ดวงใจภวินท์ - บทที่ 570 ช่วยหน่อย
บทที่ 570 ช่วยหน่อย
ญาธิดาตกใจ ถูกประโยคที่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผู้ชายที่วาด คุณไม่ได้เจอเพียงครั้งเดียว”
ญาธิดาเข้าใจทันที จากนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “……คุณรู้ได้ไง”
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ท่าทางของคุณบ่งบอก”
ญาธิดาตกใจชะงัก สำรวจมองชวิศ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้โกหกล่ะ”
ชวิศยิ้มเยาะ “เป็นไปไม่ได้”
ทันใดนั้นญาธิดาก็หมดคำที่จะพูด มองดูเขาแล้วรู้สึกโกรธเล็กน้อย
ชายหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น “ต้องรู้ว่าผมนั้นมืออาชีพ”
จากนั้นเขามองญาธิดาแวบหนึ่งที่สีหน้าดำคล้ำ จึงกระตุกมุมปากถาม “ หรือไม่ให้ผมช่วยคุณตามหาพวกเขา”
ญาธิดาแอบประหลาดใจ มองเขาอย่างจริงจัง ความไม่สบายใจที่มีอยู่เดิมก็ค่อยๆ จางลงไปอย่างมาก
“ทำไมคุณต้องช่วยฉัน” ชวิศบี้บุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่ข้างๆ แล้วกล่าวเบาๆ “ไม่มีเหตุผล”
จากนั้น เขามองไปทางพี่เข้มแวบหนึ่ง “เพื่อนของเพื่อน ก็คือเพื่อนของผม คุณเต็มใจ ผมก็จะช่วย ไม่เต็มใจ ก็ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
พลางพูดเขาพลางสาวเท้าจะเดินกลับไปที่โต๊ะ ญาธิดาหัวใจบีบแน่น หัวหมุนแล่นอย่างรวดเร็ว
ชวิศคนนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ว่ากิริยาท่าทางของเขา คงไม่น่าจะพูดไปเพียงอย่างนั้น อีกอย่างการคาดเดาของเขาเมื่อสักครู่ เขาก็น่าจะมีความสามารถพอ มีการช่วยเหลือจากเขา ไม่แน่เรื่องราวอาจจะมีความคืบหน้าและก็ยิ่งราบรื่น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ญาธิดาคอเกร็ง รีบตะโกนเขาให้หยุดทันที “คุณชวิศ รอเดี๋ยว”
ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้า จากนั้นหันหลังอย่างช้าๆ เลิกคิ้วแล้วมองมาทางเธอ แต่กลับไม่พูดจาใดๆ
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก “อย่างนั้น……คุณจะสามารถช่วยฉันได้ไหม”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นใต้ตาของชวิศ จากนั้นกล่าวเบาๆ “อืม”
เมื่อออกจากบาร์ นัทกับพี่เข้มและพยัคฆ์กอดกันกลมแล้ว ชายหนุ่มสามคนเดินอยู่ด้านหน้าทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะ ยังนัดกันดื่มเหล้ากันครั้งหน้าอีก คนที่ยิ้มยากอย่างชวิศย่อมเดินอยู่ด้านหลังกับญาธิดา ทั้งคู่เดินข้างกัน แต่กลับไม่มีใครที่จะเอ่ยปากก่อน ทันใดนั้น บรรยากาศจึงอึดอัดเล็กน้อย
จู่ๆ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ได้หันหน้ามามองใบหน้าของเธอครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากขึ้น “ได้ยินมาว่าคุณเคยปะทะกับสิงโต”
เมื่อเอ่ยถึงสิงโต ร่างของญาธิดาก็เกร็งขึ้น ความเย็นเยือกปะทุออกมาจากหัวใจ แล้วก็คืบคลานไปยังแผ่นหลัง
สองมือของเธอประสานกันแน่น แล้วหันไปมองชายหนุ่ม แล้วกล่าว “คุณรู้ได้ยังไง”
เมื่อเอ่ยถึงการติดต่อกับสิงโต ก็เป็นครั้งก่อนที่ทั้งสองต่อสู้กันที่วัดเขาราม นอกเหนือจากนั้น เธอกับสิงโตก็ไม่ได้เจอกันอีก
ชวิศยิ้มเบาๆ “ก็ย่อมได้ยินจากคนอื่นพูดอยู่แล้ว”
“คนอื่น” ในปากของเขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพี่เข้มอย่างแน่นอน
ชวิศกล่าวต่อ มีรอยยิ้มจางๆ ที่มองไม่เห็นในน้ำเสียงของเขา “คิดไม่ถึงว่าใจคุณจะกล้าเพียงนี้”
ญาธิดายิ้มแล้วกล่าว “เปล่า……ครั้งนั้นหากไม่ใช่เพราะมีพี่เข้มพวกเขาคอยช่วยเหลือ ฉันเองก็ไม่กล้า”
ชวิศเลิกคิ้ว “ไม่ คุณใจกล้าจริง”
ระหว่างที่สนทนากัน พวกเขาได้เดินมาถึงข้างถนนแล้ว ข้างถนนมีรถของพยัคฆ์กับญาธิดาจอดอยู่ชวิศชะงักเบาๆ กวาดตามองญาธิดา หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าหนึ่งใบ แล้วยื่นมา
ญาธิดาชะงัก ยื่นมือออกมารับแล้วถึงได้พบว่า นามบัตรสีขาวเรียงด้วยหมายเลขโทรศัพท์ และยังมีชื่อของเขา
“โทรหาผม”
กล่าวจบ เขามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นสาวเท้าก้าวยาวเดินไปด้านหน้าอย่างใจเย็น เดินมาด้านหน้ากล่าวลากับพี่เข้มและพยัคฆ์แล้วก็หันไปพานัทเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วก็ขึ้นรถขับจากไป
พยัคฆ์มองไปเงารถฝั่งนั้น จานนั้นก็ทอดถอนใจแล้วกล่าว “พี่เข้ม รถคันนั้นโคตรเท่เลยอ่ะ!”
พี่เข้มที่อยู่ด้านข้างหัวเราะขึ้น “รถออฟโรดของทหาร อิจฉาไปก็ไม่มีปัญญาซื้อ”
พยัคฆ์กล่าวถามต่อทันที “พี่เข้ม พี่ไปรู้จักกับคนอย่างเทพบุตรนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทั้งหล่อทั้งสูงทั้งเท่!”
พี่เข้มยิ้มแล้วกล่าว “เป็นเพื่อนร่วมรบคนหนึ่ง เป็นคนที่เก่งกาจ และพึ่งพาได้”
เขากล่าวเช่นนี้ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันหน้ามามองญาธิดา กดเสียงต่ำแล้วกล่าวถามขึ้น “เขาบอกว่าจะช่วยอะไรคุณหรือเปล่า”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “บอกค่ะ”
“ใช่จริงด้วย ผมทายไม่มีผิด” น้ำเสียงของพี่เข้มกล่าวอย่างมั่นใจ “เพื่อนของผมคนนี้มีสัจจะ แม้แต่เรื่องเล็กๆ เขาก็จะช่วยอย่างเต็มที่ แต่ว่าเรื่องนี้ตามสถานะของพวกเราไม่ง่ายที่จะตรวจสอบสำหรับเขาแล้ว ช่วยตามหาคนเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับเขามาก”
ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ญาธิดาถึงได้เข้าใจในทันที ที่แท้พี่เข้มหมายความอย่างนี้นี่เอง เธอมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ จึงกล่าวอย่างจริงใจ “พี่เข้ม ขอบคุณพี่มากนะคะ”
พี่เข้มยิ้ม “ขอบคุณอะไร จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องคุณภวินท์ เรื่องของคุณภวินท์ก็คือเรื่องของพวกเรา”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างขอบคุณ กำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ รู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ
เธอหันหน้าไปมอง เห็นรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล คุ้นตามาก เธอจ้องมองไป แล้วประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นรีบมองไปทางพยัคฆ์กับพี่เข้ม “นั่นใช่รถของภวินท์หรือเปล่า”
พยัคฆ์กับพี่เข้มได้ยินดังนั้น ก็รีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว
สักพัก พยัคฆ์ก็กล่าวด้วยความตกใจ “ใช่จริงด้วย! คุณภวินท์บอกว่าเขาจะมาตรงเวลาไม่ใช่เหรอ”
ญาธิดามองไปทางเขาด้วยความงุนงง “แปลว่าอะไร” นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมภวินท์ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้
“คุณภวินท์มีเรื่องที่จะสั่งกำชับ เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในบาร์ได้ติดต่อกับผมแล้ว เขาบังเอิญอยู่ใกล้ๆ บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงแล้ว!”
พยัคฆ์รีบอธิบาย จากนั้นรีบเดินไปฝั่งนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวกับญาธิดาว่า “พี่ธิดา ไม่พูดมากแล้ว ผมไปก่อนนะ”
ญาธิดารีบพยักหน้า มองดูตำแหน่งหน้าต่างรถที่เป็นสีดำสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย
หลังจากพยัคฆ์ขึ้นรถไป ญาธิดากำลังลังเลว่าจะทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวแล้วจากไป ใครจะไปรู้ ไม่นาน ประตูรถถูกเปิดออก พยัคฆ์ก็ลงมาจากรถ แล้วมุ่งหน้าเดินมาทางเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ญาธิดาประหลาดใจ “นายเป็นอะไร”
พี่เข้มยิ้มแล้วกล่าวหยอกล้อ “อย่าบอกนะว่าถูกคุณภวินท์ตำหนิ”
พยัคฆ์ไม่มีอารมณ์แล้ว มองมาทางญาธิดาแล้วกล่าว “คุณภวินท์บอกว่าต้องการพบพี่”
ญาธิดาประหลาดใจ “พบฉัน?”
พยัคฆ์พยักหน้า ด้วยสีหน้าอมทุกข์ “ใช่”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจเต้นตึกตัก แต่ก็ไม่ไปไม่ได้ จึงได้แต่ฝืนใจเดินมุ่งไปทางรถ
เดินมาถึงด้านหน้ารถ เธอเพิ่งจะยื่นมือออกมา ยังไม่ทันได้ดึงประตูรถ เบาะหลังรถก็ได้ถูกคนผลักออก เธอกัดฟันแล้วก้มตัวขึ้นรถไป
วินาทีที่ประตูรถปิดลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแอร์ในรถสูงเกินไปหรือเปล่า ญาธิดาตัวสั่นขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก เธอหันหน้าไป ก็เห็นภวินท์สีหน้าเย็นชานั่งอยู่ข้างๆ
ญาธิดารวบรวมความกล้า แสร้งทำเป็นสงบแล้วถามขึ้น “มีเรื่องอะไร”
ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม “บาดแผลบนตัวดีขึ้นหรือยัง”
ญาธิดาพยักหน้า “เกือบหายดีแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ประกายแสงแห่งความสงสัย แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ให้ผมดูหน่อย”
“หือ” ญาธิดามองเขาด้วยความตกใจ ถอยหลังไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง “ดีขึ้นแล้วก็คือดีขึ้นแล้ว จะดูอะไรอีก”
จับสีหน้าที่ตื่นตระหนกใต้ดวงตาของเธอ สีหน้าของภวินท์จึงเย็นชาเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผมก็แค่ดูบาดแผล ไม่ได้ดูอย่างอื่น”
ญาธิดาโกรธเล็กน้อย มีอย่างที่ไหนที่ขึ้นมาแล้วจะขอดูบาดแผลผู้หญิง อีกทั้งตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งสักหน่อย จะให้ดูง่ายๆ ได้อย่างไร
ญาธิดากัดฟัน กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันบอกว่าดีแล้วก็คือดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าดู”
พลางพูดเธอพลางผลักประตูรถ ใครจะไปรู้ว่ามือข้างหนึ่งได้เอื้อมมา จับข้อมือของเธอไว้แน่น