ดวงใจภวินท์ - บทที่ 640 คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนทรยศ
บทที่ 640 คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนทรยศ
“พวกแกทำอะไร จะลักพาตัวเหรอ”
ญาธิดามองดูพวกเขาอย่างระแวงระวัง พยายามสลัดให้หลุด แต่ถูกผลักอย่างแรงจนล้มลงบนที่นั่งในรถไปทั้งตัว
จากนั้นประตูรถก็ปิดลงเสียงดัง “ปัง!” เธอไม่ทันที่เธอจะได้รู้ตัว ประตูรถอีกฝั่งก็ถูกดึงเปิดออกแล้ว ภูผานั่งข้างเธอโดยไม่พูดอะไรเลย เพยิดคางส่งสัญญาณสั่งคนขับให้ล็อคประตู
หัวใจของญาธิดาพลุ่งพล่านดั่งไฟแผดเผา เธอเลื่อนสายตาขึ้นมองภูผาและถามอย่างโกรธจัด “นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
ภูผาไม่ตอบ มองเธออย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ญาธิดา อย่ามาใส่อารมณ์กับผมมากนัก! ตอนนี้คุณอยู่ในรถของผม ถ้าผมทำอะไรกับคุณ ยังจะมีใครสามารถช่วยคุณได้”
เมื่อได้ยินการข่มขู่ในน้ำเสียงของเขา ญาธิดาร่างกายเย็นลงฉับพลัน เธอจ้องชายตรงหน้าเขม็ง แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกและมืดมนสุดขั้วหัวใจ
ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป เขาเป็นเสือหน้ายิ้ม แต่กลับมีวิธีการที่แสนโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้เพียงชั่วพริบตา
เธอค่อยๆ กำชายเสื้อแน่น หันมองออกไปนอกหน้าต่าง แสร้งทำเป็นสงบและพูดเน้นทีละคำ “ทัตไปเรียกคนมาแล้ว ถ้าเขารู้ว่าฉันหายไป ต้องแจ้งตำรวจแน่ ภูผา หากนายกล้าทำอะไรฉัน นายคิดว่านายสามารถช่วยตัวเองได้เหรอ”
ตอนแรกเธอคิดว่าคำพูดของเธออาจทำให้ภูผารู้สึกกลัวบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามองมาที่เธอด้วยสีหน้าขบขัน และหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าโดยรอบไม่มีใคร ญาธิดาขมวดคิ้วมองเขา ราวกับกำลังมองคนประหลาดที่มีความผิดปกติทางจิต
เสียงหัวเราะของภูผาค่อยๆ หมดลง เขามองญาธิดา ดวงตาของเขาลึกล้ำเกินหยั่งและหาความหมายไม่ได้ เขาส่ายหน้ากับตัวเองและพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เห็นคุณไร้เดียงสาขนาดนี้ ผมทนไม่ไหวอยากจะบอกความจริงกับคุณแล้ว ดูเหมือนว่าภวินท์กับธีทัตจะปกป้องคุณดีมากนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงโทนแปลกๆ ของเขา ญาธิดาพลันรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอขมวดคิ้วจ้องและถามว่า “นายหมายถึงอะไร”
ภูผาพูดด้วยรอยยิ้ม “หมายถึงอะไรน่ะเหรอ แค่สงสัยว่าผู้ชายทุกคนล้วนชอบผู้หญิงที่โง่แบบคุณหรือเปล่า”
ญาธิดากำหมัดแน่นมองชายตรงหน้าเธอ เธออยากจะเหวี่ยงหมัดออกไปชกเขาสักสองสามที เธอหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธและพูดว่า “ภูผา ฉันไม่มีเวลามาเล่นใบ้คำกับนายนะ ถ้านายไม่พูดก็ปล่อยฉันลง ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดหน้าจอแล้วเตรียมโทรแจ้งตำรวจ
ภูผาสีหน้าเย็นชาลงฉับพลัน ชิงพูดก่อนที่เธอจะกดปุ่มโทรออก “เห็นคนทรยศเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด คุณนี่มันช่างน่าขำจริงๆ”
มือของญาธิดานิ่งไปกะทันหัน เลื่อนสายตาขึ้นมองภูผาโดยไม่มีคำพูด
ภูผาส่งเสียงเยาะ “คุณบอกว่าธีทัตไปเรียกคนมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้เขายังไม่ปรากฏตัวอีกล่ะ”
ประโยคนี้เหมือนอ่างน้ำเย็นสาดรดศีรษะญาธิดา ทำให้เธอตื่นขึ้นในทันที และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
ถ้าพูดกันตามหลัก เวลานี้ธีทัตน่าจะพาคนมาได้แล้ว แต่ทางประตูยังว่างเปล่า แม้แต่เงาของเขาแค่ครึ่งหนึ่งก็ยังมองไม่เห็น
หัวใจของญาธิดาทรุดลงอย่างรุนแรง เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก เธอสูดหายใจเข้าลึก กำลังจะแก้ตัวให้ธีทัต แต่ภูผาที่อยู่ข้างๆ กลับชิงพูดก่อนแล้ว
“ให้ผมตอบนะ ที่เขาไม่มาไม่ใช่เพราะเขาประสบปัญหาอื่น แต่เพราะเขาไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเราได้”
ญาธิดายังไม่ทันได้อ้าปากถาม เขาก็หัวเราะเยาะออกมาเสียก่อน “คนที่คุณรู้จักดี ทำหลายอย่างที่คุณไม่เคยรู้มากมาย ความรู้สึกแบบนี้ น่ากลัวไหม”
ญาธิดาดวงตาขุ่นมัว พูดน้ำเสียงเย็นชา “นาย…อย่ามาพยายามจะยุให้เราแตกกันนะ!”
แม้ว่าการพูดจะแน่วแน่ แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังมีอาการสั่นอยู่เล็กน้อย เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มีลางสังหรณ์ที่ไม่สบายใจแบบนี้อยู่รอบตัวเสมอ
ภูผามองสีหน้าของเธอแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ครั้งนี้ที่จู่ๆ เกล้าแก้วมีเลือดออกมาก คุณคิดว่าผมทำมันได้ยังไง ถ้าไม่มีคนในร่วมมือกับผม เกรงว่าผมก็คงทำไม่ได้หรอก”
ญาธิดายิ้มเยาะ “งั้นความหมายของคุณคือทัตช่วยคุณทำงั้นเหรอ”
ภูผาแบมือออก ไม่มีคำพูด สีหน้ายิ้มเล็กน้อยเป็นสัญญาณยอมรับโดยปริยาย
ญาธิดาส่ายหน้าไม่เชื่ออย่างแน่วแน่ “เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะช่วยคุณทำร้ายเกล้าแก้ว”
ภูผายิ้ม “เพราะผมจับไต๋เขาได้น่ะสิ เพื่อไม่ให้ผมบอกความลับ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ตกลงกับผมเท่านั้น”
ญาธิดายิ้มเยาะ “ไร้สาระ!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ภูผาไม่ได้หงุดหงิดแม้แต่น้อย และพูดอย่างสบายๆ “ญาธิดา ผมถามคุณหน่อย เรื่องการตายของเจ้าอาวาสสถานปฏิบัติธรรมเขารามเป็นเรื่องหนึ่งที่คุณรู้สึกผิดที่สุดในช่วงนี้ใช่ไหม”
คำพูดประโยคนี้ ราวกับหนามทิ่มแทงเข้าส่วนอ่อนนุ่มที่สุดในหัวใจของญาธิดา เธอตัวสั่นในทันใด ร่างกายค่อยๆ หนาวเหน็บ เธอมองชายตรงหน้า ทั้งแค้นทั้งตื่นตระหนก แต่พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ออกจากปากของเขา ความโกรธของเธอก็รุนแรงขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เวลานี้เธอกำลังเสียเปรียบ เกรงว่าเธอคงทนไม่ไหวลงมือใส่เขาไปนานแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอ ภูผาก็ขดยิ้มมุมปากอย่างพอใจ “คุณรู้แค่ว่าผมเป็นคนทำร้ายเจ้าอาวาส แต่เกรงว่าคุณคงไม่รู้ว่าธีทัตมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย!”
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้!”
ญาธิดาส่ายหน้าไม่ยอมรับ ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับธีทัตได้ยังไง เห็นชัดๆ ว่าสองฝ่ายไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันเลย!
ภูผายิ้ม “ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าคุณไร้เดียงสาเหรอ”
“คนทรยศที่พวกคุณพบน่ะเป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น ความจริงคนที่บอกผมว่าคุณไปเขารามคือธีทัต”
ญาธิดาตัวแข็งทื่อในฉับพลัน ราวกับรูปปั้นที่กลายเป็นหินอยู่กับที่ แม้แต่ลมหายใจยังหยุดลง
เธอกำลังดิ้นรนอยู่ภายในจิตใจ เชื่อกับไม่เชื่อเหมือนการทะเลาะกันไม่หยุดระหว่างสองฝ่าย เธอเตือนตัวเองอย่างต่อเนื่องว่าคำพูดของผู้ชายตรงหน้าเชื่อถือไม่ได้ แต่ความสมดุลในจิตใจกลับเอนเอียง
เมื่อเห็นเธอไม่พูดอยู่นาน ภูผาก็หัวเราะเบาๆ หยิบแท็บเล็ตข้างๆ มากดเปิดวิดีโอให้มันเล่น
“เขาไม่เพียงบอกผมว่าคุณอยู่ที่ไหน ยังส่งลูกน้องของเขาไปติดตามพวกคุณด้วย และสุดท้ายก็รายงานให้ผมจนนำพาเราไปสู่การตามหา นี่คือวิดีโอของกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของผม ผมบันทึกไว้เป็นพิเศษ เพื่อบอกความจริงกับคุณ”
แม้ว่าเขาจะหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของเขากลับเหมือนเข็มพิษ แทงเข้าสู่หัวใจของญาธิดา เข็มทิ่มแทงลึก ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่หัวใจ
กล้องวงจรปิดกำลังเล่นอยู่ คนบนหน้าจอเป็นธีทัตจริงอย่างต้องสงสัย เสียงที่ดังออกมาก็เป็นเสียงของเขาจริง ทุกคำพูดของเขาถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันทุกคำพูดก็ทำให้ญาธิดายากจะเชื่อ…
คิดไม่ถึง…ว่าจะเป็นเขาจริงๆ เป็นเขาจริงๆ!
เธอรับไม่ได้ ผลักแท็บเล็ตที่กำลังเล่นวิดีโอออกไปโดยไม่รู้ตัว เปลือกตาเริ่มสั่นไม่หยุด น้ำตาไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
“นายคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ ภูผา นายแค่หาคนทำวิดีโอปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกฉัน!”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็ยกมือขึ้นตบประตูที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง พร้อมกับตะโกนใส่คนขับ “เปิดประตู ปล่อยฉันลง! เปิดประตู!”
ภูผายิ้ม “ความเป็นจริงน่ะมันไม่ง่ายที่จะยอมรับใช่ไหม”
พูดอย่างนั้นแล้วยังไม่ทันที่ญาธิดาจะได้ตอบโต้ เขาก็บอกคนขับรถว่า “ให้เธอลงไป”
เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว ก็ถึงเวลาปล่อยเธอไป