ดวงใจภวินท์ - บทที่ 565 ยังจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อนอะไร
บทที่ 565 ยังจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อนอะไร
เวลานี้ ภวินท์รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่ของตัวเองราวกับเป็นส่วนเกินของครอบครัวสี่คนนี้ แทรกซึมไม่ได้ และรู้สึกอึดอัดสุดขีด
ทางฝั่งเตียงผู้ป่วย เห็นเพียงกิริยาท่างทางการลูบศีรษะญาธิดาอย่างอ่อนโยนของธีทัต แล้วกล่าวเบาๆ “ผมได้ยินว่าคุณนอนโรงพยาบาล เดิมทีก็อยากจะมาทันที แต่คิดว่าคุณคงอยากจะเห็นลูกทั้งสองคนมากกว่า ดังนั้นจึงพาพวกเขามาพบคุณ เดิมทีจะมาถึงในช่วงบ่าย แต่ว่าผมต้องปรับอารมณ์กันครู่หนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายคนจากความโมโหร้าย ดังนั้นจึงพาพวกเขาไปทำเค้ก แล้วถึงได้รีบมา”
พลางพูด เขาพลางหันหน้าไปมองทางภวินท์ ใต้ดวงตามีความเย็นชาและห่างเหิน
ความหมายในคำพูดของเขาเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจพูดให้ภวินท์ฟัง
ไม่ว่าญาธิดาจะบาดเจ็บด้วยสาเหตุใด ล้วนเป็นการละเลยหน้าที่ของภวินท์ ตอนนั้นเขาพาคนออกไปโดยไม่สนใจใดๆ ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดทำให้ญาธิดาเก็บเขาไว้ข้างๆ กายเธอ และที่ญาธิดาต้องเข้าโรงพยาบาล ย่อมเป็นความเลินเล่อและการละเลยหน้าที่ของเขา
ทันทีที่ได้ยินญาธิดาเข้าโรงพยาบาลนั้น เขาก็กลั้นความใจร้อนที่อยากจะกระโจนต่อยหน้าภวินท์เอาไว้ และก็สงบสติอารมณ์ลง ในที่สุดก็คิดวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อฟาดหน้าภวินท์
มีอะไรที่จะเจ็บไปกว่าการแสดงความรักกับญาธิดาต่อหน้าเขาอีก
ฝั่งนั้น นัยน์ตาภวินท์เย็นชาลงเล็กน้อย สบตากลับกับเขา บรรยากาศในห้องฉับพลันก็เย็นยะเยือกขึ้น
ญาธิดาสูดลมเย็นๆ เข้าจมูก อดไม่ได้จึงยื่นมือออกมาดึงธีทัตเบาๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ “แล้วพวกท่าน……”
ธีทัตหันหน้ามา แล้วส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนพร้อมกล่าวเบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมกลัวว่าพวกท่านเป็นห่วง ผมจึงไม่ได้บอกพวกเขา”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ใจทั้งดวงถึงได้สงบลง เธอมองดูสองลูกน้อยที่อยู่ข้างๆ หัวใจที่เหมือนห้อยอยู่บนเส้นด้ายค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้น สบายใจขึ้นมาก
เดิมทีเธอยังรู้สึกว่าความเจ็บปวดจากแผ่นหลังยากที่จะทนได้ แต่ว่าเวลานี้ เห็นลูกน้อยสองคนห้อมล้อมอยู่ข้างๆ ตัวเอง เธอทั้งตื่นเต้นและดีใจ ข้างใจรู้สึกสงบสบายใจขึ้นไม่น้อย ความเครียดทั้งหมด เวลานี้ราวกับถูกโยนทิ้งไปหมด เหลือเพียงความหอมหวานและความสุขเท่านั้น
ธีทัตมองดูเธอยิ้มเบาๆ ใต้ดวงตาจึงเต็มไปด้วยความรัก แล้วกล่าวถามเบาๆ “ธิดา อยากจะลองเค้กที่พวกเราสามคนทำไหม”
“แม่ครับ นี่เป็นเค้กที่พวกเราสามคนทำมาให้คุณแม่ อร่อยมากๆ!”
“ใช่ครับ แม่รีบลองชิมดู!”
เด็กน้อยสดงคนต่างเชียร์อยู่ข้างๆ ญาธิดายิ้มจนตาหยี หัวใจเต็มไปด้วยความหวาน “ได้จ้ะ อย่างนั้นแม่จะลองชิมดู!”
ธีทัตรีบหยิบจานส้อมออกมา แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นยื่นมาที่ด้านหน้าของเธอ
ญาธิดาชิมหนึ่งคำ ทันใดนั้นคู่ดวงตาก็เบิกกว้าง “อร่อยมากเลยจ้ะ!”
เด็กน้อยสองคนมองดูปฏิกิริยาตอบสนองของเธอ ฉับพลันก็หัวเราะอย่างดีใจ
ภวินท์เห็นภาพครอบครัวสี่คนที่มีความสุขอยู่ตรงหน้า ในใจก็อดไม่ได้ที่จะบีบรัดขึ้น เขาขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ ขณะลังเลว่าจะจากไปดีหรือไม่ ใครจะไปรู้ จู่ๆ เอลล่ากลับยกเค้กที่หั่นเสร็จมาหนึ่งจาน ยื่นมาที่ด้านหน้าขอเขา
“คุณอาสุดหล่อ คุณอาก็ทานด้วยนะคะ”
เสียงจ้อแจ้ของเธอ แก้มที่กลมๆ แดงระเรื่อ นุ่มนิ่มจนทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธได้ ภวินท์ยกริมฝีปากขั้นยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้า
“ขอบใจจ้ะ แต่ว่าอาไม่ทานครับ”
เขาพลางกล่าวพลางเงยหน้าไปมองทางเตียงผู้ป่วย แล้วกล่าวเบาๆ “ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะ”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่ากล่าวกับญาธิดา เขากล่าวจบ จากนั้นก็เข็นรถเข็น เตรียมจะจากไป
ขณะที่เขามาจะมาถึงที่ประตู ธีทัตแววตาหม่นลง จู่ๆ ได้กล่าวขึ้น“คุณภวินท์ ผมไปส่งคุณ”
พลางพูดเขาพลางวางเค้กในมือลง แล้วหันไปยิ้มให้กับญาธิดา จานนั้นก็สาวเท้าก้าวเดินออกไปที่ประตู
พวกเขาสองคนหนึ่งคนอยู่หน้า อีกคนตามหลังเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ประตูปิดลง ภวินท์กล่าวอย่างเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะหันหลังมามอง “ไม่ต้องส่งหรอก”
ธีทัตกวาดมองคู่ขาของเขา สายตาเหลือบเห็นผ้าพันแผลที่แขน แววตาผุดความเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ด้วยสภาพของคุณตอนนี้ มีสิทธิ์อะไรที่รั้งญาธิดาไว้ข้างตัวคุณ”
เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา ภวินท์ชะงักขึ้น วินาทีต่อไป ภวินท์ขมวดคิ้วขึ้น สีหน้ามองมาทางเขาด้วยความเย็นชา “คุณลองพูดมาสิ สภาพผมมันเป็นยังไง”
ธีทัตยิ้มเย้ยหยัน ยื่นมือออกมาทันใด คว้าที่จับรถเข็นของเขาจากด้านหลัง แล้วเข็นไปด้านหน้า จากนั้นกล่าวทีละประโยค “อนาคตที่ไม่แน่นอน โดดเดี่ยว ไม่มีอำนาจ ไม่มีพลัง ปกป้องตัวเองยังไม่ได้”
คำพูดที่สวยหรูของธีทัตแต่ละคำราวกับเข็ม ราวกับสายฟ้า ที่ฟาดเข้ามาในหัวใจของภวินท์อย่างจัง มือที่วางพาดอยู่บนรถเข็นได้กำแน่นขึ้น สีหน้าขรึมจนน่ากลัว
และในเวลานี้ ด้านหลังของรถเข็นมีแรงดันคอยผลักอยู่ด้านหลัง เข็นเขาไปด้านหน้า ธีทัตโน้มตัวลง มาเข้าใกล้เขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ผู้ชายที่แม้แต่ผู้หญิงคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ ยังจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”
เขาใช้น้ำเสียงที่เบาที่สุด กล่าวคำพูดที่โหดเหี้ยมที่สุด ต่อให้แต่ไหนแต่ไรมาภวินท์จะไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร แต่คำพูดนี้กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจริงๆ
ในหัวสมองของเขาจู่ๆ ประกายภาพที่ญาธิดาถูกไฟลวกจนได้รับบาดเจ็บ เธอในตอนนั้น ราวกับสัตว์น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ขดตัวอย่างน่าสงสาร ตัวสั่นเทา ทำให้คนรู้สึกสงสารเวทนา
หากว่าไม่ใช่เขา เหตุการณ์การบาดเจ็บจากการลวกครั้งนี้สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เป็นความผิดของเขา แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปเขาจะไม่มีโอกาสที่จะปกป้องเธอแล้ว และก็ยิ่งไม่ได้หมายความว่าเขาจะสูญเสียทุกอย่าง เสียขาสองข้างแล้วต้องเอาแต่โทษตัวเอง และทิ้งทุกอย่างในชีวิต
รู้สึกถึงแรงผลักด้านหลังยิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้น ภวินท์มองกลุ่มผู้คนที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล แล้วขมวดคิ้วขึ้นทันใด มือที่วางไว้บนที่จับฉับพลันก็กดปุ่มขึ้น รถเข็นจึงเปิดใช้งานฟังก์ชันเบรกฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ และล้อก็เบรกสนิท ไม่ขยับอีก
ธีทัตรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้าน ขมวดคิ้วขึ้น และก็ปล่อยมือ เขามองลงมาทางภวินท์ จากนั้นกล่าวฮึดฮัด “ภวินท์ คุณอย่าคิดที่จะได้เธอไป”
ทิ้งประโยคนี้ลง ไม่รอให้ภวินท์ได้เอ่ยปากตอบ เขาก็สาวเท้าเดินจากไป ก้าวเท้ายาวหันหลังมุ่งไปทางห้องผู้ป่วย
วินาทีนั้น ภวินท์ได้กำหมัดแน่น เส้นเอ็นหลังมือปูดโปนขึ้น ใต้แววตาประกายความโกรธ
เขาไม่เคยถูกเหยียดหยามจากผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน ชั่วขณะเดียวความโมโหราวกับลมกระโชกสุมอยู่ในอกของเขา จนแทบจะระเบิดออกมา
ครั้งนี้ประสบการณ์ “ตายแล้วฟื้น” ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ครั้งแรกนับไม่ถ้วน เขาผู้หยิ่งผยองในอดีต กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างตอนนี้ที่น่าเวทนา สงสาร และถูกคนรังเกียจ
ทันใดนั้น ความโกรธในใจก็ค่อยๆ ทุเลาจางลง และเขารู้สึกน่าขันอย่างอธิบายไม่ถูกจึงยิ้มออกมา ที่แท้ชีวิตภวินท์ของเขาก็มีประสบการณ์แบบนี้ได้
หลังจากผ่านความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆ เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ และความโกรธในเวลานี้ก็มลายหายไป และกลับทำให้เขาเข้าใจตัวเองชัดเจนและตระหนักมากขึ้นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป
สำหรับญาธิดา เขาไม่มีทางยอมให้เธออยู่กับธีทัต เพราะว่าผู้ชายคนนี้ ไม่ได้ดูใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับภายนอกที่มองเห็น
พอดีกับที่โทรศัพท์ดังขึ้น ภวินท์จึงออกมาดู เป็นข้อความจากหลุยส์ “คุณหมอได้นัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถไปตรวจได้ตลอดเวลา”
เขากุมโทรศัพท์ในมือไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วก็ตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว
สำหรับขาคู่นี้ ตั้งแต่กลับมาจากเขาราม เขาได้ไปหาคุณหมอมากมาย และครั้งนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอีก แต่อย่างไรก็ไม่สามารถทำลายความตั้งใจของหลุยส์
เขาจึงไปตรวจอีกครั้ง ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ได้ผล อีกไม่กี่วัน เขาก็วางแผนที่จะกลับไปยัง STN แล้ว