ดวงใจภวินท์ - บทที่ 643 คุณอาเองก็หนีออกจากบ้านมาเหมือนกันเหรอคะ?
บทที่ 643 คุณอาเองก็หนีออกจากบ้านมาเหมือนกันเหรอคะ?
เสียงเตือนจากโปรแกรมนำทางด้านหน้าบ่งบอกว่าถึงจุดหมายแล้ว จากนั้น มิเตอร์ก็รายงานค่าโดยสารออกมา ญาธิดาหายใจเข้าลึก ก่อนจะสแกนจ่ายเงินค่าโดยสารให้คนขับรถ แล้วมองดูเม็ดฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่างอย่างกังวลใจ
เหมือนรู้สึกถึงความกังวลใจของเธอ บวกกับเธอคนเดียวต้องดูแลลูกสองคน คนขับรถลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา “มีร่มอยู่ตรงหลังรถ คุณเอาไปใช้เลยครับ”
ญาธิดาชะงักงัน พอหันกลับไปมองก็เห็นร่มสองคันอยู่ด้านหลังเบาะรถ พอมองฝนที่ตกอยู่ข้างนอก แล้วมองคนขับด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณค่ะลุง!”
คนขับรถพยักหน้าให้ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแม่หนู รีบกลับบ้านเถอะ ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ …”
ญาธิดารีบพยักหน้ารับ ก่อนจะเลือกร่มที่ดูเก่ากว่าขึ้นมา แล้วเปิดประตูรถ เห็นได้ชัดว่า อีธานกับเอลล่าไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ฝนตกหนักแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์แบบนี้พวกเขาจำเป็นต้องเดินลงจากรถไป
ญาธิดากัดฟัน ให้ทั้งสองคนเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนตนเองคอยปกป้องอยู่ด้านหลัง ร่มกางอยู่บนศีรษะของพวกเขา พยายามป้องกันไม่ให้พวกเขาโดนฝนสาดมากที่สุด
แต่ฝนที่ตกหนักแบบนี้ ร่มที่ทั้งเล็กและเก่าแบบนี้แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ปกป้องเด็กทั้งสองคนไม่ให้เปียก รอจนพวกเขาเข้าไปในตึก ก็เปียกโชกไปแล้วเกือบครึ่ง
พอเห็นเด็กน้อยสองคนเปียกโชกไปทั้งตัว ญาธิดาก็รู้สึกสงสารมาก เธอจูงมือพวกเขาขึ้นไปชั้นบน พร้อมกับพูดปลอบโยนพวกเขาในขณะที่เดินไปด้วย “ไม่ต้องกลัวจ้ะ พวกเราใกล้จะถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวเราอาบน้ำอุ่นกัน แล้วตรงเข้าไปในผ้าห่ม นอนหลับพักผ่อนกันเลย!”
เด็กทั้งสองคนในเวลานี้เชื่อฟังอย่างน่าประหลาด ไม่บ่นหรืออาละวาดเลย แค่พยักหน้าขึ้นลงอย่างเชื่อฟัง
ญาธิดามองพวกเขา ทั้งซาบซึ้งใจและสงสารจับใจ จึงจูงมือพวกเขาไปที่ประตู แล้วก้มลงพร้อมกับคลำหากุญแจเปิดประตู แต่ไม่ว่าจะคลำหายังไง มันก็ว่างเปล่า หัวใจของเธอก็ “กระตุก” ทันที
ทำไมถึงไม่มีล่ะ?
เห็นได้ชัดว่าเธอมีนิสัยชอบซ่อนกุญแจไว้ใน “ฐานลับ” เธอมักจะลืมกุญแจบ่อยๆ ดังนั้นเธอจึงจงใจแอบใส่กุญแจดอกเล็กๆ ไว้ในร่องที่ด้านข้างของประตู และตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยผิดพลาดก่อน แต่ทำไมครั้งนี้…
เธอย่อตัวลงไปอีกเล็กน้อย แล้วคลำหาอีกหลายครั้ง แต่ก็ยังหาไม่เจอ ทันใดนั้นเอง เธอก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมา
ไม่ว่าทำไมกุญแจถึงไม่อยู่ แต่สรุปก็คือตอนนี้พวกเธอกำลังเผชิญกับความจริงก็คือไม่มีกุญแจเข้าบ้าน ทำให้พวกเขาไม่มีบ้านให้กลับ ในช่วงค่ำคืนที่มีฝนตกหนักอยู่ด้านนอก พวกเขาจึงไปที่ไหนไม่ได้
ในเวลานี้ ญาธิดาเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายทันที เธอกัดฟัน ก้มลงสบตากับสายตาของเด็กน้อยสองคนที่มองเธอด้วยความคาดหวัง เธอก็ยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ ดวงตาของเธอจึงแดงก่ำขึ้นมา
จะว่าไปแล้ว เธอช่างเป็นแม่ที่ล้มเหลวจริงๆ
“คุณแม่ครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
อีธานยื่นมือออกมา แล้วดึงชายเสื้อของเธอเบาๆ ดวงตาดำของเธอแวววาวราวองุ่นดำสองลูก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะฝืนยกยิ้มออกมา แล้วมองพวกเขาพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษจ้ะเด็กๆ แม่หากุญแจบ้านไม่เจอ แม่คงต้องพาพวกหนูไปพักที่โรงแรมแล้วล่ะ”
“ครับ ผมไม่เกี่ยง…”
“หนูด้วยค่ะ”
เด็กน้อยที่แสนเข้าอกเข้าใจแม่ไม่มีท่าทางเกี่ยงงอน ทั้งสองคนเป็นเด็กดีจนทำให้รู้สึกสงสาร ญาธิดาสูดหายใจกลั้นน้ำตา แล้วจูงมือลูกๆ เดินลงบันไดออกจากตึก กลับไปที่หน้าประตูทางเข้าอีกครั้ง
แต่โชคดีมาก เพราะคนขับรถที่พาพวกเขามาที่นี่เมื่อกี้ยังไม่ได้จากไป เขาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้แล้วเปิดหน้าต่างเพื่อสูบบุหรี่ พอเห็นพวกเธอสามคนเดินออกมา จึงทั้งรู้สึกแปลกใจและตลกมาก
แน่นอนว่าญาธิดาก็เห็นรถเหมือนกัน เธอยิ้มอย่างอ่อนใจ แล้วพาลูกๆ เดินเข้าไปหา
“ลุงคะ ครั้งนี้ช่วยพาพวกหนูไปโรงแรมแถวใกล้ๆ นี้ค่ะ ขอแบบสภาพดีและปลอดภัยนะคะ”
ในเวลานี้ เธอไม่อยากให้ลูกๆ ต้องลำบากแล้ว แล้วอีกอย่างเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวและมีลูกเล็กๆ อีกสองคน เพื่อความปลอดภัยจึงต้องเลือกพักในที่ที่ดีกว่า
คนขับรถได้ยินแบบนั้น จึงดับบุหรี่ แล้วเลื่อนกระจกรถขึ้น “ได้เลยแม่หนู ลุงจะพาไปเดี๋ยวนี้เลย”
รถแล่นไปตลอดทาง ข้างนอกยังมีฝนตกหนักไม่หยุด ไม่นาน คนขับรถก็ส่งพวกเธอมาถึงโรงแรมระดับห้าดาวที่ดีที่สุดในบริเวณนี้ ญาธิดาจ่ายเงิน แล้วพาลูกๆ เดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม
ญาธิดาเดินไปที่แผนกต้อนรับ “ฉันต้องการห้องที่มีเตียงขนาดใหญ่ และมีหน้าต่างด้วยค่ะ”
พนักงานต้อนรับพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ รบกวนขอบัตรประจำตัวของคุณด้วยค่ะ”
“ค่ะ” ญาธิดาพูดพลางก้มลงไปคลำหาในกระเป๋า แต่คิดไม่ถึงว่าในกระเป๋านอกจากบัตรกดเงินสดและบัตรสมาชิกแล้ว ไม่มีบัตรประจำตัวอยู่ในกระเป๋าด้วยเลย
ในศีรษะของญาธิดามีเสียง “ตึง!” ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที
บัตรประจำตัวของเธอไม่ได้อยู่ในกระเป๋าใบนี้ ต่อยู่ในกระเป๋าอีกใบที่อยู่ในแกรนด์ บูเลอวาร์ด เธอไม่ได้เอามาด้วย!
เธอกัดริมฝีปากล่าง เงยหน้าขึ้นมองพนักงานต้อนรับ แล้วถามว่า “ฉัน…ไม่ได้เอาบัตรประชาชนมาค่ะ ขอเปิดห้องก่อนได้ไหม เดี๋ยวฉันพาลูกๆ เข้าไปพักก่อน แล้วค่อยไปเอาบัตรประชาชน…”
พนักงานต้อนรับส่งยิ้มขอโทษเธอ “ขออภัยด้วยนะคะคุณผู้หญิง ทางโรงแรมตั้งกฎไว้ ว่าต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนถึงจะเปิดห้องพักได้ค่ะ”
ญาธิดาอ้าปากเตรียมจะพูด แค่คอกลับแห้ง พูดอะไรไม่ออก
สมกับที่เขาพูดว่าผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ มันประเดประดังเข้ามาจนญาธิดาแทบจะทรุด ถ้าเธอต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้คนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ข้างกายเธอยังมีลูกๆ อีกสองคน ที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย
ญาธิดายังไม่ยอมแพ้ พยายามเอ่ยถามอีกครั้ง “มันอะลุ้มอล่วยให้ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
แผนกต้อนรับส่ายหน้าอย่างขอโทษ
ในช่วงเวลานี้ ญาธิดารู้สึกสิ้นหวังและท้อใจมากจริงๆ
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงพูดดังมาจากด้านข้างว่า “สวัสดีครับ เดี๋ยวใช้ชื่อผมเปิดให้เธอเอง”
เสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างๆ ทำให้ญาธิดาสะดุ้งตกใจ เธอกัดริมฝีปาก และหันกลับไปมอง จึงเห็นภวินท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตาสีเข้มของเขามองไปที่พนักงานต้อนรับ
พอเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน พนักงานต้อนรับสาวจึงเขินจนหน้าแดงในขณะที่กำลังจะขอบัตรประจำตัว ก็เห็นพยัคฆ์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังภวินท์ก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นบัตรประจำตัวให้เธอ
พนักงานต้อนรับสาวรีบทำการเปิดห้องพัก แล้วยื่นบัตรห้องพักมาให้อย่างรวดเร็ว หลังจากพยัคฆ์รับมา เขาก็มองไปที่ภวินท์ด้วยความท่าทีลังเล แต่เห็นภวินท์เอาแต่มองไปที่ญาธิดา ก่อนจะพูดว่า “เอาให้เธอเถอะ”
ญาธิดาตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่
เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับภวินท์ในสภาพน่าอนาถแบบนี้ ข้างกายยังมีลูกสองคนอยู่ด้วย
อีธานกับเอลล่าจำภวินท์ได้ เอลล่าดูลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถามออกมาว่า “คุณอาสุดหล่อ…ทำไมคุณอาถึงมาที่นี่คะ? คุณอาเองก็หนีออกจากบ้านมาเหมือนกันเหรอคะ?”
ประโยคนี้ ทำให้ภวินท์ตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองญาธิดา ด้วยสายตาสำรวจ
หรือว่าทั้งสามคนจะหนีออกจากบ้าน? มิน่าถึงได้อยู่ในสภาพทุลักทุเลแบบนี้
เขาขยับริมฝีปาก เตรียมจะถามอะไรบางอย่าง แต่ญาธิดากลับพูดขึ้นมาก่อน “เอ่อ… ขอบคุณที่ช่วยเปิดห้องให้นะคะ เดี๋ยวฉันจะโอนค่าห้องให้คุณทีหลัง…”
การปรากฏตัวของภวินท์ในเวลานี้ ก็เหมือนได้รับความช่วยเหลือในยามที่คับขันทันท่วงที แต่เธอไม่อยากให้เขาได้รู้ว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอบ้าง