ดวงใจภวินท์ - บทที่ 648 กลัวผมแย่งพวกเขาไปหรือไง?
บทที่ 648 กลัวผมแย่งพวกเขาไปหรือไง?
ทันใดนั้นเอง ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นในใจ เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เธอรีบมองไปที่แม่บ้านแล้วถาม “พวกเขาทั้งหมดเช็คเอาท์ห้องแล้วเหรอคะ”
แม่บ้านทำความสะอาดก็บอกเธอ “ป้ามาทำความสะอาดแล้ว แน่นอนว่าต้องเช็กเอ้าท์แล้วสิคะ”
พอได้ยินแบบนี้ ญาธิดาก็รู้สึกสั่นยะเยือกไปทั้งตัว ความกลัวปกคลุมเธอไว้ทันที
หรือว่าภวินท์จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีธานและเอลล่าแล้ว? ดังนั้นเขาก็เลยถือโอกาสนี้เพื่อพาลูกของเธอไป?
ยิ่งญาธิดาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น เธอเดินตรงไปที่ลิฟต์อย่างร้อนใจ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกำลังจะโทรหาเขา แต่เห็นว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งภวินท์เป็นคนส่งมา
“ผมพาอีธานกับเอลล่ามาที่คอนโดแล้ว ทำธุระเสร็จมารับที่นี่”
ทันใดนั้นเอง ญาธิดาจึงโล่งใจขึ้นมาก แต่ความกังวลใจของเธอยังคงไม่หมดไป เธอหายใจเข้าลึก แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว แล้วกดปุ่มที่ชั้นหนึ่ง
ความตื่นตระหนกตอนนี้ทำให้เธอหวาดกลัว เธอยืนอยู่คนเดียวในที่ปิดสนิท ในใจยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ ลูกๆ คือจุดอ่อนที่สุดของเธอ ไม่ว่าจะได้ยินข่าวร้าย หรือทำให้เสียใจ หัวใจของเธอก็ทนไม่ไหว อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ทำให้เธอหวาดกลัวมากจริงๆ
พอเธอออกมาจากลิฟต์ ความกังวลและความหวั่นใจทำให้เธอยิ่งร้อนใจ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาภวินท์ทันที
หลังจากดังอยู่สองครั้ง ก็มีคนกดรับสาย
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังออกมา “ฮัลโหล?”
เธอกัดฟันพูดอย่างโกรธเคือง “คุณภวินท์ คุณพาอีธานกับเอลล่าไปจากโรงแรมได้รับอนุญาตจากฉันแล้วหรือยัง”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะโกรธมากขนาดนี้ หลังจากชะงักไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นมา “ผมส่งข้อความบอกคุณล่วงหน้าแล้ว”
ญาธิดาโกรธมาก จนเผลอตะโกนต่อว่าออกมา “แต่คุณไม่ได้ขออนุญาตกับฉัน! คุณรู้ไหมว่าฉันกลัวมากแค่ไหนเมื่อตอนที่มาถึงโรงแรมแล้วเห็นห้องที่ว่างเปล่า! คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม!”
และทันใดนั้นเอง ภวินท์ก็นิ่งเงียบไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูด เขาเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม “ญาธิดา คุณกำลังกลัวอะไร กลัวว่าผมจะแย้งอีธานกับเอลล่าไปหรือไง?”
ประโยคนี้ มันทิ่มแทงใจของญาธิดามาก หัวใจของเธอสั่นเครือ ก่อนจะคิดได้ว่าเธอไม่ควรพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา ไม่อย่างนั้นจะทำให้เขาสงสัย แล้วจะเป็นผลเสียต่ออีธานกับเอลล่า มากขึ้น
เธอสูดหายใจเข้าลึก หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้ เธอก็พูดด้วยท่าททางสงบนิ่ง “ฉันแค่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ไม่นาน ภวินท์ก็พูดเสียงเรียบนิ่ง “ไม่มีอะไร พวกเราอยู่ที่คอนโด คุณมาที่นี่เถอะ”
หลังจากพูดจบ ภวินท์ก็กดวางสายโดยไม่รอให้เธอตอบรับ
ภายในห้อง เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง แล้วมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาค่อย ๆ จมเข้าไปในภวังค์ความคิดของตัวเอง
ปฏิกิริยาของญาธิดาเมื่อตะกี้ มันผิดปกติมาก เธอดูทั้งร้อนรนและวิตกกังวล น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหวาดกลัว ทำให้เขามองข้ามไปไม่ได้จริงๆ
นิ้วเรียวของชายหนุ่มเคาะโต๊ะเบาๆ ส่วนสมองของเขายังคงทำงานต่อไป ในที่สุด เขาก็นึกอะไรบางเรื่องขึ้นมาได้ จึงเรียกพยัคฆ์เข้ามา
พยัคฆ์เดินเข้ามา ก่อนจะมองมาที่เขาแล้วเอ่ยถาม “คุณภวินท์ มีอะไรสั่งเหรอครับ”
“อีธานกับเอลล่าล่ะ?”
พยัคฆ์กล่าวรายงานตามความจริง “พวกคุณหนูทั้งสองคนน่าจะเหนื่อยจากการวิ่งเล่น ตอนนี้กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง กำลังหลับสนิทเลยครับ”
ภวินท์นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า “นายเข้าไป แล้ว…”
เขาพูดสั่ง พยัคฆ์เบิกตากว้างด้วยความตะลึง และถามด้วยความสงสัย “คุณภวินท์ครับ ก่อนหน้านี้เราเคยตรวจสอบไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
สีหน้าของภวินท์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “เพื่อความมั่นใจ ไปตรวจสอบอีกครั้ง”
พอเห็นพยัคฆ์ถอยออกไป ภวินท์ก็สูดหายใจเข้าลึก ความสงสัยที่เคยติดอยู่ในใจตอนนี้ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง พอเขารู้ว่าญาธิดาจะหย่ากับธีทัต ความสงสัยเหล่านั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องบางเรื่อง พิสูจน์ให้แน่ใจจะดีกว่า
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ญาธิดาก็มาถึงใต้ตึกคอนโดแล้ว พอเห็นอาคารที่ดูคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยตรงหน้า ในใจของเธอรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
จะว่าไปแล้ว เธอเคยอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ในตึกนี้อยู่ระยะหนึ่ง จึงมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย
คิดไม่ถึงเลยว่า อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้จะถูกภวินท์เก็บไว้ ดูไปแล้ว เหมือนว่าเขาจะกลับมาอยู่ที่นี่บ่อยๆ
ญาธิดาลังเลอยู่สักพัก แล้วเดินตามความทรงจำที่มี แล้วเดินตามทางที่คุ้นเคยจนมาถึงหน้าตึกสูง เธอขึ้นลิฟต์ และขึ้นมาถึงชั้นที่คุ้นเคย เธอเดินไปที่หน้าประตูห้องและยกมือขึ้นมาเคาะประตู
ไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออก พยัคฆ์ยืนอยู่ที่ประตูและยิ้มทักทาย “พี่ธิดา มาถึงแล้วเหรอครับ!”
ในเวลานี้ ญาธิดาไม่มีอารมณ์จะกล่าวทักทาย เธอแค่อยากจะเห็นว่าลูกรักของเธอปลอดภัย และทุกอย่างเรียบร้อยดี แค่นี้ก็พอแล้ว
ดูเหมือนจะเดาความคิดของเธอได้ พยัคฆ์จึงหลบทางให้เธอเข้าไป แล้วพูดว่า “พวกคุณหนูเหนื่อยจากการวิ่งเล่นครับ ตอนนี้กำลังพักกลางวันอยู่ที่ห้อง”
ญาธิดาร้อนใจเล็กน้อย และมองไปรอบ ๆ “อยู่ห้องไหนคะ?”
พยัคฆ์ยกมือออกไป และชี้ไปในทิศทางของห้อง
เธอเดินไปที่ห้องนั้นทันที พอเธอไปถึงหน้าประตู เธอก็ชะลอความเร็วลงอีกครั้ง แล้วผลักประตูเปิดเบา ๆ
ในห้อง แสงไฟสะลึมสะลือ และนิ่งเงียบ อีธานกับเอลล่ากำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ หลังชนหลัง ลมหายใจเข้าออกคงที่ ท่าทางน่ารัก ราวกับเทวดานางฟ้าตัวน้อย
ทันใดนั้นเอง หัวใจที่ตึงเครียดของญาธิดาก็สบายใจขึ้น เธอเพิ่งเดินไปนั่งที่เตียง และเห็นบางสิ่งที่หางตา ก่อนจะพบว่ามีอีกคนอื่นอยู่ในห้องเช่นกัน!
ตรงข้างหน้าต่าง ม่านถูกมัดอยู่ เผยให้เห็นช่องว่างที่ไม่กว้างและแคบเกินไป แสงที่ส่องเข้ามา เริ่มอ่อนลงมาก ภวินท์นั่งอยู่ที่นั่น ไม่ขยับเขยื้อนเลย
ในความมืดมิด เธอเห็นแสงสว่างในดวงตาของชายหนุ่มอย่างชัดเจน หัวใจของเธอชะงักงัน และขยับริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร
ภวินท์เลื่อนล้อรถเข็นมาช้าๆ เขาเข้ามาหาเธอ แล้วพูดว่า “ให้ผมดูแลพวกเขา คุณวางใจได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะปกป้องพวกเขาอย่างดี”
คำพูดประโยคนี้เหมือนจะอธิบาย และเหมือนปลอบโยนไปในตัว ญาธิดาได้ยิน ในใจของเธอรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ถูก หัวใจที่กระสับกระส่ายและประหม่าของเธอเริ่มสงบลงอย่างช้าๆ และหันไปมองเขาออกจากห้องไป
พอประตูปิดลง ญาธิดาก็รู้สึกผิดในใจ การกระทำของเธอที่มีต่อภวินท์ในหลายครั้งนี้มีปัญหาจริงๆ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เธอเอาแต่ตำหนิเขาด้วยความหุนหันพลันแล่น แต่พอมาคิดทบทวนดูดีๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ร่างกายที่ตึงเครียดของเธอก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เธอหันไปมองเด็กน้อยสองคนบนเตียงข้างๆ มองดูพวกเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่มีพวกเขาอยู่ ทุกครั้งที่เธออารมณ์ไม่ดี แค่มองหน้าพวกเขาเธอก็รู้สึกหายเป็นปกติแล้ว
สภาวะตึงเครียดของเธอค่อยๆ ผ่อนคลายลง เธอสะลึมสะลือ เปลือกตาของเธอก็เริ่มต่อสู้กัน เธอวางมือกับขอบเตียง และซบศีรษะของเธอที่แขน ก่อนจะงีบหลับไป
จากนั้น เธอก็รู้สึกเข้าสู่โลกที่วุ่นวาย เธอพลัดพรากกับอีธานและเอลล่าไป เธอพยายามตามหา แต่ก็ไม่เจอ
ทันใดนั้นเอง มีผู้ชายคนหนึ่งโยนเสื้อผ้าเปื้อนเลือดมาให้เธอ เธอหยิบขึ้นมามองใกล้ๆ และพบว่าเป็นเสื้อผ้าของอีธานกับเอลล่า! เธอกรีดร้องจนเสียงแหบ และวิ่งไล่ตามไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่ผู้ชายคนนั้นหันกลับมา กลับเป็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคย
เป็นคนของตระกูลสถิรานนท์ เขาคือภูผาที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มที่ซ่อนใบมีดไว้!