ดวงใจภวินท์ - บทที่ 646 ตั้งใจจะหย่า
บทที่ 646 ตั้งใจจะหย่า
พอเห็นว่าเธอลังเลไม่กล้าพูดออกมา ภวินท์ก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “มาก็ดีแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงสายตากลับมา บรรยากาศภายในห้องเงียบไป ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณกับธีทัต…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ สีหน้าของญาธิดาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดออกมาตรงๆ ว่า “ฉันตั้งใจจะหย่ากับเขา ”
พอพูดจบ บรรยากาศก็เงียบไปทันที สายตาของภวินท์ดูตกตะลึง จากนั้นก็มองหน้าเธอแล้วเอ่ยถาม “ไม่ใช่การตัดสินใจโดยไม่คิดใช่ไหม”
ตั้งแต่เมื่อวานที่เธอมาที่โรงแรมพร้อมกับลูกของเธอในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวและสิ่งที่เด็กๆ พูดออกมาเขาก็พอจะเดาได้ ว่าระหว่างญาธิดากับธีทัตจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
“ไม่ใช่ค่ะ” ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก แล้วกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “เขา… ทรยศฉัน ครั้งนั้นที่นายภูผาสามารถตามฉันไปที่สถานปฏิบัติธรรมเขารามได้ ที่จริงแล้วเป็นเขาที่ส่งคนแอบตามฉัน แล้วเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ออกไป จนเจ้าอาวาส…”
ญาธิดาชะงัก จนพูดอะไรไม่ออก
ทันใดนั้นเอง ภวินท์ก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของเขาเคร่งเครียด มือที่จับเก้าอี้ก็ค่อยๆ กำหมัดแน่น
ที่แท้ก็เป็นฝีมือเขา…
ถึงแม้เขาจะมองออกมานานแล้วว่าธีทัตไม่ธรรมดา ไม่ได้จิตใจดีและใสซื่อเหมือนที่อีกฝ่ายแสดงให้ญาธิดาเห็นแน่นอน แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะร่วมมือกับภูผา…
ไม่นาน เขาก็ดึงสติกลับมา และเอ่ยพูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่า เป้าหมายของเขาคือผม เขาอยากจะยืมมือของภูผาเพื่อตามหาผม และกำจัดผม เพื่อให้ผมไม่ต้องไปขัดขวางเขา ขวางหูขวางตาเขา”
พอได้ยินแบบนี้ หัวใจของญาธิดาก็หนักอึ้งไปทันที ที่แท้…
เมื่อวานหลังจากที่เธอรู้ความจริงแล้ว เธอเหมือนอยู่ในอาการเหมือนจะระเบิด จึงไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับแรงจูงใจของธีทัต พอได้ยินคำพูดของภวินท์ เธอก็เข้าใจและได้สติขึ้นมาทันที
กลับกลายเป็นว่าเป้าหมายของเขาคือภวินท์ …
หัวใจของเธอรู้สึกเย็นยะเยือก ญาธิดากัดริมฝีปากแน่น ร่างกายสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่อยู่ข้างกายเธอจะมีจิตใจที่ชั่วร้ายและมืดมนแบบนี้
เธอหายใจเข้าลึก และยืนนิ่งเป็นเวลานาน พูดอะไรไม่ออก
ในเวลานี้เอง เสียงของภวินท์ก็ดังขึ้น ดึงเธอกลับจากภวังค์ความคิดของเธอ
“ถ้าหย่ากัน อีธานกับเอลล่าจะเป็นยังไง?”
ญาธิดาลืมตาขึ้นมา สบตาเข้ากับดวงตาสีดำเข้มของชายหนุ่ม เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะตระหนักถึงความหมายของคำพูดเขาอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปทางอื่นอย่างร้อนตัว “อยู่กับฉันค่ะ”
ภวินท์ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของอีธานกับเอลล่า จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะคิดว่าพวกเขาเป็นลูกของเธอกับธีทัต
อีกฝั่งหนึ่ง ภวินท์นั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังมองท่าทางตื่นตระหนกในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึม และกำลังครุ่นคิด
ไม่นาน เขาก็รู้สึกตัว แล้วมองไปทางญาธิดาก่อนจะพูดว่า “แล้วหลังจากนี้ล่ะ คุณคิดจะทำอะไรต่อไป”
ญาธิดาตอบอย่างลังเลว่า “ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
ตอนนี้ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีได้ไปท่องเที่ยวแล้ว ไม่อยู่ในประเทศ เธอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะบอกกับพวกท่านยังไงดี จะพูดไปแล้ว เรื่องนี้จัดการยากจริงๆ
เธอลังเลสักพัก แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมองภวินท์“คุณ… ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ช่วยอะไรครับ?”
“ฉันอยากกลับไปจัดการเรื่องการหย่า แต่ไม่มีใครดูแลลูกๆ ฉันคิดว่าถ้าพะ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค ภวินท์ก็ตอบตกลงแล้ว “ผมจะช่วยดูแลให้”
ญาธิดาอ้าปาก ทั้งประหลาดใจและตะลึง
เดิมทีอยากจะขอให้พยัคฆ์ช่วยดูแลอีธานกับเอลล่าก่อน แต่ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รับปากว่าจะดูแลด้วยตัวเอง…
ภวินท์พูดด้วยเสียงเรียบ “ทำในสิ่งที่คุณคิดจะทำ ที่เหลือปล่อยให้ผมจัดการเอง”
เขาพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ญาธิดาตกอยู่ในภวังค์ เหมือนได้กลับไปเมื่อหลายปีก่อน
เธอสูดหายใจเข้าลึก และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เดิมทีอยากจะพูดความตั้งใจเดิมของเธอ แต่เธอกลับพูดไม่ออก
ทั้งที่เธอเป็นคนขอให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ จะมาเลือกมากก็ดูไม่ดี
หลังจากคิดแบบนี้แล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนคำที่จะพูดกลับเข้าไป แล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนด้วยนะคะ”
เธอหายใจเข้าลึก แต่ในใจยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหันมองไปทางภวินท์ และสุดท้ายก็ต้องเดินจากไป
หลังจากเดินออกจากห้อง ญาธิดาก็กลับไปที่ห้องพักของเธอ พอเข้าไปก็เห็นลูกของเธอทั้งสองคนยังคงนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง เธอยกยิ้ม ไม่รู้ว่าจะบอกกับพวกเขายังไงดี
“เด็กๆ แม่ต้องออกไปข้างนอก ไปเอาของใช้ของพวกเราเพิ่ม คงไม่ได้อยู่กับลูกๆ สักสองสามชั่วโมง แม่หาคนมาดูแลพวกลูกแล้ว…”
เอลล่าเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย “ใช่คุณอาสุดหล่อไหมคะ”
ญาธิดาชะงักไปเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพักก็ยิ้มแหยออกมา ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูด “ใช่จ้ะ”
เอลล่าดีใจมาก “เย้ ดีจังเลยค่ะ!”
ญาธิดาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเอลล่าจะชอบภวินท์มากถึงขนาดนี้ เธอหันไปมองอีธานที่อยู่ข้างๆ แต่เห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าเล่นรีโมทคอนโทรลในมือ ไม่พูดอะไร
ญาธิดาลังเลเล็กน้อย จึงเดินเข้าไปถาม “อีธาน ลูกตกลงไหมจ๊ะ”
การต้องเจอกับภวินท์ อีธานดูเหมือนจะไม่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจเหมือนเอลล่า
ในเวลานี้เอง อีธานก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพยักหน้าให้เธอ “ครับ”
ถึงแม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่ก็มีความผิดหวังแฝงอยู่ในดวงตาของเขา ญาธิดาไม่รู้ว่าทำไม แต่ไม่รู้ว่าจะถามยังไง หลังจากคิดทบทวนแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
และในเวลานี้เอง จู่ๆ อีธานก็ยื่นมือเล็กๆ ออกมา แล้วจับที่ชายเสื้อของเธอ แล้วดึงเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณแม่ครับ ผมรู้สึกว่าคุณอาสุดหล่อชอบเอลล่ามากกว่า ดูไม่ชอบผมสักเท่าไหร่เลยครับ…”
ในน้ำเสียงของเขาดูผิดหวังเล็กน้อย
หัวใจของญาธิดาสั่นสะท้าน เธอก้มตัวลง แล้วถามลูกชาย “ลูกชอบคุณอามากเหรอจ๊ะ”
อีธานพยักหน้าเบาๆ
สำหรับเรื่องนี้ ญาธิดาเองก็แปลกใจเล็กน้อย เธอรู้เพียงว่าเอลล่าชอบภวินท์มาก แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าอีธานจะชอบเขาเหมือนกันนี่คือสิ่งที่คนอื่นเรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำหรือเปล่านะ?
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่เพราะมีสายเลือดเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ถึงจะมองไม่เห็น พวกเขาก็จะเข้าหากันได้ง่ายกว่า
ญาธิดายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบจมูกเล็กๆ ของเขา “ไม่ต้องห่วงจ้ะ คุณอาสุดหล่อชอบลูกมาก ถ้าลูกไม่เชื่อ ลูกก็ลองไปถามเขาดูสิจ๊ะ”
ดวงตาของอีธานเป็นประกายคาดหวัง “จริงเหรอครับ?”
ญาธิดาพยักหน้ายิ้มๆ “แน่นอนสิจ๊ะ!”
พอเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเด็กน้อยอีกครั้ง ญาธิดาถึงได้โล่งใจ ก่อนจะรีบช่วยพวกเขาจัดของ แล้วจูงมือพวกเขาออกจากห้อง
แล้วพาพวกเขาไปที่ประตูห้องข้างๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานประตูก็เปิดออก ข้างในห้อง ภวินท์กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่หาได้ยากบนใบหน้าของเขา
“คุณอาสุดหล่อ!”
เอลล่ารีบวิ่งเข้ามาทักทายเขาอย่างคุ้นเคย
ภวินท์ยกยิ้ม และบอกให้พวกเขาเข้ามา จากนั้นก็มองไปทางญาธิดา แล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม “เอาล่ะ คุณไปทำธุระเถอะ เดี๋ยวผมดูแลพวกเขาเอง”
ญาธิดามองไปที่อีธานกับเอลล่าอย่างลังเล ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้าพร้อมกับตัดสินใจเดินออกไป
ที่จริงจะว่าไปแล้ว การปล่อยให้เขาอยู่กับเด็กๆ เพียงลำพัง เธอไม่เต็มใจมากเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ เอกสารทั้งหมดของเธออยู่ที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด เธอจะต้องกลับไปเอา
สิ่งที่เธอทำได้ คือรีบไปรีบกลับ