสูญเสียและความโศกเศร้าคู่นั้นเหมือนจะมองทะลุเข้าไปในหัวใจของเขา
ดวงตาของเธอซึ่งเคยสว่างไสวเหมือนดวงไฟในตะเกียง ตอนนี้กลับริบหรี่ ไร้ชีวิตชีวา
ภูผาเจ็บปวดหัวใจ ในที่สุดเขาก็สงบลงและค่อย ๆ ยกมือขึ้น
เมื่อพายุเห็นดังนั้นก็รีบยื่นหนังสือโอนหุ้นในมือส่งให้เขาทันที ภูผาหยิบปากกาและเซ็นชื่อของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบือนสายตาออกไป คล้ายกับไม่อยากจะมองมันอีก
หลังจากยืนยันว่าถูกต้องแล้ว พายุก็หันไปมองภวินท์แล้วพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณให้พี่เข้มปล่อยตัวเธอ
เรื่องราววุ่นวายจึงค่อย ๆ จบลง