ดวงใจภวินท์ - บทที่ 644 ถูกวางยาเสน่ห์ไปแล้วใช่ไหม?
บทที่ 644 ถูกวางยาเสน่ห์ไปแล้วใช่ไหม?
พอพูดจบ ญาธิดาก็พาอีธานกับเอลล่าเดินไปที่ลิฟต์ เห็นได้ชัดว่าเอลล่าดูไม่อยากจากไป เดินไปสามก้าวหันกลับมามอง ท่าทางดูน่าสงสาร จนภวินท์ที่กำลังมองตามหัวใจแทบจะละลาย
จนกระทั่งญาธิดากับเด็กๆ หายตัวไปจากสายตา ภวินท์ถึงจะดึงสายตากลับมา เขาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะมองไปทางพยัคฆ์แล้วพูดว่า “ใช้บัตรประจำตัวของนายไปเปิดห้อง เลือกห้องที่ใกล้พวกเธอมากที่สุด”
พยัคฆ์รีบทำตามคำสั่งทันที “ได้ครับ”
ไม่นาน บัตรห้องพักก็ถึงมือ เป็นห้องพักซึ่งอยู่ติดกับห้องพักของพวกญาธิดา
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเลื่อนล้อรถเข็นไปทางลิฟต์
พยัคฆ์งุนงง แล้วรีบเดินตามไปถามว่า “คุณภวินท์ครับ แล้วผมจะไปพักที่ไหนล่ะครับ”
เขาใช้บัตรประชาชนเปิดห้องพักไปแล้ว แล้วเขาจะทำยังไง?
ภวินท์พูดเสียงเรียบนิ่ง “นายกลับไปเถอะ ที่นี่มีฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
พยัคฆ์ตกตะลึง เขาหายใจเข้าลึก และตามทันความคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเผลอยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
พอเห็นท่าทางของเขา ภวินท์ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดสั่ง “โทรศัพท์เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง วันพรุ่งนี้มาเช้าๆ”
พยัคฆ์รีบพยักหน้ารับทันที
ในเวลาเดียวกัน ญาธิดาก็พาอีธานกับเอลล่าไปที่ลิฟต์ ทั้งสามคนเปียกโชกและทุลักทุเลมาก พอพวกเธอออกจากลิฟต์ พวกเธอก็เดินไปบนพรมนุ่มๆ โดยที่เสื้อผ้าของพวกเธอยังมีน้ำหยดลงมาอยู่
หลังจากรูดบัตรเข้าไปในห้องพัก ญาธิดาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากต้องเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันได้ปล่อยวางผ่อนคลายทั้งหมด เธอรีบถอดเสื้อคลุม แล้วพาอีธานกับเอลล่าตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที จากนั้นก็เปิดน้ำร้อนลงในอ่างน้ำ ให้พวกเขาเข้าไปแช่ตัว
ภูมิต้านทานของเด็กนั้นต่ำกว่าผู้ใหญ่ พอต้องตากฝนหนักขนาดนี้ ถ้าหากไม่รีบสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ก็กลัวจะเป็นไข้ไม่สบาย ญาธิดาไม่มีเวลามาสนใจตัวเอง รีบช่วยให้ลูกๆ ของได้แช่น้ำอุ่นก่อน จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูคลุมตัวทั้งสองคน แล้วอุ้มทั้งสองไปที่เตียงทีละคน ดึงผ้าห่มมาห่มให้ทั้งสองคน เธอถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
“ลูกสองคนดูทีวีอยู่บนเตียงก่อนนะจ๊ะ อย่าลุกออกจากเตียง แม่ไปอาบน้ำก่อน”
เธอเปิดทีวีและกดเปิดช่องรายการที่ทั้งคู่ชอบดู หลังจากเห็นพวกเขาพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ แล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างกายของเธอเย็นยะเยือกไปทั้งตัว พอสัมผัสถูกน้ำร้อน จึงรู้สึกปรับตัวไม่ทัน เธอจึงสูดหายใจเข้าลึก แล้วยืนอยู่ใต้ฝักบัว แล้วปล่อยให้น้ำร้อนไหลลงมาจากศีรษะของเธอ ค่อยๆ ให้ร่างกายของเธออบอุ่นขึ้น
ตลอดช่วงบ่ายของวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เธอถูกบังคับให้ก้าวไปข้างหน้าตลอด เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์มาคิดทบทวนได้ แต่ในเวลานี้ได้อยู่ในความเงียบ และมีเวลาได้มาคิดทบทวน ความคิดและอารมณ์ทั้งหมดพุ่งเข้ามาในสมอง ทำให้ยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด
พอคิดถึงธีทัต หัวใจของเธอก็เหมือนกับถูกก้อนหินหนักๆ กดทับไว้ จนหายใจไม่ออก การที่ถูกหักหลังโดยคนที่เธอไว้ใจนั้นมันเลวร้ายมาก แล้วอีกอย่าง เธอเคยคิดไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างสงบ ใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน แต่จู่ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…
จากนี้ไป เธอจะทำยังไงต่อไปดี
เสียงน้ำไหลซู่ซ่าดังเข้าหูของเธอ ทำให้เธอตัดขาดต่อสถานการณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง
ด้านหน้าประตู ภวินท์นั่งอยู่บนรถเข็น ก่อนจะยกมือขึ้นมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมกับขนมที่ดูน่าอร่อยอยู่ในมือ
มันเป็นของขวัญสำหรับลูกค้าแบล็กการ์ดวีไอพี มีของหวานที่ดูน่าอร่อยทุกชนิด ทั้งครีมและของหวาน เขาไม่ชอบมันมากเท่าไหร่แต่เขาเห็นว่ามันรูปร่างน่ารัก เขาก็นึกถึงเด็กน้อยน่ารักข้างห้องทั้งสองคน เขาจึงส่งมาที่นี่..
ที่สำคัญ เขายังมีเรื่องอยากจะมาคุยกับญาธิดาด้วย
ไม่มีเสียงตอบกลับดังมาจากในห้องเลย และในตอนที่เขาคิดว่าพวกเธอคงจะพักผ่อนแล้ว ด้านในของประตูก็มีเสียงฝีเท้าดัง “ตึง ตึง ตึง” ท่าทางดูรีบร้อน แต่เบาเหมือนเสียงเด็กกำลังวิ่ง
วินาทีต่อมา เสียงเล็กของอีธานก็ดังออกมาจากทางประตู “ใครครับ?”
พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ภวินท์ก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากไม่ได้ เขานิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “อาเองครับ คุณอาสุดหล่อของพวกหนูไง”
เสียงในห้องเงียบไปสักพัก จากนั้นก็มีเสียง “แกร็ก” ของการเปิดประตูดังขึ้น แล้วประตูก็ถูกเปิดออก โดยมีอีธานยืนมองออกมาด้วยตากลมโต
ภวินท์ยกยิ้ม “อาเอาของมาให้พวกหนู”
อีธานมองเขาด้วยท่าทางระแวดระวัง “ของอะไรครับ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว พวกเรานอนหลับกันหมดแล้ว…”
พอเห็นเด็กน้อยที่กำลังทำท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ ทำให้ภวินท์รู้สึกน่าสนใจมากขึ้น เขายื่นกล่องของหวานในมือให้ “มีเค้กกับของหวาน อาเอามาให้พวกหนู”
อีธานเหลือบมอง แล้วเห็นกล่องขนมสีใสที่มีขนมหวานหลากสีอยู่ข้างใน ความอยากกินผุดขึ้นมาทันที แต่ถึงแม้จะอยากกินมันมากจริงๆ เขาก็ยังแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ “มันดึกมากแล้วครับ คุณแม่คงไม่อนุญาต.. .”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ หัวเล็กๆ ของอีกคนก็โผล่ออกมา
ทันทีที่เอลล่าเห็นว่าคนที่อยู่หน้าประตูคือภวินท์ ดวงตาของเธอก็เปร่งประกาย “คุณอาสุดหล่อ! คุณอามาที่นี่ได้ยังไงคะ!”
พอพูดจบเธอก็เปิดประตูให้ทันที “เข้ามาเล่นกับพวกเราก่อนสิคะ!”
ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองไปที่เธอแล้วพูดว่า “วันหลังเถอะ วันนี้ดึกมากแล้ว”
ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็เห็นประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมากะทันหัน แล้วญาธิดาที่กำลังมีผ้าขนหนูคลุมศีรษะเดินออกมา และพอเห็นภวินท์ที่หน้าประตู ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ แล้วรีบกลับไปในห้องน้ำ ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง “ปัง”
วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้นมาจากในประตูห้องน้ำ “คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา!คนบ้า! คนลามก!”
ตรงหน้าประตู หนึ่งผู้ใหญ่สองเด็กมองหน้ากัน ท่าทางงุนงง
ไม่นาน ภวินท์ก็เข้าใจ ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มเล็กน้อย เขายื่นกล่องขนมในมือให้เอลล่า แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “อาจจะกลับแล้ว พวกหนูพักผ่อนเถอะ”
พอพูดจบก็เลื่อนล้อรถวีลแชร์จากไปทันที
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะอยากคุยกับญาธิดา แต่ดูจากสถานการณ์ของเธอในตอนนี้คงไม่เหมาะสม
พอนึกถึงท่าทางที่ตกใจของหญิงสาวเมื่อตะกี้ เขาก็อดที่จะยิ้มออกไม่ได้ ถึงจะผ่านไปหลายปีแล้ว และตอนนี้เธอก็เป็นแม่ของเด็กสองคนแล้วด้วย แต่ยังมีท่าทางเงอะงะซุ่มซ่ามแบบนี้อีก
แต่กลับดูน่ารักต่างไปจากเดิมด้วย
ในดวงตาของเขามีความอ่อนโยนปรากฏออกมา เขามาถึงห้องข้างๆ และรูดบัตรเข้าไปในห้อง
ส่วนในประตูด้านข้าง ญาธิดากำลังซ่อนตัวอยู่หลังประตูนิ่ง ศีรษะของเธอแทบจะระเบิด
เธอไม่เคยคิดว่าพอเปิดประตูออกมา แล้วจะได้เจอกับภวินท์เลย แต่เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวไว้เลยนะ
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกห้องน้ำเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงน่ารักของอีธานดังขึ้น “คุณแม่ครับ ลุงอาหล่อไปแล้วครับ ออกมาได้แล้ว”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะออกมาหรือไม่ เอลล่าก็พูดขึ้นมา “คุณแม่ออกมาเร็ว ๆ ค่ะ คุณอาสุดหล่อเอาขนมมาให้พวกเราดูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย”
พอได้ยินสิ่งที่พวกลูกพูด ญาธิดาถึงได้มั่นใจว่าภวินท์จากไปแล้ว เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วค่อยๆ เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
พอเปิดประตูออกมา เธอก็เห็นเด็กแสนซนสองคนกำลังยืนตากลมโตยกยิ้มให้เธออยู่ข้างหน้า ท่าทางไม่อันตราย และไร้เดียงสา
เพราะแบบนี้ ญาธิดาจึงไม่สามารถโกรธพวกเขาได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอแสร้งทำเป็นหยิกแก้มของพวกเขา และถามเสียงขรึมว่า “เมื่อตะกี้มันยังไง บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ ใครเป็นคนไปเปิดประตู”
เธอย้ำเตือนพวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะยังไปเปิดประตูให้ภวินท์ อีก!
แต่ใครจะรู้ว่า หลังจากที่เธอถามจบ เอลล่าก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณอาสุดหล่อไม่ใช่คนไม่ดีนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่”
ญาธิดาพูดไม่ออกไปเล็กน้อย
ลูกสาวสุดที่รักของเธอคนนี้ หรือว่าจะถูกภวินท์วางยาเสน่ห์ไปแล้วใช่ไหม?