ดวงใจภวินท์ - บทที่ 574 คุณเป็นคนเลว
บทที่ 574 คุณเป็นคนเลว
ไม่นานนัก ก็มีคนเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าทั้งเบาทั้งรวดเร็ว ไม่เหมือนผู้ใหญ่
ญาธิดาผงกศีรษะขึ้น จึงมองเห็นเด็กผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมคนหนึ่งกำลังย้ายสิ่งของจากลานบ้าน เด็กผู้หญิงหยิบเก้าอี้ขาหักข้างหนึ่งติดมือมาพลางโยนเก้านั่งที่ขาหักแล้วเอาไว้ทางนี้ และสบตาญาธิดาในจังหวะนั้นพอดี
เธอลุกขึ้นยืนอยู่ที่เดิม พลันจ้องมองเธอทันที
หัวใจญาธิดาเต้นลิงโลด จู่ๆ พลันมองเห็นว่าเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเด็กผู้หญิงเกิดส่งเสียงเอ็ดตะโรขึ้นมา ก็จะเรียกคนทั้งหมดมา เช่นนั้นเท่ากับว่าเธอเสียแรงไปอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว
เธอจุดประกายความคิด พลันหยิบธนบัตรที่มูลค่าไม่ซ้ำกันขึ้นมาหลายใบจากกระเป๋า พลันชูและส่ายตรงด้านหน้าของเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงเดินเข้ามาหาอย่างสงสัย และเธอยื่นมือออกมาหา
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งกดเสียงกระซิบพูด “ฉันให้เงินหนูได้นะ แต่หนูต้องช่วยฉันเรื่องหนึ่งก่อน”
เธอพูด พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อค้นหารูปหนึ่ง เป็นรูปภาพสเกตช์ของเณรศีล แม้ว่าจะมีรายละเอียดที่ไม่ตรงจุดบ้าง แต่ก็สามารถมองออกได้อย่างคร่าวๆ
“หนูช่วยฉันไปแอบเรียกเขาออกมาได้มั้ยคะ? เรียกมาตรงนี้ให้หน่อยจ๊ะ”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำการรับประกันอีกครั้ง “แค่หนูไปเรียกคนมา เงินพวกนี้ฉันยกให้หนูหมดเลยนะ”
เธอพูด พร้อมทั้งส่ายธนบัตรที่อยู่ในมือด้วย
เด็กผู้หญิงพยักหน้า พลันหันหลังกลับ และก้าวเท้าวิ่งเข้าไปในด้านในทันที
ญาธิดายืนอยู่ด้านหลังกองขยะ หัวใจทั้งดวงเต้นระทึก ไม่สามารถสงบใจลงได้
รอจนเด็กผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกมาอีกครั้ง ตอนที่ญาธิดาเห็นเณรศีลอยู่ด้านหลังของเธอ ทั้งชื่นชมและตื่นเต้นพร้อมกัน
เด็กผู้หญิงวิ่งมาหา หลังจากหยิบเงินในมือของญาธิดาไปแล้ว ก็กลับเข้าไปในบ้านโดยไม่หันกลับมาอีกเลย ส่วนเณรศีลยืนอยู่ทางด้านข้าง และจ้องมองเธออย่างเย็นยะเยือก
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันรีบพูดทันที “เณรศีลยังจำฉันได้มั้ย? เราเคยเจอกันมาก่อน”
เณรศีลถลึงตามองเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้า พลันพูดเสียงทุ้มต่ำ “ผมจำได้….”
ญาธิดาดีใจมาก พลันรีบเดินไปทางด้านหน้าทันที และจับมือเขาเอาไว้ “ฉันจะพาหนูไปจากที่นี่ นอกจากหนูแล้ว เพื่อนหนูคนอื่นๆ ที่อยู่ในสถานปฏิบัติธรรมก็อยู่ที่นี่ด้วยมั้ย?”
พอเณรศีลได้ยิน ก็ก้มหน้าอย่างหมดหวัง พลันส่ายหน้าทันที “ไม่อยู่ พวกเราพลัดพรากกันไป…”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หัวใจญาธิดาบีบรัดเล็กน้อย พลันเกิดความรู้สึกเจ็บปวดตีขึ้นขั้วหัวใจ เธอกุมมือเณรศีลเอาไว้แน่น เพื่ออดกลั้นน้ำตา พร้อมทั้งพูดอย่างจริงจัง “หนูไปกับฉันนะ ฉันจะพาหนูไปหาพวกเขาเอง…”
แต่ใครจะรู้ว่าเธอเพิ่งจะยกมือขึ้นไปกุมมือเณรศีลเอาไว้แน่น จู่ๆ เขาก็สะบัดมือออกทันที เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ก็ได้ยินเขาเงยหน้าจ้องเธอตาเขม็งพลันพูดออกมา “พระอาจารย์ธีระไม่ให้ผมไปกับคุณ เขาบอกว่าคุณเป็นคนเลว…”
ญาธิดาตกตะลึงมาก พลางยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมโดยไม่พูดอะไร เธออ้าปากแต่กลับไร้เสียง ราวกับปลาที่ใกล้จะตายอยู่รอมร่อ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อมองเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้า สุดท้ายก็กัดฟันเอาไว้ จากนั้นก็เอ่ยปากพูด “ฉันไม่ใช่คนเลวนะ ฉันมาหาหนูโดยเฉพาะ ก็เพื่อต้องการจะพาหนูออกไปจากที่นี่…”
ถึงแม้ว่าเธอจะเลวร้ายแค่ไหน ก็ยังดีกว่ากลุ่มแก๊งที่สอนให้พวกเขาไปเป็นขอทานเที่ยวไปขอเงินมั้ง?
แต่ใครจะรู้เณรศีลว่าส่ายหน้าอย่างจริงจัง “พระอาจารย์ธีระพูดว่าคุณเป็นคนฆ่าเจ้าอาวาส…”
คำพูดประโยคนี้ ราวกับภูเขาหนักๆ ลูกหนึ่ง ที่มันทับลงบนหัวใจของญาธิดาอย่างหนักอึ้ง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่ฉันนะ ฉันเองก็มาหาคนร้าย ฉันจะให้ข้อสรุปกับพวกหนูได้อย่างแน่นอน เณรศีลเชื่อฉันนะ”
เธอพูด พร้อมทั้งก้าวเท้ามาทางด้านหน้า เพื่อเขยิบเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ
รูม่านตาเณรศีลแสดงความหวาดระแวงเล็กน้อย พร้อมทั้งส่ายหน้าและเดินก้าวเท้าไปทางด้านหลัง
ทางด้านนั้นมีเสียงคนดังเซ็งแซ่ ญาธิดาสูดลมหายใจเข้า พลันเงยหน้าเหลือบมองทางนั้น ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น พลันมองเณรศีลและพูดขึ้นมา “ไปกับฉัน ฉันจะพาหนูออกไปจากที่นี่ ไปยังสถานที่ปลอดภัยนะ”
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น พลันพูดต่อ “หรือว่าหนูอยากจะอยู่ที่นี่แล้วโดนคนตีโดนคนด่าทอแล้วยังกินไม่อิ่มท้องด้วยหรือจ๊ะ?”
สีหน้าเณรศีลฉายความรู้สึกไม่แน่ใจออกมา พลันเกิดความรู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้ เขาหันหน้าไปมองทิศทางภายในห้อง และมองญาธิดาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี
เมื่อมองเห็นอาการลังเลของเขา ญาธิดายื่นมือออกไป เพื่อดึงมือของเขาเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมาก “ไปกับฉันนะ ฉันจะรับประกันกับหนูเอง ว่าต้องช่วยหนูตามหาพวกพระอาจารย์ธีระให้เจอ!”
เธอพูด พร้อมทั้งเดินก้าวเท้าจ้ำอ้าว เพื่อดึงให้เขารีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังประตู
เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็มีเสียงตะคอกดังไม่ไกลมากนักจากทางด้านหลัง “พวกมึงกำลังทำอะไร!”
หัวใจญาธิดากระโดดจนหลุดไปอยู่ที่คอหอย เธอไม่ทันหันหน้ากลับมา พลันดึงเณรศีลให้วิ่งหนี แต่จู่ๆ มีสิ่งของบางอย่างพุ่งมาที่ท่อนขาของเธอ จนเธอเข่าอ่อน จนเกือบจะนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
เธอยังไม่ทันทรงตัวได้ดี เสียงฝีเท้าทางด้านหลังก็รีบพุ่งมาหาอย่างรวดเร็ว พลันมีผู้ชายป่าเถื่อนวิ่งเข้ามาหาหลายคน จากนั้นก็ดักหน้าตรงประตูหลังทันที และจัดการล้อมเธอกับเณรศีลในเพียงเวลาอันสั้น
ญาธิดาหันหน้าไปมองทางด้านข้าง จึงค้นพบว่าบริเวณโดยรอบถูกพวกเขาดักทางไว้อย่างแน่นหนามาก จนไร้วิธีวิ่งหนีได้ เธอดึงเณรศีลเอาไว้ สมองขาวโพลน
ผู้ชายที่มีรอยสักอยู่ที่แขนตะคอกใส่เธอ “มึงจะทำอะไร! ขโมยเด็กเหรอวะ?”
ตอนที่พูด อีกคนที่อยู่ด้านข้างก็มุ่งหน้ามาหา พลันคว้าแขนของเณรศีลเอาไว้ทันที เพื่อคว้าเขามาอยู่ทางด้านข้าง
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก พลันกัดฟันทน เพื่อดึงเณรศีลเป็นการปกป้องให้เขามาอยู่ทางด้านหลัง “พวกแกจะทำอะไร! พวกแกไม่รู้ว่ามันผิดกฎหมาย! ฉันเป็นอาหญิงของเขา!”
ผู้ชายที่อยู่ทางด้านข้างเสียงเย็นเฉียบ “อาหญิงเหรอ? เณรน้อยที่ไหนจะมีอาหญิงวะ!”
“ผู้หญิงชั้นต่ำ! กล้ามาหลอกพวกกู มึงไปเอาความกล้ามาจากไหน!”
ผู้ชายที่มีรอยสักเป็นคนพูด พลางเดินมาทางด้านหน้าอย่างฉุกละหุก และคว้าแขนของญาธิดาทันที
ญาธิดาพยายามสะบัดมือของเขาออกอย่างสุดแรง พลันควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า “ขืนพวกแกทำแบบนี้ต่อ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”
เธอพูด พร้อมทั้งรีบควานหาโทรศัพท์อย่างรีบร้อน แสร้งทำทีแจ้งความ
ใครจะรู้ว่าสีหน้าผู้ชายหลายคนนั้นเปลี่ยนทันที พลันสบตากัน เหมือนว่าจะกระโจนเข้าหาเธอพร้อมๆ หันไปเห็น เณรศีลถูกคนดึงไปอีกทาง ส่วนเธอนั้นโดนผู้ชายสองคนหิ้วปีกคว้าแขนของเธอทั้งสองข้าง พลันกดร่างกายเธอลงกับพื้นอย่างสุดแรง
ผู้ชายมีรอยสักแย่งโทรศัพท์ในมือเธอออกไป จากนั้นก็โยนไปทางด้านข้าง และมุ่งหน้ามาตรึงปลายคางของเธอขึ้น พร้อมทั้งใช้แรงเชิดปลายคางขึ้น “เหอะๆ หน้าตาโคตรเชิญชวนมาก ถ้าไม่สั่งสอนแกสักหน่อย แกคงไม่รู้ว่าพวกเราคือใคร!”
เขาพูด พร้อมทั้งมองผู้ชายทางด้านข้าง สีหน้าแววตาทั้งร้ายกาจและความหื่นปรากฏอยู่ในดวงตา เพื่อส่งสัญญาณพลางพูดกับคนอื่นๆ “เอาตัวมันไปตรึงไว้ตรงนั้น คืนนี้พวกพี่จะออกจากจำศีล!”
เวลานั้น ผู้ชายคนอื่นๆ ต่างตื่นเต้นทันที “Ok!”
ในใจญาธิดามันร่ำร้องว่าไม่ได้การแล้ว ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็โดนคนผลักไปอยู่ทางด้านข้างถุงปูนซีเมนต์ทางด้านข้าง เธอถูกคนตรึงไว้แน่น โดยไม่สามารถขยับเขยื้อน “พวกแกปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉัน!”
ไม่มีคนสนใจเสียงกรีดร้องและต่อสู้ของเธอเลย ผู้ชายกลุ่มนั้นต่างหัวเราะกันอย่างไร้สาระมาก ผู้ชายที่มีรอยสักที่แขนพลันถอดเข็มขัดออกอย่างรอไม่ไหว พลันทาบทับลงบนเรือนร่างของเธอทันที
เขาคว้าปลายเข็มขัดขึ้นมา พลันฟาดหน้าญาธิดาอย่างแผ่วเบา พลันยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ “มีผู้หญิงที่เอาตัวใส่พานถวายถึงในบ้าน แล้วจะปล่อยให้พลาดไปได้ยังไงล่ะจ๊ะ!”
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ พยายามดิ้นรน แต่กลับไร้ประโยชน์ ขณะนั้นเอง จู่ๆ ทางด้านข้างก็มีเงาแวบมา พลันพุ่งเข้าใส่ผู้ชายมีรอยสักทันที
เณรศีลวิ่งมาทางด้านข้าง พลันคว้าแขนของผู้ชายที่มีรอยสักเอาไว้ พลันกัดเต็มแรง
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังตามมาติดๆ “จ๊าก” ญาธิดารู้สึกแรงกดที่อยู่บนตัวนั้นเริ่มผ่อนแรงลง จึงเตรียมต่อสู้กลับทันที
ชายที่มีรอยสักถูกเณรศีลกัดเป็นรอยจ้ำ มีเลือดไหลซึมอยู่บนแขน สีหน้าเจ็บปวดทั้งดุร้าย คนที่อยู่ทางด้านข้างต่างมึนงงสมองเบลอทันที ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าต่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะกัดเต็มแรงขนาดนี้ เวลานี้เอง ญาธิดาต่อสู้กลับสุดแรงเกิด พลันย่อตัวลง เพื่อเก็บโทรศัพท์บนพื้น จากนั้นก็วิ่งหนีไปนอกประตูอย่างรวดเร็ว!
มีเสียงผู้ชายคนอื่นตะโกนตามทางด้านหลังทันที “อีผู้หญิงนั่นมันหนีไปแล้ว! รีบตามเร็ว!”