ดวงใจภวินท์ - บทที่ 595 ทำให้เธอหนีไม่ได้อีก
บทที่ 595 ทำให้เธอหนีไม่ได้อีก
ญาธิดารีบเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า “แม่คะมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
คุณปภาวีสีหน้ายากจะคาดเดา เดินเข้ามาอย่างลังเล มาจับมือเธอแล้วพาเธอไปที่ระเบียงข้างๆ
“แม่ไม่ได้ตั้งใจ พ่อบอกว่าเจ็บคอ แม่เลยลงมาชงชาร้อนให้ พอต้มน้ำในครัวเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก พอมาถึงก็เห็นลูกกับพ่อลูกเขย…”
คุณปภาวีพูดแล้วก็หยุดไป เธอกับญาธิดาก็มองหน้ากัน แล้วไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ
ปภาวีถอนหายใจเบา ๆ แล้วถามว่า “พวกลูกเป็นยังไงกันแน่”
สามีภรรยาทะเลาะกันมันเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนใหญ่ก็ไปจบกันบนเตียงทั้งนั้น ไม่มีเรื่องที่จบกันไม่ได้ แต่วันนี้ที่เธอได้เห็นญาธิดา กับธีทัตทะเลาะกัน ดูๆก็รู้ว่ามันไม่ปกติ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ลังเลที่จะพูด
อันที่จริงตั้งแต่แรก เธอก็ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของอีธานกับเอลล่าจากพ่อแม่ สถานการณ์แต่งงานที่แท้จริงของเธอกับธีทัต ความลับทุกอย่าง เธอไม่เคยบอกกับดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีเลย เพราะเธอไม่อยากให้พวกเขากังวล แต่เธอไม่คิดว่าจะถูกแม่เห็นเข้าในสถานการณ์แบบนี้
เมื่อเห็นญาธิดาเงียบไม่ยอมพูด คุณปภาวีก็ไม่ถามอะไรอีก เธอเพียงจับมือญาธิดาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ธิดา ลูกต้องรู้นะว่าตอนนี้ลูกเป็นแม่ของเด็กตั้งสองคนแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวอย่างเมื่อก่อนแล้วนะ ถึงว่าจะมีปัญหาอะไรกัน ลูกก็ไม่ควรปฏิเสธเขาไปแบบนั้นนะ…”
ญาธิดาได้ยินแล้วก็รู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร เมื่อกี้ตอนที่เธออยู่กับธีทัตในห้องนั่งตอนนั้น เธอขัดขืน ปฏิเสธ แล้วถึงกับตบธีทัตไป คุณปภาวีต้องเห็นแล้วแน่ๆ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “แม่ หนูรู้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น คุณปภาวีถึงจะพยักหน้า “อื้ม ดึกมากแล้ว กลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”
ญาธิดายิ้มให้เธอ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ”
กลับขึ้นไปบนห้องนอน ญาธิดาอาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมา ออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็เป่าผมให้แห้ง นั่งลงบนเตียง แต่ไม่รู้สึกง่วงเลย
นางล้มตัวลงนอน พลิกตัวไปมา หลับไม่ได้เลย สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาภวินท์ “อันอันกลับมาแล้ว สัญญาที่คุณให้ไว้ก่อนหน้านี้ก็ควรทำให้เสร็จได้แล้ว”
คำพูดสั้นๆและหนักแน่น เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับภวินท์อีก ถ้าไม่ใช่เพราะแฟลชไดรฟ์ เธอคงจะไม่ติดต่อเขาก่อนหรอก
คราวนี้ ภวินท์จะให้แฟลชไดรฟ์กับอัญมณีไหมก็อยู่ที่จิตสำนึกของเขาแล้วล่ะ
หลังจากทำเสร็จ เธอก็โยนโทรศัพท์ไปอีกทาง ปิดไฟแล้วเข้านอน
ดูเหมือนจะเป็นเพราะข้อความ เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว หลับอย่างเป็นสุขและผ่อนคลาย
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่ญาธิดาตื่นขึ้นก็เปิดโทรศัพท์แล้วก็เห็นข้อความตอบกลับจากภวินท์ มีคำง่ายๆ เพียงคำเดียวว่า “โอเค”
ญาธิดารู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกนี้ก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว เธอลุกเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ญาธิดานึกว่าตัวเองจะมีวันสบายๆแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าในตอนบ่ายเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากอัญมณี
“ฮัลโหล อันอัน”
เสียงของอัญมณีดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ธิดา ตอนนี้เธอว่างไหม”
ญาธิดาปิดหนังสือที่อ่านอยู่ในมือ “ว่างสิ มีอะไรหรอ”
อัญมณีน้ำเสียงลึกลับเล็กน้อย “ทายสิว่าฉันจะไปกินข้าวกับใครมาตอนเที่ยง”
“ใคร”
“ภวินท์!ตอนเช้าวันนี้เขาบอกกับพายุเอง ว่าให้ไปเจอกัน แล้วเขาจะมีของให้ ฉันกับพายุก็ไปตามนั้น เธอทายสิ้ว่าเขาให้อะไรกับพวกเขามา”
ญาธิดาหัวเราะเบาๆ ตามน้ำไปกับเธอ “อะไรล่ะ”
อัญมณีพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นยากเกินจะซ่อนไว้ “แฟลชไดรฟ์ ตัวนั้นที่เธอบอกว่ามีหลักฐานที่นิวราขับรถชนชั้นอยู่ในนั้นไง!”
ญาธิดาได้ยินก็โล่งใจแล้ว
ดูเหมือนว่าภวินท์ยังรักษาสัญญาอยู่ ส่งข้อความให้เขาเมื่อคืน เช้าวันนี้เขาก็เอาไปให้แล้ว
“ก็ดีสิ! มีนี่แล้ว เธอก็เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองได้แล้วสิเพราะว่าสิ่งที่นิวราทำมันเกินไปแล้ว หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นอีกสักหน่อย…”
ญาธิดาพูดสมมติ แต่ก็พูดไม่จบ สำลักไปแล้วก็พูดไม่ออกแล้ว
ทุกครั้งที่เธอนึกถึงภาพที่อัญมณีถูกนิวราชน หัวใจของเธอก็เจ็บแปล๊บ
อีกฝั่งหนึ่งอัญมณีก็สังเกตได้ว่าอารมณ์ของเธอเปลี่ยนไป จึงรีบพูดขึ้น “ฉันเข้าใจ ฉันก็เจ็บมามากพอแล้ว เกือบจะกลายเป็นผักไปแล้ว ทั้งหมดนี่ต้องไปลงที่นิวรา ฉันจะไม่ปล่อยมันไปแน่ ยังไงตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ฉันมีแฟลชไดรฟ์แล้ว แค่ฉันไปที่สถานีตำรวจ เอาแฟลชไดรฟ์ไปให้ตรวจสอบ มันก็หนีไม่พ้นแล้ว!”
อัญมณีพูดชัดและหนักแน่น ญาธิดาได้ยินก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาด้วยแล้ว
เธอถือโอกาสถาม “แล้วเมื่อไหร่เธอจะไปสถานีตำรวจล่ะ”
“ตอนนี้เลย” อัญมณีพูดชัดถ้อยชัดคำ “ที่ฉันโทรมาก็เพราะจะให้เธอไปเป็นเพื่อนฉันนี่แหละ”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็ลุกขึ้นทันที กลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า “ได้ เธอส่งโลเคชั่นมา เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“โอเค แล้วเจอกัน!”
วางสาย แล้วญาธิดาก็รีบกลับเข้าไปที่ห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า บอกกับคุณปภาวีแล้วก็ออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มาถึงที่อยู่ที่อัญมณีส่งมาให้เธอ เป็นสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในอำเภอ เธอจอดรถไว้ใกล้ๆ แล้วรีบไปที่ประตูแล้วก็รีบเข้าไป
จากไกลๆ เธอเห็นพายุกับอัญมณียืนอยู่ที่ทางเข้า อัญมณีก็เห็นเธอแล้วเช่นกัน แล้วโบกมือให้เธอจากไกลๆ
ญาธิดาเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ยิ้มให้พวกเขา แล้วถาม “พร้อมหรือยัง”
อัญมณีเอ่ยปากตอบอย่างไม่ลังเล “พร้อมตั้งนานแล้ว รอเธออยู่เนี่ย”
ตอนนั้นเอง เมื่อญาธิดามาอยู่ข้างเธอเธอถึงได้สบายใจขึ้น เธอเอื้อมมือไปจับญาธิดาแล้วเดินก้าวใหญ่เข้าไปข้างในด้วยกัน
หลังจากมาถึงแผนกต้อนรับ และอธิบายสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่ฟังแล้ว ก็มีคนมาบริการพวกเขาทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนแนะนำตัวสั้นๆ “สวัสดีครับ ผมทีปกร ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในคดีหลักในครั้งนี้ นี่กันต์ เป็นเจ้าหน้าที่เขียนบันทึก ”
หลังจากการแนะนำตัว เขาก็ให้ทุกคนนั่งลงแล้วพูดกัน “เอาละ พวกคุณอธิบายสถานการณ์คร่าวๆให้ฟังหน่อยครับ”
ญาธิดาและอัญมณีมองหน้ากัน จากนั้นอัญมณีก็หันกลับมา พูดว่า “ฉํนเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ฉันขอพูดก่อนละกัน”
เธออธิบายเรื่องราวในตอนนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง “…เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ”
เจ้าหน้าที่จดบันทึกหยิบปากกาแล้วเขียนบางอย่างลงบนสมุดจด
ตอนนั้นเอง ทีปกรก็ถามขึ้น “ไม่ทราบว่า ตอนนั้นคุณได้เห็นไหมครับว่าใครที่นั่งอยู่ในรถ”
อัญมณีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่เห็นค่ะ”
ทีปกรพยักหน้าแล้วถามต่อ “ครับ ผมมีอีกคำถามหนึ่ง ทำไมสองเดือนก่อนคุณไม่คิดจะมาแจ้งความ แต่กลับมาวันนี้ล่ะครับ คุณแจ้งความคลาดเคลื่อนแบบนี้ มันไม่เป็นผลดีต่อการสืบสวนของเรามากนัก”
“เพราะว่า…”
อัญมณีหันหน้ามา หน้าค่อยๆซีดเซียว “เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้ฉันเกือบจะต้องนอนเป็นผัก”