ดวงใจภวินท์ - บทที่ 566 ฉันจะไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
บทที่ 566 ฉันจะไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน!
เนื่องจากบาดแผลแผ่นหลังของญาธิดาจำเป็นต้องทายาทุกๆ วัน ด้วยสภาพการณ์ของเธอ จึงยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
เมื่อเล่นกับสองหนูน้อยพอแล้ว สุดท้ายเมื่อสองหนูน้อยได้ยินว่าญาธิดาไม่สามารถกลับบ้านได้ ใบหน้าน้อยๆ ก็ก้มลงไป ผิดหวังสุดขีด
อีธานดูเหมือนจะง่วงแล้ว ดวงตาแทบจะหรี่ลงเป็นสองเส้นบรรจบกันเป็นร่อง ศีรษะผงก แต่ก็ยังจับมือของญาธิดาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ญาธิดาดูแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจ เธอเองก็อยากจะกลับบ้านไปโอบกอดลูกสองคนให้เข้านอน แต่ด้วยร่างกายของเธอตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย
ในที่สุด ธีทัตทนดูต่อไปไม่ได้ จึงได้เอ่ยปาก “เอาอย่างนี้นะ พรุ่งนี้พ่อค่อยพาพวกหนูมาเยี่ยมคุณแม่อีก วันนี้กลับไปนอนก่อน ดีไหม”
ญาธิดาก็รีบสมทบอย่างรวดเร็ว “ใช่จ้ะ พวกหนูกลับกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ตกลงตามนี้นะ แม่ไม่หนีไปไหนหรอก”
อีธานกับเอลล่าเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วก็กล่าวเพื่อขอคำยืนยัย “จริงเหรอครับ/ค่ะ”
ญาธิดาพยักหน้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แน่นอนว่าต้องจริงสิจ๊ะ!”
เมื่อเห็นความหนักแน่นมั่นใจจากเธอ บวกกับความรู้สึกที่ง่วงมาก สุดท้ายหนูน้อยทั้งคู่ก็ยอมปล่อยมือ และยอมจากไป
ธีทัตรีบเรียกคนขับรถ ให้พวกเขาพาเด็กๆ ขึ้นรถไปก่อน แล้วตัวเองก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง
ญาธิดาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง อีธานกับเอลล่าจากไป ในห้องก็ว่างเปล่าทันที
เธอได้ยินเสียงประตูดังขึ้น จึงหันไปมอง เห็นธีทัต ในดวงตาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นในทันใด “คุณกลับมาทำไมเหรอ”
ธีทัตก้าวเท้ายาวเดินมาด้านหน้า จู่ๆ ก็กอดเธอไว้ ราวกับรู้ว่าแผ่นหลังเธอได้รับบาดเจ็บ จึงหลีกเลี่ยงอย่างระมัดระวัง ใช้มือลูบผมเธอเบาๆ “เพราะผมไม่อยากจากคุณไป”
ชายหนุ่มกล่าวคำรักอย่างกะทันหัน ทำให้ญาธิดานิ่งชะงัก เมื่อรู้สึกตัวใบหน้าก็มีความร้อนผ่าวขึ้น
ธีทัตก้มหน้า ยิ้มแล้วมองเธอ “คุณคิดว่าผมไม่ต้องคุณแล้วใช่ไหม”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาจมูกคัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกละอายใจต่อธีทัตมากกว่า
เธอรู้ว่าพฤติกรรมของตัวเองตอนนี้นั้นยากที่เข้าใจมากแค่ไหน ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้ชาย เธอจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอนเมื่อเห็นผู้หญิงของเธอไปหาผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ลังเล และยังไม่กลับบ้านอีก
การปรากฏตัวของธีทัต ถือว่าใจกว้างสุดๆ แล้ว
“ขอโทษ ที่ช่วงนี้เอาแต่ใจตัวเอง” ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวขอโทษเบาๆ “อาจจะเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวของฉันเอง ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาลำบาก ฉันอยากจะทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ดังนั้นช่วงนี้ถึง……”
ขณะที่เธอพูดอยู่ จู่ๆ เธอก็ชะงักขึ้น ธีทัตยกมือขึ้นฉับพลัน แล้วเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธอ จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน “ผมเข้าใจ”
ทันใดนั้น ญาธิดาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงได้ไหลออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นึกถึงเจ้าอาวาสอาจจะเสียชีวิตเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ เธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ยากที่จะขจัดออกได้
ธีทัตปลอบประโลมเธอเบาๆ และก็นั่งลงข้างเตียงอย่างช้าๆ จากนั้นกล่าวถามเบาๆ “มีอะไรอยากจะพูดไหม อย่าเก็บไว้ในใจ บอกผมมาเถอะ”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาจมูกก็คัดขึ้น กระแสน้ำอุ่นผุดขึ้นในใจ เธอสูดอากาศ แล้วมองไปทางเขาแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันทำให้คนคนหนึ่งเสียชีวิตอย่างไม่ตั้งใจ”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ธีทัตก็ตกใจ มีแสงสลัวแวบเข้ามาในดวงตาของเขา จึงได้เอ่ยปากกล่าวถามขึ้น “ใคร”
“เป็นคนที่ฉันเจอเพียงครั้งเดียว และก็เป็นคนที่ดีมาก……”
ญาธิดารู้สึกซาบซึ้งใจ จึงกล่าวอย่างช้าๆ และบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ออกมา เล่าถึงตอนที่ภูผาจู่ๆ ปรากฏตัวอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมนั้น ดวงตาของธีทัตก็ประกายความประหลาดใจขึ้น
สุดท้าย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพียงแค่ฟังเธอเล่าเรื่องราวทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากนั้นถึงได้กล่าวถามขึ้น “ในใจคุณรู้สึกแย่มากเหรอ”
ญาธิดาพยักหน้า “ถ้าหากฉันไม่พบที่นั่น เกรงว่าภูผาก็คงไม่สะกดตามรอยฉันมา จะว่าไป ต้นเหตุเกิดจากฉัน ผิดที่ฉัน”
ดวงตาของธีทัตกะพริบเล็กน้อย ขยับริมฝีปาก สุดท้ายก็จับมือของเธอเบาๆ แล้วกล่าวปลอบประโลม “ความจริงแล้ว ในความคิดของผม คุณไม่ได้ผิด อย่ารู้สึกผิดเลย”
ญาธิดาน้ำตารินไหล ดวงตากับจมูกแดงก่ำ เธอหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวถามเบาๆ “เป็นไปได้ไหมที่คนที่ฉันพาไปเกิดหักหลัง หรือไม่ก็ถูกสะกดรอยตาม”
ฉับพลันสีหน้าของธีทัตขาวซีดขึ้น นิ่งไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยปากกล่าว “มีความเป็นไปได้”
นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวถามขึ้น “หากว่ามีคนหักหลังคุณจริงๆ คุณจะทำอย่างไร”
ญาธิดากำหมัดขึ้นอย่างช้าๆ ในแววตาประกายความเกลียดชังเล็กน้อย และกล่าวแต่ละคำอย่างชัดเจน “ฉันจะไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน!”
ได้ยินดังนั้น ธีทัตก็อ้าปากค้าง ไม่พูดไม่จาอีก
ชะงักงันอยู่ครึ่งค่อนวัน เขาจับมือเธอขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน “อย่ารู้สึกผิดเลย ไม่อย่างนั้นผมจะเป็นห่วง และก็เจ็บปวดใจด้วย”
พลางพูดพลางโอบเธอเข้ามากอด ผ่านไปไม่นาน อารมณ์ของญาธิดาก็สงบลง การหายใจของเธอก็คงที่แล้วเช่นกัน จากนั้นค่อยๆ ผล็อยหลบไป
ธีทัตปลอบประโลมเธออย่างเงียบๆ นั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นานสองนาน จนในที่สุดดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างเบาๆ
เขาตรงออกไปด้านนอก เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนมีความไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ว่าภายนอกยังคงดูสงบ
เดินออกจากโรงพยาบาล ก่อนที่จะขึ้นรถ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรศัพท์หาหมายเลขหนึ่ง “หมอก มีเรื่องหนึ่งนายต้องไปจัดการสักหน่อย ครั้งก่อนที่นายสะกดตามรอยธิดาไปตามที่สถานปฏิบัติธรรมในครั้งนั้น สามารถไปสืบมาได้ไหมว่าวันนั้นเธอพาใครไปบ้าง”
หมอกที่อยู่ปลายสายเอ่ยปากขึ้น “น่าจะได้ครับ คุณทัตอยากรู้ไปทำไมครับ”
เรื่องได้ผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว จู่ๆ เขาเอ่ยปากอยากได้รายชื่อลูกน้องที่ตามญาธิดาไปเขาราม ช่างทำให้ชวนสงสัยเหลือเกิน
ธีทัตเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ภายใต้ความลังเล ในที่สุดเขาก็ได้กล่าวออกมา “ฉันอยากจะหาแพะรับบาปสักคน”
เขาไม่มีทางยอมให้ญาธิดาสืบหาความจริงตามเบาะแสในตอนนั้นได้ ตอนนั้นคนที่สะกดรอยตามพวกเขาคือหมอก และเป็นคนที่เขาส่งไปเอง และก็เป็นคนที่ส่งข่าวให้กับภูผา ถ้าหากญาธิดาสืบเสาะเจออะไร ก็จะต้องสาวจนพบต้นตอทุกอย่างได้
จะให้อุบัติเหตุครั้งนี้ แค่ชีวิตเพียงคนเดียว ทำให้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อญาธิดามาหลายปีสูญเปล่าไปไม่ได้
ดังนั้น สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการปกปิด
ปกปิดความจริงทุกอย่าง ปกปิดสิ่งที่เขาเคยทำทั้งหมด มีเพียงเช่นนี้ เขาถึงจะนอนหลับอย่างสบายใจได้
หลังจากกำชับอย่างเรียบๆ แล้ว เขาก็วางสายลง แล้วสาวเท้าก้าวยาวเดินขึ้นรถไป
นั่งลงเบาะหลัง อีธานกับเอลล่าได้นอนหลับไปแล้ว เด็กน้อยทั้งสองคนต่างซบอิงแอบกัน ใบหน้าการนอนหลับที่น่ารักบริสุทธิ์ ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก็ไม่ปาน
ธีทัตนั่งอยู่ข้างๆ สั่งคนขับรถเคลื่อนรถ จากนั้นก็หันไปมองเด็กน้อยสองคน ด้วยแววตาที่เย็นชา เรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย
สุดท้าย แววตาของเขาเย็นชาราวกับมีความเกลียดชังเล็กน้อย จนต้องละสายตาไปจากตัวของเด็กๆ และหันไปมองทางอื่น
เมื่อสักครู่ถึงแม้เขาจะหลอกใช้เด็กน้อยสองคน เพื่อให้ได้เปรียบเวลาอยู่ต่อหน้าภวินท์ และก็แอบสะใจ แต่ตอนหลังเขากลับต้องประหลาดใจที่พบว่า โครงหน้า น้ำเสียง การกระทำของอีธาน เอลล่า และภวินท์นั้นเหมือนกันราวกับถอดแบบมาก็ไม่ปาน
โดยเฉพาะภาพที่เอลล่านำเค้กไปให้กับภวินท์ พวกเขาทั้งคู่ที่คนหนึ่งเล็กคนหนึ่งโต ให้ใครมาดู ก็ดูออกมาเป็นพ่อลูกกัน
แต่ว่าเขา ถ้าหากว่าวันข้างหน้าความจริงถูกเปิดเผย ว่าภวินท์คือพ่อแท้ๆ ของพวกเขา แล้วเขาคืออะไร
การยอมรับและความรักความดูแลที่มอบให้กับเด็กสองคนนี้ หลังจากที่เจอภวินท์แล้ว ยิ่งอยู่ยิ่งจืดจาง และกลับเพิ่มความรำคาญเบื่อหน่ายยิ่งขึ้น
สิ่งที่เขาอยากได้ตั้งแต่ต้นจนจบคือญาธิดาเพียงคนเดียวเท่านั้น สำหรับลูกๆ สองคนของภวินท์ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย