ดวงใจภวินท์ - บทที่ 631 ขอความช่วยเหลือจากญาธิดา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้ที่อยู่และการกระทำของเธอทั้งหมด ที่แท้เขาเฝ้าดูเธออยู่ตลอดเวลา!
เกล้าแก้วอารมณ์เสียไปพร้อมกับแอบดีใจ โชคดีที่เธอไม่ได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมาออกมาทันทีที่เธอกลับมา ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จบ
หลังจากนอนไปสักพัก เธอลุกขึ้นช้าๆ หยิบผ้าห่มผืนใหม่ออกจากตู้เสื้อผ้ามาปูลงบนเตียงแล้วมุดเข้าไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้ค่อยๆ หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า
มันเป็นโทรศัพท์มือถือที่เก่ามาก แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ
ขั้นแรกเธอทำการเพิ่มผู้ติดต่อทั้งหมดที่มีอยู่ในโทรศัพท์ลงในบัญชีดำ จากนั้นตั้งค่าโทรศัพท์ให้ปิดเสียงข้อความแจ้งเตือนทั้งหมด แล้วจึงลงชื่อเข้าใช้ ไลน์
มีข้อความปรากฏขึ้นหลายข้อความ ซึ่งล้วนเป็นคำทักทายประจำวันจากพวกเพื่อนสังสรรค์ นอกจากนั้นยังมีข้อความจากแม่ที่ส่งมาให้เธอ ซึ่งทั้งหมดเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอย่างอบอุ่น ถามว่าเธอทานข้าวหรือยัง นอนหลับสบายดีไหม เธออ่านแล้วน้ำตาไหล
หลายปีที่ผ่านมาเธอปลอมตัวต่อหน้าแม่โดยแสร้งทำเป็นว่าเธอทำงานในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ตลอดมา มีชีวิตที่ปราศจากความกังวล ไม่มีปัญหาเรื่องกินดื่ม เมื่อก่อนเธอกับภูผาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เธออยู่ก็ไม่เหมือนอยู่ ตายก็ไม่เหมือนตาย ราวกับอยู่ในนรก
แต่เธอไม่กล้าพูด และยิ่งไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากแม่ เพราะความเจ็บปวดแบบนี้ เธอลิ้มรสมันเองคนเดียวก็พอ ไม่มีทางดึงแม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
เกล้าแก้วขดตัวใต้ผ้าห่ม เช็ดน้ำตาจากหางตาเงียบๆ แล้วตอบแม่ด้วยข้อความที่ผ่อนคลายและมีความสุข เป็นสไตล์ร่าเริงซึ่งไม่ทำให้เธอกังวลแม้แต่นิดเดียว
หลังจากนั้น เธอค้นหาทั้งไลน์ แต่ไม่พบใครที่สามารถยื่นมือช่วยเหลือเธออย่างฟรีๆ เลยในตอนนี้
คนเดียวที่สามารถเชื่อถือได้น่าจะเป็นญาธิดา แต่ครั้งหนึ่งตนเคยหักหลังเธอ แล้วเธอจะช่วยตนได้อย่างไร
เกล้าแก้วดิ้นรนมากและเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง เธอเคยตัดเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของตัวเอง เคยคิดจริงๆ ว่าภูผาเป็นผู้คุ้มกันและเส้นทางหลบหนีของเธอ แต่ความเป็นจริงในตอนนี้มาตบหน้าเธอเร็วมาก เป็นครั้งแรกที่เธอตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่าความสิ้นหวังอย่างที่สุด
เมื่อคนข้างกายที่น่าเชื่อถือที่สุดกลายเป็นปีศาจ เธอจึงได้สัมผัสประสบการณ์ที่เรียกว่านรกเป็นครั้งแรก
กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าภูผาจะกลับมาเมื่อไร แต่ทันทีที่เขากลับมา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเธอไม่อาจคาดเดาได้เลย
บางทีเขาอาจจะเอาเธอเข้าไปขังไว้ในห้องเล็กอันมืดมิดนั่นอีกครั้ง ใส่กุญแจมือและล่ามโซ่ที่ข้อเท้า ไม่ให้เธอได้เห็นแสงสว่างภายนอกอีกต่อไป
ดังนั้นเธอจึงต้องเตรียมแผนรับมือต่อสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ต้องขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอกก่อนที่ภูผาจะกลับมา
หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว ในที่สุดเธอก็คลิกที่กล่องโต้ตอบของญาธิดา และส่งข้อความด้วยนิ้วที่สั่นเทา
รออยู่สักพัก ทางนั้นไม่มีการตอบใดๆ เกล้าแก้วเริ่มตื่นตระหนก เธอสูดหายใจเข้าลึก พิมพ์บอกสถานการณ์ที่เธออยู่ในปัจจุบันเป็นข้อความยาวเหยียดแล้วส่งอีกครั้ง
คราวนี้ ไลน์ถึงได้มีการตอบกลับ
ญาธิดาตอบกลับอย่างเย็นชา “เกล้าแก้ว ฉันปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อน แล้วเธอล่ะ เธอหลอกฉันครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ครั้งนี้ฉันจะไม่มีทางหลงกลอีก”
เมื่อเห็นถ้อยคำเหล่านั้น เกล้าแก้วก็รู้สึกสิ้นหวังมาก เธอตัวสั่นไปหมด หลังจากคิดทบทวนแล้วจึงโทรผ่านวิดีโอคอล
หลังจากที่ดังอยู่นาน ในที่สุดก็มีคนรับ เกล้าแก้วไม่กล้าส่งเสียง ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าเปิดเสียงวิดีโอให้ดัง เพราะเธอรู้ดีว่ามีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ทันทีที่เธอเปิดเสียงทุกอย่างก็จะเปิดเผย
เมื่อญาธิดาที่อยู่ในวิดิโออีกฝั่งจู่ๆ เห็นผู้หญิงที่ปรากฏตัวบนหน้าจอก็อดตกใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเกล้าแก้วในตอนนี้เวลานี้อยู่ที่ไหน มันมืดไปหมด มีเพียงแสงสลัวของโทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่สามารถส่องแก้มของเธอได้อย่างชัดเจน โหนกแก้มของเธอนูนออก ข้างแก้มตอบลง ผอมมากจนแทบจำไม่ได้ ใบหน้าของเธอซีดและกร้าน ไม่มีการแต่งหน้า ดวงตาทั้งแดงทั้งบวมมาก สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือนัยน์ตาของเธอมีแต่ความหวาดกลัวและความวิตกกังวลขั้นรุนแรง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสแสร้งแกล้งทำได้ เป็นสภาวะที่คนเราจะแสดงออกมาหลังจากถูกทรมานซึ่งไร้มนุษยธรรมและความหวาดกลัวจากภายในขั้นรุนแรงเท่านั้น
ญาธิดาขมวดคิ้วพลางถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
เห็นแค่เกล้าแก้วที่อยู่อีกฝั่งส่ายหน้า ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ดูเหมือนเธอจะเอาโทรศัพท์มือถือมาคลิกบางอย่างบนหน้าจอ ไม่นานทางเธอก็ได้รับข้อความที่เกล้าแก้วส่งมา
“ฉันพูดไม่ได้ มีกล้องวงจรปิด”
ทันใดนั้น หัวใจของญาธิดาก็บีบรัดขึ้นทันใด เธอสูดหายใจเข้าลึก ปิดปากอย่างชาญฉลาด และส่งข้อความหาเธอว่า “เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”
“ฉันถูกภูผากักขังและตั้งครรภ์ลูกของเขา เขาตัดขาดฉันออกจากโลกภายนอก ฉันหนีออกไปไม่ได้…”
ญาธิดาอ่านข้อความยาวๆ ที่เกล้าแก้วส่งมา แล้วดูภาพที่แสดงบนหน้าจออีกครั้ง ร่างกายของเธอพลันรู้สึกหนาวเย็น
แม้เธอรู้ดีว่าเกล้าแก้วบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้แก่เธอโดยสรุปทั้งหมดให้เข้าใจง่ายแล้ว แต่ก็ยังทำให้เธอรู้สึกผวาและหนาวเย็นอย่างสุดซึ้งอยู่ดี
ผู้ชายแบบไหนที่สามารถทำพฤติกรรมที่ผิดปกติเช่นนี้ได้ แล้วเกล้าแก้วต้องทุกข์ทรมานกับความผิดมนุษย์มนาขนาดไหน ถึงได้กลายเป็นมีสภาพอย่างในตอนนี้
เธอไม่กล้าคิดลึก แต่ในหัวใจกลับมีเสียงหนึ่ง เรียกร้องอยู่ตลอดว่าตนต้องช่วยเธอ แม้ว่าเธอจะเคยหักหลังตนก็ตาม!
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าเกล้าแก้วได้ยินเสียงอะไร ตัวสั่นเทา ใบหน้าเผยความหวาดกลัว เธอรีบวางสายแล้วส่งข้อความหาเธอว่า “เหมือนว่าเขาจะกลับมาแล้ว”
ญาธิดากำโทรศัพท์แน่น ตัวแข็งทื่อ ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี สิ่งเดียวที่แน่นอนคือตนต้องไม่ติดต่อไปหาเกล้าแก้ว ไม่เช่นนั้นเธออาจถูกจับได้ แบบนี้จะยิ่งไม่มีโอกาส
ในเวลาเดียวกัน เกล้าแก้วที่อยู่บนเตียงรีบส่งข้อความอย่างรวดเร็ว ปิดโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง แล้วยัดมันเข้าไปในเสื้อ ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง มองไปรอบๆ สุดท้ายเดินไปที่ระเบียงเล็ก มองสำรวจข้างนอก…
แน่นอนว่ารถของภูผาจอดนิ่งสนิทอยู่ในสนาม ส่วนคนคงขึ้นมาแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึก โน้มตัวลงแกล้งทำเป็นเล่นกับดอกไม้ใบหญ้า เอาโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระถางดอกไม้อย่างระมัดระวัง จากนั้นกลับเข้าห้องไปนั่งลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอการมาของคลื่นพายุใหญ่
เป็นอย่างที่คาด ผ่านไม่นาน พลันมีเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังขึ้นนอกประตู จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ร่างของภูผาปรากฏตรงหน้าประตู
เขาก้าวกว้างเดินเข้าหาเธอ ดวงตาเจือความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ ลึกล้ำเย็นชา ทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ
เขาเดินมาตรงหน้าเธอ กระแทกวางใบรับรองการทดสอบในมือลงบนโต๊ะโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และพูดด้วยเสียงหนัก “เธอกำลังตั้งครรภ์!”
เกล้าแก้วมองเขาอย่างว่างเปล่าและนิ่งเงียบ
ภูผายิ่งโกรธมากขึ้น เขายื่นมือไปบีบคางเธอ ให้เธอมองมาที่เขา “เธอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้วทำไมต้องปิดบัง!”
เกล้าแก้วขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงเงียบ
ภูผากัดฟันถามว่า “เธอพูดมา เด็กคนนี้ เธอต้องการหรือไม่ต้องการ”