ดวงใจภวินท์ - บทที่ 65 ชอบเด็กผู้ชายหรือว่าเด็กผู้หญิง?
งานก่อนหน้านี้ ถึงแม้พวกบริหารระดับสูงก็ไปด้วย แต่ว่าไม่เคยทำกิจกรรมร่วมกับพนักงานอย่างพวกเขาเลย เพราะฉะนั้นเธอใส่ใจมากเลยว่าภวินท์จะไปพร้อมกับพวกเขารึเปล่า มองดูดวงตาของผู้หญิงที่มัวหมอง เอ่ยปากถามว่า “คุณอยากให้ผมไปกับพวกคุณหรือ?”
ญาธิดาพูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “งานทุกปีทุกคนต่างเล่นเกมกัน รู้สึกว่าคุณไม่เคยเข้าร่วมเกมระหว่างพนักงานเลยนะ”
ภวินท์เอ่ยปากด้วยเสียงเบา “ถ้าคุณอยากให้ผมไป ก็ได้นะ”
สิ่งที่เขาติดค้างเธอมันมากพอแล้ว ข้อเรียกร้องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เขายังสามารถทำให้เธอพึงพอใจได้
ได้ยินผู้ชายพูดแบบนี้ ญาธิดาเผยสีหน้าที่ดีใจออกมา เธอไม่เคยเห็นภวินท์เล่มเกมมาก่อนเลย ครั้งนี้ได้เปิดหูเปิดตาสักที
เช้าตรู่ของอีกวัน ญาธิดาตื่นนอน และทำงานตามปกติ เพิ่งถึงบริษัทได้ไม่นานก็ได้รับอีเมลการแจ้งให้ทราบของทำเนียบประธานาธิบดี
วันครบรอบการก่อตั้งบริษัทก็คือหลังจากอีกสองวัน ในอีเมลยังกำชับสิ่งของจำเป็นที่ต้องพกพา รวมทั้งยังยืนยันสถานที่และเวลาของงานอีกด้วย
ข่าวนี้แพร่ออกไปปุ๊บ ในบริษัทมีทั้งดีใจและเสียใจ มีความคาดหวัง แน่นอนก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วย
ญาธิดาไปรินน้ำในห้องน้ำชา ก็ได้ยินเสียงมากมายซึ่งแตกต่างกันออกไป
เธอยกแก้วชาและกำลังจะออกไป จู่ๆพิชญ์สินีที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปากอย่างกะทันหัน “ยังมีข่าวที่สุดยอดข่าวหนึ่ง พวกคุณรู้รึเปล่า?”
“ข่าวสุดยอดอะไรอ่ะ?”
“งานครั้งนี้ของเรา คุณภวินท์ก็ไปกับเราด้วยนะ ที่ต่างจากปีก่อนๆก็คือ ครั้งนี้เขาจะมากินข้าวด้วยกันและพักด้วยกัน เพิ่มการร่วมกิจกรรมกับพนักงานและแชร์ความรู้สึกอีกด้วย”
“จริงหรือเนี่ย ท่านประธานผู้เย็นชาของเราคนนั้นแม้แต่งานปีก่อนยังไม่หยุดเลยนะเนี่ย ได้ยินว่าประชุมกับนักธุรกิจต่างชาติทางวีดีโอคอลล์ในโรงแรม”
เห็นคนข้างๆไม่เชื่อ พิชญ์สินีพูดด้วยน้ำเสียงที่ยืนยันว่า “จริงๆนะข่าวของฉันเนี่ย เป็นจริงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ”
ทุกคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ต่างคาดเดาและพนันกัน ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ และก้าวขาเดินออกไปจากห้องน้ำชา
ชมพู่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยตามออกมา รีบวิ่งตามญาธิดาไปแล้วถามว่า “ธิดา เธอว่าไงหล่ะ คุณภวินท์จะไปรึเปล่านะ ”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า “เขาไปอยู่แล้ว”
เมื่อวานเขารับปากกับเธอด้วยตัวเองเลยนะ ไม่น่าจะโกหกหรอก
ชมพู่หัวเราะ “ถ้าคุณภวินท์ไปจริงๆ งั้นก็สนุกดีนะ”
ญาธิดาได้ยิน สมองเริ่มจินตนาการหน้าตาที่เล่นเกมของภวินท์อย่างไม่รู้ตัว ถึงเวลานั้นเขาคงไม่เล่นเกมด้วยสีหน้าที่เย็นชาหรอกนะ
คิดถึงตรงนี้ปุ๊บ เธอก็อดที่จะยกมุมปากขึ้นมาไม่ได้
เดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงาน ชมพู่ยื่นมือจับเธอไว้ “ทานข้าวเที่ยวด้วยกันมั้ยข้างๆเพิ่งเปิดร้านข้าวหมูซี่โครง ได้ยินว่ารสชาติไม่เลวเลยทีเดียว”
ญาธิดามองดูเวลา ระยะห่างเลิกเที่ยงเหลือแค่ครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอกะะจะตอบรับปาก ใครจะไปรู้ล่ะจู่ๆมือถือก็สั่นขึ้นมาซะงั้น
เธอตื่นตกใจปุ๊บ และก้มหน้าดูหมายเหตุ ตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว
ถึงกับเป็นภวินท์โทรมา!
เธอรีบเก็บมือถือเข้าไป และหัวเราะให้กับชมพู่ “ฉันรับสายก่อนนะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
พูดอยู่ เธอหันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน และกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล ”
จู่ๆเขาก็โทรหาเธอในเวลาทำงาน หรือว่ามีธุระด่วนอะไร
เสียงโทนต่ำของผู้ชายดังออกมาจากทางโน้น“ตอนเที่ยงอยากทานอะไร ”
ญาธิดาอึ้งไปก่อน ค่อยๆเอ่ยปาก “เมื่อกี้ชมพู่บอกว่ามีข้าวหมูซี่โครงร้านหนึ่งไม่เลวเลยทีเดียว……”
ผู้ชายทางโน้นพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
ญาธิดาอึ้ง และงงเล็กน้อย
วันนี้ภวินท์เป็นอะไรเนี้ย นัดเธออกมาทานข้าวด้วยตัวเอง นี่มันผิดจากปกติโดยสิ้นเชิงเลยนะ!
“อ๋า……”ญาธิดากะพริบตา และถามด้วยเสียงเบาๆ “ยังมีธุระยังอื่นใช่ไหม?”
ภวินท์พูดด้วยเสียงนิ่งว่า “อืม ทานข้าวเสร็จ ตอนเย็นผมจะพาคุณไปที่โรงพยาบาล ตรวจเช็คร่างกายแบบครบวงจร”
ญาธิดาได้ยิน ตอบรับด้วยความสงสัย “งั้น…ได้เลย”
“อีกยี่สิบนาทีก็ลงมาได้แล้ว ผมรอคุณอยู่ใต้โรงจอดรถนะ”
“ตกลง”
วางสายเรียบร้อย ญาธิดานึกถึงคำพูดที่ผู้ชายพูดเมื่อสักครู่ ประหลาดใจเล็กน้อย
ทำไมอยู่ดีๆก็จะพาเธอไปตรวจเช็คร่างกายแบบครบวงจรที่โรงพยาบาลอย่างกะทันหันล่ะ?
หลังจากนิ่งไปหลายสิบนาที หัวสมองญาธิดาหมุนปุ๊บ จู่ๆก็นึกถึงบรรยกาศที่ไปเยี่ยคุณย่าในคฤหาสน์ตระกูลสถิรานนท์เมื่อวาน ตอนนั้นคุณนย่าจับมือเธอไว้เวลานั้นคุณย่ากำชับภวินท์ว่าวันหลังให้พาเธอไปตรวจเช็คร่างกาย ขาดอะไรและต้องบำรุงอะไร เตรียมตัวเพื่อมีลูก
คิดไม่ถึงเลยว่า……วันนี้เขาจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลแล้ว
เธอคิดๆอยู่ ในสมองมีภาพที่ไม่อาจอธิบายโผล่ออกมา แก้มก็แดงขึ้นมาซะงั้น
จู่ๆ ประตูห้องทำงานถูกผลักออก ชมพู่ยื่นหัวเข้ามา “ธิดา คิดได้หรือยังอ่ะ ”
ญาธิดายิ้มแย้มให้กับเธออย่างเกรงใจ “ฉัน…ตอนเที่ยงฉันมีธุระอ่ะอาจทานข้าวกับเธอไม่ได้แล้วนะ”
“อ้าว งั้นก็ไว้คราวหน้าเถอะ”
เห็นชมพู่จากไปแล้ว ญาธิดาถึงตบแก้มที่ร้อนระอุ และหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เก็บของเตรียมตัวออกไป
มาถึงใต้โรงจอดรถ ขึ้นรถ ภวินท์สตาร์ทรถยนต์ และเอ่ยปากถามว่า “จะไปทานข้าวที่ไหน ”
“อืม คุณตัดสินใจเถอะ”
ถ้าไปร้านข้าวหมูซี่โครงร้านที่เธอบอกรร้านนั้นจริงๆ เกรงว่าจะเจอกับเพื่อนร่วมงานที่บริษัทเยอะมาก…
“ได้เลย”
ภวินท์สตาร์ทรถ และขับรถโดยตรง
หาเจอร้านอาหารร้านหนึ่ง ภวินท์พาญาธิดาเข้าไป แล้วหาที่นั่งใกล้กับหน้าต่างและนั่งลงไป
เวลาสั่งกับข้าว ญาธิดามองดูเมนูอาหาร ไม่รู้จะสั่งอะไรดี จึงให้พนักงานแนะนำอาหารพิเศษกับเธอสักเลย
“สามารถลองไก่สวรรค์ของเราดูได้นะคะ รสชาติเยี่ยมมากเลยค่ะ ยังมีหมูแฮมนี้อีกด้วย……”
ญาธิดาฟังพนักงานแนะนำเมนูอาหารให้กับตัวเองอยู่ จู่ๆก็รู้สึกว่าขาถูกอะไรสักอย่างมาดึงกระชาก
เธอก้มหน้าดู ก็ได้เจอกับเด็กผู้ชายที่ขาวๆคนนึง หน้าตาสามสี่ขวบ กำลังดึงกระโปรงของเธออย่างไม่ยอมปล่อยมือ
“เด็กน้อย นายมาจากไหนเนี่ย”
ญาธิดามองดูซ้ายขวา ไม่พบผู้ปกครอง ดึงกระโปรงเธอไว้ไม่พูดไม่จาและไม่ปล่อยมือ
เขามองดูญาธิดา แล้วก็มองดูน้ำผลไม้บนโต๊ะที่อยู่ข้างมือของเธอ หน้าตาจิ้มลิ้มแบะน่ารักสุดๆไปเลย ผ่านไปสักพัก ถึงเอ่ยปากด้วยเสียงเบาๆว่า “น้ำผลไม้ครับ……”
ญาธิดาได้ยิน ถึงได้เข้าใจ รีบหยิบแก้วน้ำขึ้นมาเทน้ำผลไม้และยื่นให้กับเขา “ค่อยๆดื่มนะครับ……”
ภวินท์นั่งอยู่ตรงข้าม มองดูสีหน้าและน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นมากของญาธิดา ยกมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ขอโทษค่ะๆ รบกวนพวกคุณแล้ว ”
ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็วรีบ จับเด็กผู้ชายไว้ และขอโทษให้กับญาธิดาอย่างไม่ขาดสาย
ญาธิดาส่ายหน้าอย่างยิ้มแย้ม “ไม่เป็นไรค่ะ เขาน่ารักมากเลยนะคะ”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มแย้ม ยื่นมือจะอุ้มเด็กผู้ชายขึ้นมา แต่พบว่ามือของเด็กผู้ชายยังคงดึงกระโปรงญาธิดาอยู่
ผู้หญิงตั้งใจทำเสียงดุ “น้องซัน ปล่อยมือนะ นายรังเกพี่สาวแบบนี้ เดี๋ยวลุงตรงข้ามตีนายนะ!”
เด็กผู้ชายได้ยิน มองไปที่ญาธิดาด้วยตากลมโต ถัดมาก็หันไปทางภวินท์ ลังเลอยู่สักพัก ถึงปล่อยมือ
มองเห็นผู้หญิงอุ้มเด็กผู้ชายจากไป ญาธิดายิ้มแย้ม ระหว่างคิ้วมีความอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้น
ภวินท์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม จู่ๆยักคิ้ว และเอ่ยปากถามว่า “คุณชอบเด็กมากเลยหรอ ”
ญาธิดาแทบไม่ลังเลอะไรเลย พยักหน้าโดยตรง “ค่ะ ”
เธอเพิ่งพูดจบ จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมา เอ่ยปากถามว่า “งั้น……คุณล่ะ ”
ภวินท์ลืมตา พูดแบบนิ่งๆว่า “ก็ชอบอยู่”
ญาธิดาตื่นเต้นมากขึ้น ถามต่ออีกว่า “ งั้นคุณชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงคะ ”