ดวงใจภวินท์ - บทที่ 650 ต่อให้ต้องตายฉันก็ไม่ยอม!
บทที่ 650 ต่อให้ต้องตายฉันก็ไม่ยอม!
ญาธิดายังไม่ตื่น เธอแค่กำลังฝันร้าย เธอยื่นมือขึ้นมาเพื่อพยายามคว้าอะไรบางอย่าง และทุกคนก็ร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
อีธาตกใจจนไม่กล้าขยับตัว และไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี
ในเวลานี้เอง ภวินท์ยื่นมือออกมา จับมือของญาธิดาที่โบกไปมาไว้ ก่อนจะลดเสียงของเขาลงเพื่อปลอบโยนเธอ “ไม่เป็นไรแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ ผมจะปกป้องพวกเขาเอง ไม่เป็นไรแล้ว…”
เสียงที่อ่อนโยนของเขาเหมือนมีเวทมนตร์ที่สามารถทำให้คนที่ได้ยินสงบลงได้ หลังจากพูดซ้ำอยู่หลายครั้ง ญาธิดาที่อยู่บนเตียงก็สงบลงอย่างช้าๆ และมือที่โบกไปมาก็ค่อยๆ วางลง…
ภวินท์เอื้อมมือออกไป แลัวหยิบทิชชู่เปียกข้างๆ ขึ้นมา แล้วเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของญาธิดา และน้ำตาบริเวณหางตาของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เธอ
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จอย่างเป็นธรรมชาติ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีคนมองอยู่ข้างๆ และพอเขาหันไปมอง ก็พบว่าอีธานกำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
เด็กน้อยนั่งอยู่บนตักของเขา ตอนนี้ดูท่าทางดูเป็นเด็กดีมาก กำลังจ้องมองเขานิ่ง ท่าทางอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเขา
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วถามว่า “ที่นั่งนี้ก็สบายเหมือนกันจริงไหม”
พอได้ยินแบบนี้ แก้มของอีธานก็แดงระเรื่อ และพยายามขยับตัวเพื่อลงจากขาเขา ภวินท์ยกยิัม แล้วอุ้มเขาขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
อีธานกับเอลล่าเอลล่าต้องตกใจอีกครั้ง พวกเขามองดูเขาเดินออกจากห้องไปด้วยแววตางุนงง ในเวลานี้เอง เอลล่าก็อดที่จะวิ่งไล่ตามเขาแล้วถามออกมาไม่ได้ว่า “คุณอาสุดหล่อ เดินได้แล้วเหรอคะ?”
ภวินท์วางอีธานลง แล้วขยิบตาให้เธอ “แค่ใช้เวทมนตร์นิดหน่อย ก็เดินได้แล้ว”
“ว้าว!”
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเอลล่าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงและดีใจ “เวทมนตร์อะไรคะ คุณอาช่วยสอนหนูด้วยได้ไหมคะ”
ภวินท์ยกยิ้มให้เธอ “ไว้ครั้งหน้านะครับ”
พอพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกพวกเขาว่า “พวกหนูสองคนเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นไปก่อนนะครับ อย่าซุกซน เดี๋ยวอาไปดูแลแม่ของพวกหนูก่อน”
ตอนนี้ญาธิดายังคงไข้สูงไม่ลด เธอฝันร้ายติดต่อกัน ไม่สามารถห่างจากคนอื่นได้
อีธานอยากจะปฏิเสธ แต่เหมือนเขาจะนึกถึงภาพที่ญาธิดาฝันร้ายเมื่อตะกี้ได้ เขาพองแก้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเตือนกึ่งข่มขู่ว่า “ผมฝากดูแลคุณแม่ด้วย ห้ามรังแกเธอเด็ดขาด!”
เขาพูด ก่อนจะกำหมัดยกขึ้นมาขู่
ภวินท์รู้สึกขบขัน ก่อนจะพยักหน้า แล้วพูดรับรอง
พอกลับมาในห้องนอน ภวินท์ก็นั่งลงข้างเตียง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ค่อยๆ จางลง
เขามักจะมีความรู้สึกผูกพันกับอีธานกับเอลล่าเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ทุกครั้งที่เขาคิดว่าพวกเขาเป็นพยานรักระหว่างญาธิดากับธีทัต หัวใจของเขาก็เจ็บอย่างรุนแรง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังเชื่อไม่เต็มที่ ตอนนี้ เขาก็แค่ต้องรอผลการตรวจออกมาเท่านั้นเอง
ช่วงนี้มีพายุไต้ฝุ่นถล่ม ท้องฟ้าของเมือง J มืดครึ้มมาหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นที่ฝนตกหนัก จากนั้นท้องฟ้าก็ไม่สดใสอีกเลย
ตอนบ่าย ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ญาธิดาพลิกตัว ก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ
ในขณะที่กำลังสะลึมสะลือ เธอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาปรากฏขึ้นตรงหน้า เธอกะพริบตาปริบๆ และรู้ว่าเป็นใบหน้าของภวินท์ที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มกำลังนอนพาดอยู่บนเตียง กำลังนอนหลับสนิท
เธอสะดุ้งตื่น และได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
วินาทีต่อมา ร่างกายของเธอก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา เธอตัวสั่น พอก้มหน้าลงมอง แล้วเห็นร่างกายของเธอก็กรีดร้องออกมาทันที!
เธอคว้าผ้าห่มมาปิดหน้าอกด้วยความตกใจ ก่อนจะมองไปทางภวินท์ที่ตื่นขึ้นมาแล้ว เสียงของเธอสั่นระริก “คุณ… คุณทำอะไรกับฉัน!”
ภวินท์ลืมตาตื่น แล้วมองไปทางญาธิดาที่กำลังโมโห ก่อนจะยกยิ้มกริ่ม แล้วพูดเนือยๆ “ทำให้คุณไข้ลดไง”
ญาธิดางุนงง “หืม?”
ในเวลานี้เอง ภวินท์ก็ยื่นมือออกมาหาเธอ พอเห็นว่ามือของเขากำลังจะแตะถูกหน้าผากของเธอ เธอก็ตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว และรีบปัดมือเขาออกไป “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ต่อให้ต้องตายฉันก็ไม่ยอม!”
ภวินท์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พอเห็นเธออยู่ในอาการแบบนี้ เขาอดที่จะพูดหยอกล้อเธอไม่ได้ เขาขยับริมฝีปากแล้วพูดว่า “คุณห้ามไม่ได้”
เขาพูด และไม่รอช้า เขายื่นมือจับมือเธอไว้ แล้วยกมืออีกข้างแนบหน้าผากของเธอเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายของเธอ
ญาธิดากลับเสียหน้า นึกว่าเขาจะทำอะไร จึงพยายามผลักเขาออกไป แต่เพราะเรี่ยวแรงของเธอมีจำกัด ดังนั้นเธอจึงทุ่มเรี่ยวแรงทั้งหมดทับตัวเขาไว้
เมื่อตะกี้ภวินท์นอนทับขาจนเหน็บชา ตอนนี้ไม่สามารถยืนนิ่งได้ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วถูกเธอผลักไปข้างหลัง พอเห็นว่าญาธิดากำลังจะล้มลงมาด้วย แขนที่แข็งแรงของเขาก็คว้าเธอมาโอบไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา แผ่นหลังของเขากระแทกกับพื้นดัง “ปึง”
เสียง “ตึง!” ดังขึ้นมา ญาธิดาตัวสั่นคลอน แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย พอเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าภวินท์ได้ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแน่น ใช้ร่างกายของเขาทำหน้าที่เป็นเบาะป้องกันให้เธอ
ในเวลานี้ เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย “คุณ…”
ไม่รอให้เธอพูดจบ ภวินท์ก็ขมวดคิ้ว แล้วทำสีหน้าเหมือนพายุที่ใกล้จะเข้ามา
ในเวลานี้ ญาธิดานอนอยู่บนหน้าอกของเขา แล้วมองมาที่เขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา มันดูบริสุทธิ์และน่าดึงดูดใจมาก ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
ทันใดนั้นเอง เขาพลิกตัว แล้วผลักเธอนอนลงไปบนพรม ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องอยู่ที่เธอ ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ญาธิดา เดิมทีผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ฮะ? ”
วินาทีต่อมา เขากดจูบเธออย่างแรง มือทั้งสองข้างของญาธิดาก็ถูกจับกดไปบนพรมนุ่ม
ในเวลานี้ สมองของญาธิดาว่างเปล่าไปหมด
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก แต่กลับเหมาะเจาะมาก
จนกระทั่งท้องฟ้าข้างนอกมึดลง พอพยัคฆ์ก็มาเคาะประตู แล้วบอกว่าอาหารเย็นเตรียมพร้อมแล้ว ทั้งสองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงถึงได้ขยับตัวเล็กน้อย
ญาธิดาได้สติกลับมาทันที เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
แต่ก่อนจะออกจากห้องไป ภวินท์ก็ตามมาคว้าเธอไว้ซะก่อน
ญาธิดาหันกลับมาด้วยความตกตะลึง และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังเดินอยู่
“ขาของคุณ……”
เมื่อตะกี้อยู่ในอารมณ์ร้อนแรง ทำให้เธอไม่มีสติ จึงไม่ได้สังเกตสองขาของเขา ตอนนี้ถึงนึกขึ้นมาได้…
ภวินท์ตอบกลับเสียงเรียบ “อืม”
เขาพูด ก่อนจะเดินไปขวางหน้าเธอ มองหน้าเธอแล้วถาม “ญาธิดา คุณคงไม่ได้คิดจะหนีอีกใช่ไหม?”
เหมือนถูกพูดแทงใจดำ ญาธิดาจึงกัดริมฝีปากของเธอแน่น ไม่พูดอะไร
“รู้สึกอึดอัดใจ?” ภวินท์ขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็น คุณกับผมหย่ากันแล้ว จะมีอารมณ์ต่อกันก็เป็นเรื่องปกติ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” ญาธิดาแก้มร้อนราวกับถูกตบหน้า เธอสูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ฉันจะรีบพาลูกจากไปให้เร็วที่สุด จะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป”
พอได้ยินแบบนี้ ภวินท์ก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วมองหน้าเธอก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าไปจากที่นี่คุณจะไปอยู่ที่ไหน กลับไปที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด หรือกลับอเมริกา”
เธอจากเขาไปอย่างไร้ความปรานีครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้เธอไปไหนอีกแล้ว
ญาธิดาอ้าปาก แต่พูดอะไรไม่ออก พูดตามตรง ตอนนี้เธอไม่มีที่ไปแล้ว สัมภาระถูกเก็บใส่กระเป๋าพะรุงพะรัง อีกทั้งยังต้องดูแลลูกอีกสองคนด้วย มันไม่สะดวกจริงๆ
แต่เพราะความดื้อรั้นที่ฝังอยู่ในกระดูกของเธอทำให้เธอไม่ยอมก้มหน้าให้ก่อน เธอไม่มองหน้าเขา “ฉันจะหาวิธีจัดการเองค่ะ”
ทันใดนั้นเอง ภวินท์ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ญาธิดา ผมขอแนะนำให้คุณอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาของผม อย่าดื้อดึง!”
ญาธิดารู้สึกไม่พอใจกับการบ้าอำนาจของเขาเล็กน้อย “ทำไมคะ? ”
ภวินท์จ้องมองหน้าเธอ นิ่งเงียบ ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็พูดขึ้นมา “เพราะสิงโตปรากฏตัวในเมืองJ อีกแล้ว”