ดวงใจภวินท์ - บทที่ 630 ฝันร้ายกำลังจะเริ่ม
บทที่ 630 ฝันร้ายกำลังจะเริ่ม
เมื่อถูกชายหนุ่มลากออกไปนอกห้อง เกล้าแก้วดิ้นรนไม่ยอมเดิน
ความกลัวแบบนี้เกิดขึ้นจากภายในจิตใจ เหมือนเถาวัลย์ที่แผ่ขยายไปทุกส่วนกระดูก ไม่มีส่วนไหนเป็นของตัวเอง
เธอรู้จักนิสัยของภูผาดี พูดจริงทำจริงไม่มีทางสะเพร่า ถ้าเขาพาเธอไปโรงพยาบาลวันนี้จริงๆ เธอก็คงจะหนีไม่พ้น 100%
แสดงว่าความลับนี้ไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้เหรอ เธอยังคิดหาวิธีกำจัดเด็กคนนี้ไม่ได้เลย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาจับได้
เมื่อเห็นว่าถูกดึงไปที่บันได เกล้าแก้วก็ส่ายหน้าอย่างรุนแรง ทุกเซลล์ในร่างกายของเธอล้วนขัดขืน เธอใช้กำลังที่มีน้อยนิดต่อต้านเขา “ฉันไม่ไป…ฉันไม่อยากไป…”
“ทำไมคุณไม่ไป”
ภูผาหยุดเดินกะทันหัน ผลักเธอไปติดผนัง ยกมือขึ้นจับคอของเธอ สีหน้ามืดมนจนน่าสะพรึงกลัว “เกล้าแก้ว เธอกลัวเหรอ! เธอกลัวว่าฉันจะรู้อะไรใช่ไหม!”
เสียงของชายหนุ่มทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว หลับตาลงน้ำตาไหลออกมา
จนถึงตอนนี้ ความพยายามและการต่อต้านของเธอล้วนไร้ความหมาย เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง แต่เธอไม่อยากยอมรับ ยืนกรานดื้อรั้นจนหยดสุดท้าย
ร่างกายเกล้าแก้วที่พิงกำแพงค่อยๆ ไถลลงมา ในที่สุดก็ทรุดตัวเป็นลูกบอล ซบหน้าลงระหว่างเข่า
“ได้ ในเมื่อเธอไม่ยอมไป ฉันจะเรียกคนมาตรวจ”
ภูผาพูดแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที ต่อสายโทรออก ไม่นาน สิบนาทีต่อมาชายคนหนึ่งก็เดินมาที่ประตู
นั่นคือหมอประจำครอบครัวของภูผา เขาเคยมาที่นี่หลายครั้งก่อนหน้านี้เพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้เกล้าแก้ว นับว่าคุ้นหน้า ไม่รอให้เกล้าแก้วต่อต้าน ภูผาก็เรียกคนใช้สองสามคนในบ้านมาจับแขนขาเธอไว้ ให้หมอประจำครอบครัวบังคับเจาะเลือด
เมื่อมองหลอดที่มีของเหลวสีแดงสด ดวงตาของเกล้าแก้วก็เผยความสิ้นหวัง
นั่นคือหมอประจำครอบครัวของภูผา เขาเคยมาที่นี่หลายครั้งก่อนหน้านี้เพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้เกล้าแก้ว นับว่าคุ้นหน้า ไม่รอให้เกล้าแก้วต่อต้าน ภูผาก็เรียกคนใช้สองสามคนในบ้านมาจับแขนขาเธอไว้ ให้หมอประจำครอบครัวบังคับเจาะเลือด
คราวนี้ ไม่ว่ากรณีใดๆ เธอก็หนีไม่พ้น
เมื่อเกิดเสียงกระแทกประตูปิดดังขึ้น ห้องก็เงียบลง เกล้าแก้วนอนอยู่บนเตียง หอบหายใจ น้ำตาไหลจากหางตากลิ้งลงจนถึงใบหู
การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาการตั้งครรภ์นั้นแม่นยำกว่าการทดสอบด้วยอุปกรณ์ที่ตรวจครรภ์ และไม่มีทางปลอมแปลงได้ ต่อให้ทำได้ เธอก็ไม่มีโอกาส
เว้นแต่ภูผาจะไม่ต้องการลูกคนนี้ ไม่อย่างนั้น ฝันร้ายของเธอจะเริ่มต้นจากตรงนี้ไป
ที่ประตูวิลล่า ภูผากำลังยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับฟังคำพูดของหมอประจำครอบครัว
“ผมจะส่งตัวอย่างเลือดกลับไปตรวจที่ห้องแล็ป จะได้ผลลัพธ์ภายในครึ่งชั่วโมงครับ”
ภูผาพูดเนิบช้า “โอเคครับ รบกวนด้วย”
มองดูหมอจากไป สีหน้าของเขายิ่งขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมเกล้าแก้วไม่อยากให้เขารู้เรื่องการตั้งครรภ์ เธอต้องการเก็บไว้หรือต้องการทำแท้งกันแน่
ไม่ทันที่เขาจะคิดได้ชัดเจน ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาทางข้างหลัง ครามเดินเข้ามากระซิบเตือน “นายท่าน สายแล้วครับ ควรออกไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณอัยดาจะต้องรอพวกเรา”
ได้ยินคำว่าคุณอัยดา ภูผาถึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาขจัดความมืดมนในดวงตาออกไป จากนั้นหันหลังเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกเดินทาง”
วันนี้เป็นวันสำคัญ วันสำคัญของเขากับอัยดาหลังจากตามจีบคุณหนูตระกูลทิวะศิริมาอย่างยาวนาน ในที่สุดตอนนี้ทั้งสองก็คบกันแล้ว นี่เป็นเดทแรกของพวกเขาหลังจากคบกัน สำคัญมาก สำคัญอย่างยิ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ดันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำให้เขาไขว้เขวอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า กลายเป็นลุคคุณผู้ชายที่ดูถ่อมตน ก่อนออกไป เขาสีหน้าเย็นชาสั่งป้าที่ดูแลเกล้าแก้ว “ดูแลเธอให้ดี”
ป้ารู้ว่าตัวเองบกพร่องต่อหน้าที่ คราวนี้ไม่กล้าละเลยเลินเล่ออีก จึงพยักหน้าซ้ำๆ “ค่ะ คุณผู้ชาย ฉันจะดูแลเธออย่างดีแน่นอนค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ภูผาก็เหลือบมองเธอก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วออกไป
ป้ายืนอยู่บนบันได มองดูรถจากไปด้วยความเคารพ
เห็นรถแล่นออกไปแล้ว เธอถึงได้หันหลังกลับเข้าบ้าน โดยไม่สังเกตเลยว่ามีบางอย่างตกลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง
เกล้าแก้วกำลังหมอบอยู่บนรั้วระเบียงและก้มมองลงไป กัดฟันโดยที่ในใจยังลังเลอยู่เล็กน้อย สูงขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ระวัง ไม่กระโดดลงบนผ้านวม เธอต้องพิการแน่นอน
แต่เธอไม่มีทางให้ถอยแล้ว ตอนนี้ภูผาออกไปข้างนอก เธอต้องหนีไปจากบ้านหลังนี้ ไม่อย่างนั้นหากเขากลับมา เธอจะยิ่งไม่มีโอกาส
เมื่อคิดอย่างนี้ เธอกัดฟัน ค่อยๆ ปีนขึ้นไปที่ขอบหน้าต่าง สูดหายใจเข้าลึกระบายอารมณ์ เตรียมกระโดดลงไป
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็เกิดเสียงหมุนลูกบิดประตูจากด้านนอก ตามมาด้วยเสียงของป้า “คุณแก้ว คุณล็อคประตูทำไมคะ รีบเปิดเร็วเข้า!”
เกล้าแก้วกัดฟันหลับตาและกระโดดออกไป
จากนั้นก็เกิดเสียงดัง “ตึง!” เธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองล้มลงแรงมาก เจ็บปวดเนื้อตัวอยู่ครู่หนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะไอหลายครั้งจนตัวโยน
แต่ยังดีที่เธอกระโดดลงบนผ้าห่มพอดี นอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
เธอเลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกล ไม่สนใจความเจ็บปวดทางร่างกาย พยายามฝืนลุกขึ้นและรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
เธอรีบวิ่งไปถึงประตูเหล็ก รีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป
เมื่อเหยียบพื้นดินนอกวิลล่า วินาทีนั้นเธอตื่นเต้นและมีความสุข ทั้งกายถูกห่อหุ้มด้วยอิสระ แต่เพิ่งวิ่งไปไม่กี่ก้าว เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังจากภายในวิลล่า “เธออยู่นั่นไง! วิ่งออกไปแล้ว!”
ทันใดนั้น ความตึงเครียดเกิดขึ้นมาฉับพลัน เธอไม่กล้าหยุด ไม่กล้าหันศีรษะไป วิ่งก้าวกว้างตรงไปข้างหน้า ไม่กล้าผ่อนแม้วินาทีเดียว
ไม่นานก็มีเสียงเรียกไล่หลังมา เกล้าแก้วมองไปรอบๆ เพื่อหาที่ซ่อน แต่บริเวณวิลล่าว่างเปล่าไปทุกที่ยกเว้นความเขียวขจี ตอนนั้นเอง เธอเห็นป้อมยามตรงปากประตู
เธอรีบวิ่งไปดู ในป้อมยอมไม่มีใครอยู่ เธอไม่คิดไตร่ตรองอะไร เดินตรงเข้าไปเลย
จากกล้องวงจรปิด เธอสามารถเห็นคนพวกนั้นที่วิ่งมาทางนี้อย่างชัดเจน หากเวลานี้เธอวิ่งออกไปอีกครั้ง มีแต่จะถูกจับได้เท่านั้น
เธอจะทำยังไงดี ควรทำยังไง!
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็มองเห็นโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าๆ บนโต๊ะ เธอคว้ามันมายัดเข้าไปในเสื้อทันทีโดยไม่ต้องคิด
ตอนนี้เวลานี้ เธอเห็นคนเหล่านั้นวิ่งเข้ามาแล้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เธอกัดฟัน หยิบแบงค์จำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋ามาวางลงบนโต๊ะ
หากถูกจับได้ สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือเครื่องมือสื่อสารที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้
แน่นอนว่าเธอหนีไม่พ้น และโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้คือความหวังสุดท้ายของเธอ
คนใช้หลายคนวิ่งหอบหายใจมาที่ประตูป้อมยามเพื่อปิดกั้นเธอ
ดวงตาของเกล้าแก้วกวาดมองพวกเขาอย่างเย็นชา ไม่มีการดิ้นรนหรือพูดอะไร แค่ยินยอมให้พวกเขาพาตัวเองกลับไป
ป้ายืนเฝ้าหน้าประตู หน้าตาเหยเกไปหมด เมื่อเห็นเกล้าแก้วถูกจับกลับมา ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ถ้าวันนี้ปล่อยให้เธอหนีไปได้จริงๆ เกรงว่าตนต้องจบเห่แน่นอน
ป้ามองเธอพลางถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทำไมคุณแก้วต้องทำแบบนี้”
เกล้าแก้วไม่ตอบ ก้มหน้าลง ปล่อยให้พวกเขาขังเธอไว้ในห้อง
เธอนอนอยู่บนเตียง ไม่ได้รีบแตะโทรศัพท์มือถือ แต่ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างใจเย็น
ภูผารู้ว่าเธออาเจียนในตอนเช้า และรู้ว่าเธอไม่ทานเนื้อสัตว์ นั่นก็หมายความว่า ห้องนี้มีกล้องวงจรปิด!
เมื่อรู้ในจุดนี้ เธอก็ขนลุกชันไปทั้งตัว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่น่ารังเกียจและน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้!