ดวงใจภวินท์ - บทที่ 626 เธอติดหนี้บุญคุณเขา
บทที่ 626 เธอติดหนี้บุญคุณเขา
ญาธิดานิ่งไปก่อนจะพูดว่า “ฉันมาเพราะอยากคุยเรื่องของธีระ ฉันคิดว่าถึงเวลาต้องหาสถานที่ให้พวกเขาลงหลักปักฐานแล้ว”
ภวินท์ชี้ประเด็นสำคัญอย่างใจเย็น “แล้วเธอคิดว่าเขาจะเห็นด้วยเหรอ”
เมื่อญาธิดาได้ยินคำพูดนั้นก็เงียบไปชั่วขณะ
ความจริงนี่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เธอกังวล ต่อให้เธอเต็มใจจัดการให้พวกเขา เกรงว่าธีระจะไม่ยอมรับ เนื่องจากการตายของเจ้าอาวาส ธีระจึงมุ่งมั่นคิดแก้แค้น กลัวว่าเธอจะไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าเธอต้องการมาคุยกับภวินท์ทำไม
เธอประสานมือเข้าด้วยกัน เลื่อนสายตาขึ้นมองภวินท์แล้วถามว่า “คิดวิธีได้ไหม”
ภวินท์พูดเสียงนิ่งๆ “คนๆ หนึ่งคิดจะทำอะไรล้วนขึ้นอยู่กับการควบคุมของตัวเอง เราจะคิดหาวิธีขจัดความแค้นในใจเขาได้ยังไง”
เมื่อได้ยินที่เขาพูดแบบนี้ ญาธิดาก็รู้สึกใจหาย เธอสูดหายใจเข้าลึก กัดริมฝีปากและพูดว่า “ฉันอยากพบเขา ได้ไหม”
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอและตอบตกลง “อืม เมื่อถึงเวลาก็ติดต่อพยัคฆ์แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ สายตาของเขาไม่ได้ขยับไปไหน สีหน้าดูซับซ้อนเล็กน้อย เขาขยับริมฝีปากกำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และเสียงผู้ช่วยก็ดังตามมา “คุณภวินท์คะ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัทลูกมาแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ญาธิดามองภวินท์ทันทีและพูดว่า “งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
ดวงตาของภวินท์หรี่ลงทันใด
ดูเหมือนว่าแค่ตอนที่เธอมีเรื่องเท่านั้นถึงจะมาหาเขาด้วยความสมัครใจ
ไม่นาน นัยน์ตาที่พร่ามัวของเขาพลันเป็นประกายแวบหนึ่งและหายไป สีหน้ากลับคืนสู่ปกติ พอดีกับที่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเข้ามา ดวงตาของภวินท์จับจ้องที่ตัวเขาเขม็ง “คุณชัย เชิญนั่ง”
ธนชัยถูกเขามองแบบนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานด้วยความประหม่า เขาฝืนยิ้มและพูดว่า “สวัสดีครับคุณภวินท์ สบายดีนะครับ”
ภวินท์ชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันไปดูรายละเอียดบัญชีในมือ “ผมไม่ค่อยสบายหรอก แต่ผมได้ยินมาว่า ชีวิตในแต่ละวันของคุณชัยสบายดีมาก…”
ธนชัยตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ แต่หน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมาแล้ว
“ผมยังได้ยินด้วยว่าคุณชัยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับรองประธานกรุ๊ปภูผา”
“เปล่า…เปล่านะครับ” ธนชัยส่ายหน้าซ้ำๆ และปฏิเสธ “แค่เคยเจอไม่กี่ครั้งครับ”
ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก เอนหลังพิงพลางหรี่ตามองเขา “งั้นคุณจะบอกว่า คุณเคยเจอเขามาหลายครั้งแล้ว”
SUNSEAเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ในเครือของSTN Group ธุรกิจในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก ทุกปีทางกรุ๊ปต้องสงเคราะห์ช่วยเหลือ แต่ในระหว่างที่เขาไม่ได้ดำรงตำแหน่ง SUNSEAกลับได้รับการอนุมัติเงินทุนพิเศษจากกรุ๊ปหลายครั้ง และทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับภูผา
เมื่อมีความผิดปกติย่อมมีสิ่งแอบแฝงค่ะ ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ต้องตรวจสอบให้ละเอียดตั้งแต่หัวยันหาง!
ช่วงนี้เขากำลังคลำทางตามเบาะแสเพื่อเคลียร์บริษัทตัวเอง เอาทุกคนที่ภูผาจัดเข้ามาออกไป และอดทนหาว่าเงินแต่ละจำนวนที่เขาอนุมัตินั้นไปที่ไหนบ้าง นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการได้เห็นแผนภายในใจของภูผาได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นเขาจึงต้องทำแต่ละอย่างด้วยตัวเอง ตรวจสอบอย่างรอบคอบ
ในเวลาเดียวกัน ญาธิดากำลังเดินรอบๆ ชั้นของสถานที่ตั้งห้องทำงานประธาน เมื่อ 6 ปีก่อน เธอทำงานที่นี่ ตอนนี้ได้มาเห็นภาพที่ทำให้นึกถึงอดีต เป็นธรรมดาที่จะนึกถึงช่วงเวลาเมื่อ 6 ปีก่อน เดินวนไปตามทาง ทางเดินที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว
ในบริษัทมีหน้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามามากมาย เธอเดินเข้าไป ไม่มีใครรู้จักเธอ แต่เธอรู้สึกผ่อนคลาย
เธอเดินไปยังชั้นพื้นที่พักผ่อนของพนักงาน ในนั้นเหมือนเดิมกับเมื่อก่อน ด้านในมีโต๊ะและโซฟา ด้านนอกเป็นระเบียง เพียงแต่ได้รับการปรับปรุงใหม่และดูสว่างขึ้น
เธอหาที่นั่งแล้วนั่งลง ความทรงจำในอดีตซัดสาดราวกับคลื่น ตอนนี้เอง มีเสียงกระซิบกระซาบดึงกลับมาจากภวังค์ความคิด
“ฉันขอบอกเธอนะว่าควรลาออกไปโดยเร็วที่สุด ดูอย่างแววในแผนกการตลาดคนนั้นสิ พอหาที่ทำงานใหม่ได้ก็ไปทันที เธอซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งของตัวเอง แล้วเธอคิดว่าผู้บริหารข้างบนจะมองเห็นเหรอ”
น้ำเสียงอ่อนแอของผู้หญิงอีกคนดังขึ้น “แต่ฉันอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา…”
“เธอจะเข้าใจอะไร เธอดูสิว่าตอนนี้บริษัทเป็นยังไง ทุกคนกำลังทำงานไปพลางมองหาที่หมายใหม่ไปพลาง แต่เธอยังโง่ยึดติดกับตำแหน่งของตัวเอง ทำงานเปลืองแรงแต่ไม่ได้ดี อีกอย่างเธอดูสภาพของคุณภวินท์ในตอนนี้สิ ขาเดี้ยงหมดแล้วจะนำพาบริษัทขึ้นไปสู่จุดสูงสุดยังไง!”
“พี่ปิ่นพูดแบบนี้ไม่ได้ คุณภวินท์ของเรายังมีความสามารถมาก อีกอย่างขาของเขาก็ใช่ว่าจะหายดีไม่ได้…”
“เธอจะรู้อะไรล่ะ!” หญิงสาวที่พูดเมื่อครู่ขัดจังหวะคำพูดของเธอ “เกรงว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ ภายในบริษัทมีข่าวกระจายไปทั่วแล้วว่าขาของคุณภวินท์ใช้การไม่ได้อีกแล้ว เธอดูตอนนี้สิทุกคนในบริษัทไม่มีความกระตือรือร้นกันเลย ใครยังจะอยากทำอีกล่ะ”
“แต่…”
“แต่อะไร ฉันเห็นเธอเหมือนน้องสาวถึงได้พูดแบบนี้ ตอนนี้ทางฉันมีคนจากหลายบริษัทมาทาบทาม ฉันแนะนำให้เธอคิดให้ดีก่อนยังมีทางเลือกอยู่นะ ไม่อย่างนั้นรอจนบริษัทล้มเหลว ถึงเวลานั้นเธอจะ…”
ฟังพวกเขาพูด ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังทิศทางของเสียง ผู้หญิงสองคนยืนอยู่ตรงระเบียง คนหนึ่งใส่สูทผูกผมหางม้าสูง แต่งตัวเป็นสาวทะมัดทะแมง อีกคนดูท่าทางเรียบร้อยกว่า
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ฝืนแรงกระตุ้นที่จะเดินเข้าไป ในที่สุดก็ลุกขึ้นจากไป
ตอนนี้ตัวเธอมีส่วนร่วมอะไรกับเรื่องของSTN Group แต่เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงภวินท์แบบนั้น ใจเธอก็รู้สึกติดขัดราวกับกำลังกลั้นหายใจ มันอึดอัดมาก
ญาธิดาออกจากSTN Groupอย่างคนไร้วิญญาณ ระหว่างทางกลับบ้าน อารมณ์ของเธอหดหู่อย่างอธิบายไม่ถูก
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เกรงว่าภวินท์คงจะไม่ถูกหลอกให้ตกลงไปในหลุมกับดักที่วัดเขาราม จะว่าไปแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบอย่างมากของเธอ หรืออาจพูดได้ว่าภูผากับสิงโตเป็นสาเหตุทางตรงของการบาดเจ็บที่ขาของภวินท์ และเธอเป็นสาเหตุทางอ้อม
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด ความรู้สึกนี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์พืชที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจเธอ มันค่อยๆ หยั่งรากและแตกหน่อช้าๆ
บุญคุณนี้ เป็นสิ่งที่เธอติดหนี้ภวินท์ สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว เธอต้องชดใช้
วันต่อมา ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้น ญาธิดาก็ลุกจากเตียงแล้ว เธออาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินย่องไปที่ห้องนอนของเณรศีล และปลุกเขาเสียงเบา
เณรศีลมองเธอด้วยตาพร่ามัว เอ่ยถามอย่างงัวเงีย “คุณน้า…มีอะไรเหรอครับ”
ญาธิดาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเขาและกระซิบ “ลุกขึ้นเถอะจ้ะ วันนี้จะพาเธอไปเจอท่านธีระ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เณรศีลดวงตาเบิกกว้างทันใด กระตือรือร้นลุกขึ้นนั่งบนเตียง “ท่านธีระเหรอครับ”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างจริงจัง ลูบศีรษะเล็กของเขา “รีบไปอาบน้ำเร็ว”
เด็กน้อยกระโดดลงจากเตียงทันที ออกไปที่ห้องน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมื่อเห็นท่าทางกระฉับกระเฉงของเขา ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก
เมื่อวานเธอคิดดูแล้ว ไม่ว่าธีระจะเห็นด้วยหรือไม่ วันนี้เธอต้องพยายามไปลองดู การพาเณรศีลไปด้วยมีความเป็นไปได้สูงที่จะสำเร็จ