ดวงใจภวินท์ - บทที่ 654 ถูกล้างสมองแล้ว?
บทที่ 654 ถูกล้างสมองแล้ว?
หัวใจของญาธิดาเต้นแรง เธอหายใจเข้าลึก ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะปล่อยมือที่โอบรอบเอวของชายหนุ่มไหม ในเวลานั้นเอง “เปรี๊ยง!” เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาพร้อมกับฟ้าแลบ ทำให้ภายในห้องเกิดแสงสว่าง
ญาธิดามุดตัวเข้าไป มือที่กำลังกอดแทนที่จะปล่อยลง กลับกอดแน่นขึ้นไปอีก
ภวินท์อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขามองลงไปที่เธอ แล้วเลิกคิ้วพูดขึ้นว่า “ฝนคงจะตกทั้งคืน ผมอยู่กับคุณดี…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ญาธิดาก็รีบปล่อยมือทันที เธอพยายามเว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง และมองหน้าเขาด้วยความหวาดกลัวและตกใจ “ไม่… ไม่จำเป็นค่ะ…”
ภวินท์มองไปที่เธอ แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อย่างนั้นเหรอ? ”
ญาธิดาห่อผ้าห่มไว้รอบตัวแน่น แล้วพยักหน้าด้วยอาการตกใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวมาก ในห้องที่มีอุณหภูมิพอดี แต่เธอกลับตกใจจนเหงื่อออกท่วมตัว แววตาของเธอเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว
ภวินท์เห็นว่าเธอยังคงยืนกรานคำเดิม เขาจึงพยักหน้า แล้วเอ่ยพูด “โอเค งั้นผมออกไปล่ะ?”
ญาธิดาพยักหน้านิ่ง และไม่พูดอะไร
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม กำลังมองไปที่ปฏิกิริยาของเธอ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย แล้วหันกลับเดินไปที่ประตู
บนท้องฟ้านอกหน้าต่าง ยังมีเสียงฟ้าร้อง “เปรี๊ยง เปรี๊ยง” เหมือนเสียงของสัตว์ประหลาดที่หิวโหย ภวินท์เดินไปที่ประตู แต่เหมือนว่าขาของเขาถูกตะกั่วยึดไว้กับที่ เดินไปต่อไม่ได้
เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง แล้วเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เขาสบตาของญาธิดาที่สั่นระริก ลำคอของเขาบีบรัด ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”
ญาธิดาประหลาดใจ “ฮะ?”
ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบ ภวินท์ก็รีบพลิกตัวขึ้นเตียง แล้วนอนลงข้างเธอ พร้อมกับดึงเธอเข้ามากอดโดยมีผ้าห่มขวางกั้น
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ เสียงกรีดร้องติดอยู่ตรงลำคอ เธอเงยหน้ามองขึ้นไปที่ใบหน้าของภวินท์ท่ามกลางความมืด
เขานอนกอดเธอไว้ โดยมีผ้าห่มกั้นขวางอยู่ระหว่างพวกเขา เขาไม่ได้เคลื่อนไหวตามใจชอบ นอนนิ่งไม่ขยับ และเหมือนจะเห็นดวงตาที่หวาดกลัวของเธอ เขาจึงก้มหน้าลงและพูดเสียงทุ้ม “หลับตานอนได้แล้ว”
ในใจญาธิดารู้ดี ในเวลาแบบนี้เธอควรตำหนิเขา ผลักเขา และขับไล่เขาออกไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หัวใจที่หวาดกลัวของเธอกลับสงบลงอย่างรวดเร็ว และหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
มันน่าแปลกมากจริงๆ
อ้อมกอดของเขาทั้งกว้างใหญ่และอบอุ่น ถึงแม้จะมีผ้าห่มขวางกั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่มาจากร่างกายของเขา เธอสูดดมกลิ่นหอมสะอาดบนร่างกายของเขา และเสียงของลมและฟ้าร้องนอกหน้าต่างก็ดูเหมือนถูกกั้นขวาง จนเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ
หัวใจของญาธิดาสงบลง และรู้สึกทำใจไล่เขาออกไปในตอนนี้ไม่ได้ ลมหายใจของเธอค่อย ๆ สม่ำเสมอ และความง่วงงุนก็จู่โจมเข้ามาใส่เธอ
หลังจากที่เธอผล็อยหลับไปแล้ว ภวินท์ยังไม่นอน เขาก้มหน้าลงไปมอง แล้วมองใบหน้าเล็กของหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาหัวใจของเขาก็โอนอ่อนทันที
ถ้าเขาสามารถกอดเธอไว้แบบนี้ตลอดไป เขาก็ยินยอม
อารมณ์ของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ไม่นาน เขาก็เหมือนถูกความง่วงจู่โจม เขาเริ่มง่วงนอน และผล็อยหลับไปอย่างช้าๆ
คืนนี้ ด้านนอกยังคงฟ้าร้องลมแรง แต่บรรยากาศภายในบ้านก็กลมกลืน และฝันหวานตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาพลิกตัว รู้สึกถึงแสงสว่างรอบ ๆ ตัว จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
นอนจนตื่นขึ้นมาตามธรรมชาติ ความรู้สึกแบบนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!
เธอบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง เธอหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องสว่าง ท้องฟ้าข้างนอกแจ่มใสแล้ว หลังจากผ่านพายุฝนฟ้าคะนองมาตลอดทั้งคืน ต้นไม้ใบไม้ข้างนอกก็ดูเขียวขจีมาก
ทันใดนั้นเอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ผุดขึ้นในใจเธอ ก่อนที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อคืนนี้ได้
เมื่อคืนนี้… เธอเหมือนจะกอดภวินท์ไว้ไม่ยอมปล่อย ต่อมาภวินท์ก็นอนกับเธอทั้งคืน
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกอับอายพุ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยอย่างร้อนรน แต่ในห้องไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากเธอ บนเตียงเด็กของอีธานกับเอลล่าก็ว่างเปล่าเช่นกัน และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นนอนกันแล้ว
เธอไม่รู้ว่าภวินท์ออกไปตั้งแต่ตอนไหน เธอหวังว่าฉากที่เธอกับภวินท์นอนบนเตียงเดียวกันจะไม่โดนอีธานเห็นเข้าโดยบังเอิญ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะอธิบายไม่ได้เหมือนกัน
หลังจากตื่นเต็มตา เธอก็รีบลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันทันที หลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วออกจากห้องน้ำมา เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก
เธอหันไปมอง จึงเห็นภวินท์เดินจูงมืออีธานกับเอลล่าเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือยังถือถุงกระดาษสีน้ำตาลไว้ในมือ
พอเห็นเธอ อีธานมองมาอย่างดีใจแล้วเอ่ยถาม “คุณแม่ครับ ตื่นแล้วเหรอครับ?”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างงุนงง แล้วมองดูกลุ่มประหลาดของทั้งสามคน เธออดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“คุณกลับมาจากข้างนอกได้ยังไง”
เอลล่าบอกตามความจริงว่า “คุณอาสุดหล่อไปซื้ออาหารเช้าค่ะ พวกเราสองคนก็เลยไปกับเขาด้วย”
เอลล่าพูด ก่อนจะวิ่งเข้ามา แล้วเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของเธอ ก่อนจะถามเบาๆ ว่า “คุณแม่คะ นอนหลับสบายไหมคะ คุณอาสุดหล่อบอกว่าเมื่อคืนคุณแม่ไม่สบาย เขาก็เลยต้องนั่งดูแลคุณแม่ทั้งคืนเลย”
“อะไรนะ? ”
ญาธิดาตกใจ และมองไปที่ภวินท์ด้วยความประหลาดใจ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เธอแทบอยากจะเก็บมันเป็นความลับไม่พูดออกมา แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าภวินท์จะบอกพวกเขาไปได้ง่ายดายแบบนี้
เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย แล้วหันมองไปที่ภวินท์ แต่เธอไม่อยากต่อว่าเขาต่อหน้าลูก ดังนั้นเธอจึงได้แต่ถลึงตามองเขา
ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก ทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าและการกระทำของเธอ เขาเดินเข้าไปหาเธอและพูดออกม่เบา ๆ ว่า “ผมซื้อข้าวต้มไก่เห็ดหอมที่คุณชอบมาให้ด้วยนะ”
ความโกรธของญาธิดาไม่ได้ลดลงเลย ในขณะที่เขาเดินเข้ามาเธอก็ลดเสียงพูดให้ได้ยินแค่สองคน “ใครให้คุณบอกเด็ก ๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้? ”
มันดูไม่ดีไม่รู้หรือไง?
ภวินท์ยกยิ้ม “ฉันไม่ได้พูด”
ญาธิดามองเขาด้วยสายตางุนงง
ภวินท์พูดต่ออย่างเฉยชา “เมื่อเช้าพวกเขาตื่นขึ้นมาเห็นเอง”
“อะไรนะ?” ญาธิดาตกใจจนตาแทบถลนออกมา เธอสูดหายใจเข้าลึก แต่ไม่รู้จะพูดยังไง
ต้องมาถูกลูกๆ เห็นเธอนอนกับผู้ชายคนอื่น มันช่างน่าอายจริงๆ
ในเวลานี้เอง อีธานก็เดินมาหาเธอ ก่อนจะจับมือเธอด้วยรอยยิ้มเขินๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม “คุณแม่ครับ คุณแม่กับคุณอาสุดหล่อคบกันแล้วเหรอครับ”
“อะไรนะจ๊ะ? ”
ญาธิดาตกใจกับคำพูดที่จู่ๆ เขาก็โพล่งออกมา เธอมองไปทางอีธาน แล้วมองไปทางภวินท์ ในเวลานี้เธองุนงง ไม่รู้จะตอบยังไง
“อีธาน ใครบอกลูกกัน อย่าพูดไร้สาระแบบนี้นะลูก…”
“ผมเดาครับ” อีธานยกยิ้ม มือที่จับชายเสื้อของเธออยู่สะบัดไปมา แล้วพูดอ้อน “คุณแม่ครับ ที่จริงแล้ว ผมกับเอลล่าคุยกันแล้ว คุณอาสุดหล่อเป็นคนดีมาก พวกเรายินดีรับเขาเป็นคุณพ่อครับ”
เขาพูด จากนั้นก็มองไปทางเอลล่าเพื่อยืนยันแล้วถามว่า “จริงไหม เอลล่า?”
เอลล่ารีบพยักหน้าระรัว และจูงมือภวินท์ไว้อย่างเชื่อฟัง
ญาธิดาหยุดชะงักอยู่กับที่ เธออ้าปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
ภวินท์ทำอะไรกับลูกน้อยทั้งสองคนของเธอกันแน่ หรือว่าจะล้างสมองพวกเขาไปแล้ว!