ดวงใจภวินท์ - บทที่ 557 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
บทที่ 557 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ขณะที่กำลังพูด เขาก็เหลือบไปมองพายุที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาเย็นชามาก
พายุเข้าใจในทันที เขาก้าวเข้าไปคว้าข้อมือของนิวราและควบคุมข้อมือของเธอจากด้านหลัง เขาจับมือของเธอก่อนจะลากมีดปอกผลไม้วาดผ่านแก้มของเธอ
นิวราไม่ทันรู้ตัว เธอรู้สึกปวดแสบที่แก้มของตัวเองขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก หน้าซีดขาวไปด้วยความกลัว และพยายามเบี่ยงใบหน้าออกไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง
“อย่า…อ๊าย! อย่า!”
นิวราดิ้นอย่างแรงจนหลุดจากพายุ และรีบวิ่งออกไปด้านข้างด้วยความตื่นตระหนก แต่เท้ากลับลื่นและล้มลงไปกับพื้นเสียก่อน
หลังจากนั้นเธอก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดแก้มของตัวเองอย่างรวดเร็ว พลางส่ายหน้าไปมาด้วยความหวาดกลัว “อย่าแตะต้องหน้าฉันนะ! อย่า!”
เธอเอามือที่ปิดแก้มออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นเลือดบนฝ่ามือ ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและใช้หน้าจอโทรศัพท์เป็นกระจกสะท้อนมองดูใบหน้าของตัวเอง เมื่อเห็นว่าบนแก้มขวาของเธอมีรอยข่วนเล็กน้อยจากคมมีดผลไม้ แผลเล็กมากและไม่ลึก มีเลือดออกเพียงเล็กน้อย
เธอสูดหายใจเข้า ก่อนที่ความโกรธจะปะทุออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมองไปทางพายุอย่างโกรธเคือง พลางกัดฟันพูดว่า “แกบ้าไปแล้วหรือไง! กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้!”
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกกำลังแผ่ซ่านเข้ามาจากข้างกายของเธอ เธอหันไปมองโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพบกับใบหน้าเยือกเย็นของภวินท์
ความโกรธกำลังปะทุอยู่ในดวงตาเขา ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความรังเกียจและรำคาญใจ นิวราตกใจและรีบระงับอารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าของตัวเองเอาไว้ทันที
ทันใดนั้นเสียงของภวินท์ก็ดังขึ้น “เธออยากตายไม่ใช่เหรอไง? อยากจะควักหัวใจออกมาพิสูจน์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมกับอีแค่แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ก็ทนไม่ได้ซะแล้วล่ะ?”
ภวินท์ไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด เขามองทะลุทะลวงใบหน้าจอมปลอมของเธอจนหมดแล้ว จู่ ๆ ใบหน้าของนิวราก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมันดูน่าเกลียดน่ากลัวมาก
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ว่าตอนนี้เธอจะพยายามแก้ตัวหรืออธิบายยังไง ภวินท์ก็คงไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว
เธอกัดฟันแน่นไม่พูดไม่จา และยันตัวลุกขึ้นยืน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเธอเอง เธอจึงพูดออกมาว่า “พี่วิน ถ้าพี่ไม่เชื่อนิวก็ตามใจ นิวยังคงยืนยันในสิ่งที่นิวพูดไปเมื่อกี้ และค่ารักษาพยาบาลของญาธิดานิวจะจ่ายเอง”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินตรงออกไปด้านนอกโดยไม่รอให้ภวินท์พูดอะไรอย่างอื่นอีก
ภวินท์กัดฟันแน่น ความโกรธปะทุอยู่ในใจของเขาและมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
เพียงไม่นานเสียงไซเรนของรถพยาบาลก็ดังมาจากด้านนอก ตามด้วยพยาบาลสองสามคนลงมาจากรถและถามอาการและสถานการณ์เบื้องต้น หลังจากตรวจดูอาการบาดเจ็บของญาธิดาแล้ว พวกเขาก็พาญาธิดาไปขึ้นรถพยาบาลและตรงไปที่โรงพยาบาลส่วนกลางทันที
ภวินท์ให้พายุขับรถตามไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงกลับถูกหมอห้ามให้รออยู่ด้านนอก คุณย่าก็ตามมาด้วยเหมือน เธอเดินไปเดินมาด้วยความกังวลและบ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ภวินท์มองคุณย่าที่ยังกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจไม่หยุด เห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา “คุณย่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เธอจะไม่เป็นอะไร”
พูดจบเขาก็ยื่นมือออกไปและจับมือของคุณย่าเอาไว้เบา ๆ
แต่คุณย่ากลับไม่ยอมรับ แถมยังสะบัดมือของเขาออกทันที แล้วพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “เรื่องในวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะแกมันก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก!ทำไมแกไม่ลองคิดดูบ้างว่าเสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ห้องหนึ่งห้องยากจะให้เมียสองคนอยู่ แกปล่อยให้พวกเธอสองคนอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ไม่มีเรื่องสิถึงแปลก!”
พอดิ้ยนแบบนั้น ภวินท์ก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้นิวราเข้ามา แต่เพราะเธอเอาแต่ร้องไห้งอแง พอเขานึกถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ ก็เลยทำให้เขาใจอ่อน แต่กลับกลายเป็นว่าการให้อภัยที่เขามีต่อนิวรากลับเป็นตัวให้ท้ายให้เอทำในสิ่งที่มันแย่ลง!
นิวราเหี้ยมโหมมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก จากเรื่องที่เธอเคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินข่าวลือมาก่อน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร แต่ต่อมาเธอกลับทำในสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า และการกระทำที่ชั่วร้ายต่อหน้าเขาในวันนี้เขาจะไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน!
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปทางคุณย่า ก่อนจะรับปากด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณย่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความผิดของผมจริง จากนี้ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้มีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
สีหน้าของคุณย่ายังดูไม่โอเคอยู่เหมือนเดิม เธอยังคงมองเขาอย่างเย็นชา โดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ก่อนที่คุณหมอท่านหนึ่งจะเดินออกมา
เมื่อคุณย่าเห็นแบบนั้นก็รีบลุกเดินเข้าไปหาเขาทันที “คุณหมด อาการของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมอส่ายหน้าไปมาและพูดอย่างลังเลว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก แผลไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่แผ่นหลังได้รับการรักษาแล้ว แต่สำหรับตัวผู้ป่วยนี่อาจจะเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาก”
คุณย่าขมวดคิ้วแน่น “หมาย…หมายความยังไง?”
คุณหมอส่ายหัวไปมาพลางถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้บาดเจ็บเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่มีผิวหนังบางและเนื้อนุ่ม แผ่นหลังเป็นแผลไหม้ใหญ่ขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย ไม่ต้องพูดถึงว่าในอนาคตจะมีแผลเป็นเหลือทิ้งไว้ไหม แค่ในช่วงรักษาอาการให้หายในช่วงพักฟื้นนี้ แผลก็อาจจะอักเสบและเป็นหนองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเจ็บปวดพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอทนได้เลย”
เมื่อได้ยินที่คุณหมอพูด สีหน้าของคุณย่ายิ่งไม่น่าดูมากขึ้นกว่าเดิม เธอนิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมา “แกว่ามาสิว่าจะทำยังไง…แบบนี้ต่อไปธิดาจะทำยังไง?”
เมื่อเห็นคุณย่าเป็นแบบนี้ ภายในใจของภวินท์ก็พลอยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางพยายามปลอบใจเธอว่า“คุณย่า รอให้เธอออกมาแล้วเราค่อยดูสถานการณ์กันต่อนะ”
เพียงไม่นานพยาบาลก็เข็นเตียงของญาธิดาออกมาจากห้องฉุกเฉิน เธอนอนหมอบอยู่บนเตียง พลิกแผ่นหลังขึ้นด้านบน เธอหลับตาและขมวดคิ้วแน่นดูเหมือนจะรู้สึกไม่สบายเอามาก ๆ
พอเห็นแบบนี้แล้วหัวใจของภวินท์กระตุกเต้นแรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พยาบาลพาญาธิดาไปส่งเข้าห้องพักผู้ป่วย โดยมีคุณย่าและภวินท์เดินตามเข้าไป
คุณย่ามองญาธิดาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ไหวติง ก็อดเอ่ยถามอย่างประหม่าขึ้นมาไม่ได้ “เธอ…เธอเป็นอะไรไป? สลบไปเหรอ?”
พยาบาลรีบก้าวเข้ามาและช่วยอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ตอนกำลังทำแผลเพราะความเจ็บปวดเกินระดับทำให้คนไข้เป็นลมสลบไป อีกไม่นานก็คงจะฟื้นค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของคุณย่าก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม เธอลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงและนั่งรอให้เธอฟื้น
ภวินท์ก็ไม่สบายใจเอามาก ๆ แต่พอเห็นคุณย่าเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งกังวล เขาขับรถเข็นขยับเข้าไปใกล้เตียงคนไข้ มองเธอพลางพูดปลอบใจคุณย่าเบา ๆ ว่า “คุณย่าครับ เอาแบบนี้ดีไหม คุณย่าไปพักก่อนเดี๋ยวผมจะเฝ้าเธอเอง ไว้ถ้าเธอฟื้นแล้วผมจะรีบบอกคุณย่าให้มาดูอาการเธอทันทีดีไหมครับ”
คุณย่าโบกมือไปมาไม่เห็นด้วย “ฉันวางใจได้ที่ไหนล่ะ? ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ต่อไปฉันจะมีหน้าไปเจอหน้าเจ้าตัวเล็กสะ…”
ทันใดนั้น เสียงของเธอก็หยุดชะงักอย่างกันทันหัน ก่อนจะรีบหันไปมองภวินท์ที่อยู่ข้าง ๆ และสุดท้ายก็กลืนอีกครึ่งประโยคที่เหลือกลับลงไป
ภวินท์สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามเบา ๆ ว่า “คุณย่า เมื่อกี้คุณย่าว่ายังไงนะครับ?”
คุณย่าส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไร ฉันไม่ได้พูดอะไร…”
สิ่งที่เธออยากจะพูดเมื่อกี้คือ เธอเคยไม่มีหน้าไปเจอเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนทั้งอีธานเอลล่าได้อีก ยังพูดไม่ทันจบเธอก็นึกถึงคำที่สัญญากับญาธิดาเอาไว้ขึ้นมาเสียก่อน
สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจออกมา และมองลึกเข้าไปในดวงตาของภวินท์แล้วยกมือขึ้นตบหลังมือของเขาและพูดเบา ๆ ว่า “วินเอ้ย สู้ ๆ นะ”