ดวงใจภวินท์ - บทที่ 633 ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้แข็ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เกล้าแก้วนั่งรถพยาบาลไปที่โรงพยาบาล ป้าอยู่ข้างๆ คอยเฝ้าดูหมอตรวจร่างกายเร่งด่วนให้เธอด้วยความไม่สบายใจ
รถมาจอดที่ประตูฉุกเฉินของโรงพยาบาล จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข็นรถพาเกล้าแก้วไป ป้ารีบก้าวเดินตามหลัง เห็นเธอถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินแล้วถึงได้สติ รีบเอามือถือออกมาโทรหาภูผา
ตอนนั้นเอง จู่ๆ เงาดำก็โผล่มาข้างหลังเธอ ชายคนนั้นฉวยโอกาสโดยที่เธอไม่ทันสังเกต ใช้สันมือฟันเข้าหลังคอของเธอ ป้าทรุดตัวหมดสติลงไปทันที
ชายคนนั้นรีบลากเธอไปนอนบนม้านั่งด้านข้าง แล้วฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของเธอไป
หลังจากทำทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็ว เขารีบเดินผ่านทางเดินทอดยาวไปยังประตูห้องพักคนไข้ แล้วเปิดประตูเดินเข้าไป
ทันทีที่เปิดประตู พยัคฆ์เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังเขา และถามด้วยเสียงเบา “จัดการเป็นยังไงบ้าง”
ชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ญาธิดาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็กังวลกับสถานการณ์ของทางเกล้าแก้ว
เหมือนจะมองความคิดในใจของเธอออก พยัคฆ์จึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่สาว อย่าห่วงเลย ปกป้องจะทำอย่างรอบคอบที่สุด ต้องพาคุณเกล้าแก้วกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนครับ”
ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงดังมาจากประตู หลังจากเคาะสามครั้ง ประตูก็ถูกเปิดออก ปกป้องพาเกล้าแก้วเดินเข้ามา
ทันใดนั้น ใบหน้าที่มีแต่ความกังวลของญาธิดาก็เผยความดีใจขึ้นมาทันที เธอเดินเข้าไปต้อนรับเกล้าแก้ว ขยับริมฝีปากต้องการจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ตอนนั้นเอง จู่ๆ เกล้าแก้วก็ก้าวเข้ามา เอื้อมมือไปกอดเธอด้วยความขอบคุณ น้ำตาคลอเบ้า น้ำเสียงสั่นเครือ “ขอบคุณนะธิดา!”
ตอนนี้เวลานี้ ไม่มีคำพูดใดจะแสดงความขอบคุณจากหัวใจของเธอได้เลย
ญาธิดาอึ้งกับอ้อมกอดที่กะทันหันของเกล้าแก้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะค่อยๆ เริ่มพูด “เอาล่ะ พักผ่อนก่อนสักหน่อย เดี๋ยวเราค่อยไปกัน ที่นี่อยู่นานไม่ได้”
เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนี้ เกล้าแก้วจึงระงับอารมณ์ ปรับสภาพแล้วปล่อยเธอ ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “เธอพูดถูก กลัวว่าภูผาจะพบเข้า”
ญาธิดาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นไปมองพยัคฆ์ทันที “รถข้างนอกพร้อมหรือยัง”
พยัคฆ์พยักหน้า “พร้อมหมดแล้วครับ”
“โอเค ตอนนี้พวกเธอออกไปรอหน้าประตูสักครู่ ฉันจะให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ครับ”
พยัคฆ์และชายอีกสองคนตอบพร้อมกัน จากนั้นรีบถอยออกจากห้องและปิดประตูตามหลัง
ญาธิดาเปิดกระเป๋าข้างเธอทันที หยิบเสื้อผ้าและรองเท้าสีดำออกมายื่นให้เกล้าแก้ว “นี่เป็นเสื้อผ้าของฉัน เธอเปลี่ยนใส่ก่อน เพื่อไม่ให้ดูเด่นเกินไป ต่อให้ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพก็จำแนกความแตกต่างไม่ได้”
เกล้าแก้วพยักหน้ารีบรับเสื้อผ้ามาเปลี่ยน
เธอเพิ่งสวมกางเกงและกำลังจะสวมรองเท้า แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก พยัคฆ์จงใจพูดขึ้นเสียงว่า “พวกคุณเข้าไปไม่ได้! พี่สาวของผมยังอยู่ข้างใน”
ญาธิดาที่อยู่ข้างในตัวแข็งทื่อทันที รีบเลื่อนสายตาไปสบกับเกล้าแก้ว ทั้งคู่ต่างตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
เสียงของชายที่ไม่คุ้นอีกคนดังขึ้น “เราจะเข้าไปค้นหา ถ้าไม่มีคนที่เรากำลังตามหา เราก็จะไป!”
พยัคฆ์ยืนกรานหนักแน่น “ไม่ได้ คุณคิดว่านี่เป็นบ้านของพวกคุณเหรอ อยากค้นก็ค้นตามใจชอบ ถ้ารบกวนการพักฟื้นของพี่สาวผมจะทำยังไง”
ญาธิดาใจสั่นอย่างรุนแรง ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบมองเกล้าแก้วแล้วกระซิบว่า “ซ่อนตัวก่อน!”
เกล้าแก้วพยักหน้า มองไปรอบๆ จนในที่สุดก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง
เวลานี้ เสียงรบกวนภายนอกเริ่มดังขึ้นพอสมควร
พยัคฆ์พูดเสียงดัง “อย่าถือว่าพวกคุณมีพวกมากนะ ที่นี่คือโรงพยาบาล ถ้าพวกคุณกล้าก้าวเข้าไปผมจะแจ้งตำรวจ!”
“แจ้งตำรวจเหรอ เอาสิ! พวกเราก็สงสัยว่าพวกคุณซ่อนคนของเรา! พวกคุณไม่กล้าให้พวกเราค้นหาเพราะร้อนตัว!”
“……”
ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมา ยิ่งทะเลาะก็ยิ่งวุ่นวาย ดูเหมือนจะลงมือกันได้ทุกเมื่อ ญาธิดาขมวดคิ้ว สูดหายใจเข้าลึก ถอดรองเท้าออกแล้วนอนลงบนเตียงโรงพยาบาลทันที กลั้นหายใจฟังการเคลื่อนไหวภายนอก
เวลานี้ จู่ๆ ประตูก็แง้มออก พยัคฆ์เข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นปิดประตูล็อคทันที แล้วรีบเดินไปพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างเตียง “เกิดเรื่องแล้วพี่ธิดา เราไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าคนของภูผาจะเข้ามาค้นหาเร็วขนาดนี้…”
ญาธิดาค่อนข้างเครียด “ข้างนอกมีกี่คน”
“เจ็ดแปดคน ถ้าลงมือจริง เราสามคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ญาธิดาจึงพูดอย่างหนักแน่น “หากพวกเขาเข้ามาค้นหาจริงๆ เกรงว่าคงซ่อนไม่ได้ เพราะงั้นต้องขวางพวกเขาไว้ข้างนอก”
พูดอย่างนั้นแล้วจู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ เอื้อมมือไปกดกริ่งที่หัวเตียง
“รอหมอพยาบาลมาน่าจะสามารถช่วยได้”
พยัคฆ์พยักหน้าทันที “โอเค เข้าใจแล้ว ผมจะออกไปเฝ้าไว้”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป ปิดประตูและพูดกับคนข้างนอกว่า “ตอนนี้พี่สาวของผมอาการแย่มาก เดี๋ยวหมอจะเข้ามาตรวจ พวกคุณทุกคนห้ามเข้าไป!”
ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอม และถามเสียงเย็นชา “ห้ามเข้างั้นเหรอ เมื่อครู่มีคนเห็นชัดเจนว่าพวกคุณพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไป ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เราตามหา!”
คนทั้งสองฝ่ายทะเลาะไม่จบไม่สิ้น ไม่นาน แพทย์และพยาบาลก็เร่งรุดเข้ามา เห็นการทะเลาะกันเช่นนี้ก็กลัวว่าทั้งสองฝ่ายจะเริ่มทะเลาะกันจริงๆ จึงรีบไปขวางตรงกลางเพื่อเกลี้ยกล่อม
ทั้งสองฝ่ายยืนกรานในความคิดของตนเอง ฝ่ายหนึ่งยืนกรานที่จะเข้าไปค้นหาในห้องพักผู้ป่วย อีกฝ่ายยืนกรานที่จะไม่เปิดประตู ระหว่างนั้น ที่เกิดเหตุก็มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนพยาบาลแทบห้ามไม่อยู่
พื้นที่ตรงนี้ มีกลุ่มคนก้าวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ที่เดินนำหน้าคือภูผา ท่าทางถมึงทึงโกรธเกรี้ยว การปรากฏตัวของเขาทำให้บริเวณนั้นเงียบลงในฉับพลัน
สายตาของทุกคนหันมาที่เขา แต่ภูผาเลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังพยัคฆ์ และถามเน้นทีละคำ “ใครอยู่ข้างใน”
พยัคฆ์ก็ไม่มีเกรงกลัว มองเขาพร้อมกับพูดว่า “คุณญาธิดา!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและสั่งอย่างเย็นชา “เปิดประตู คนของฉันก็อยู่ข้างใน”
พยัคฆ์ปฏิเสธกลับไป “ขออภัย คุณภูผา ประตูบานนี้เปิดไม่ได้ พี่ธิดาของผมไม่สบาย ถ้าถูกพวกคุณรบกวนแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ความรับผิดชอบนี้ผมรับไม่ไหว”
พยัคฆ์เหมือนจงใจพูดทุกคำทุกประโยคแทงใจภูผา ภูผาสีหน้าขุ่นมัวน่าเกลียดในทันที ดวงตามืดมนล็อคอยู่ที่ตัวเขาอย่างแน่นหนา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อนายไม่ยอมเปิด งั้นก็อย่าโทษที่พวกฉันไม่เกรงใจ”
เวลานี้ พยาบาลและหมอที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่กล้าก้าวไปขวางหน้าเขา ใครจะไม่รู้จักว่านี่คือภูผา ใครจะกล้ายั่วโมโหบุคคลท่านนี้
พยัคฆ์ยืนอยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย “คุณภูผาตั้งใจจะบุกรุกงั้นเหรอ”
ภูผาพูดอย่างเย็นชา “ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้แข็ง”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็หันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง และขยับริมฝีปากออกคำสั่ง
แต่ใครจะรู้ จู่ๆ ก็มีเสียงทรงพลังของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง “ไม้แข็งก็ดี ฉันก็จะเอาให้ตายกันไปข้าง”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทุกคนต่างตกใจ รีบหันกลับไปมอง
ภวินท์นั่งอยู่บนรถเข็น ด้านหลังคือพายุ และข้างหลังพายุเป็นผู้ชายร่างกำยำเป็นสิบคน แต่ละคนเป็นอันธพาลกล้ามโตแข็งแกร่ง
คนเหล่านั้นกระจายออกไปเป็นรูปครึ่งวงกลม ล้อมรอบภูผากับพวกลูกน้องเอาไว้พอดีอย่างแน่นหนา
ภวินท์จ้องเขาอย่างเย็นชา “ถ้าลงมือ เราออกไปข้างนอกโรงพยาบาล เพราะผู้คนที่นี่ยังต้องทำงาน”