ดวงใจภวินท์ - บทที่ 655 อยากจะเป็นพ่อของเด็กๆ
บทที่ 655 อยากจะเป็นพ่อของเด็กๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ให้เร็วที่สุด แล้วมองอีธานกับเอลล่า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกลูกสองคนตามแม่มา”
อีธานกับเอลล่ามองหน้ากัน หลังจากลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตามเธอไป
พอพวกเขาเดินเข้ามา ญาธิดาก็เอ่ยถามว่า “ยอมรับคุณอาสุดหล่อที่พวกลูกพูดหมายความว่ายังไง?”
อีธานกระพริบตา และยกยิ้มออกมา “ความหมายก็คือ… พวกเราตกลงที่คุณแม่กับคุณอาสุดหล่อจะคบกันไงครับ”
ญาธิดาโกรธจนพูดไม่ออก “แม่…”
ใครอยากจะคบกับภวินท์กัน ล้อกันเล่นใช่ไหม
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ เอลล่ากับผมเข้าใจดี ในเมื่อคุณพ่อไม่ต้องการคุณแม่แล้ว เราก็ไม่ต้องการเขาแล้วเหมือนกัน เขาทำให้คุณแม่โกรธจนไม่สบาย แล้วยังไม่มาเยี่ยมคุณแม่อีก โชคยังดีที่คุณอาสุดหล่อคอยดูแลคุณมาตลอด คุณอาสุดหล่อดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี ดังนั้น พวกเราไม่ต่อต้านถ้าคุณแม่กับเขาจะคบกัน”
อีธานพูด ก่อนจะขยิบตาให้เธอ และตบไหล่เธอด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจากได้ยินในสิ่งที่เขาพูดแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเขาจะดูละครน้ำเน่ามากเกินไป ก็คงจะดูคลิปวิดีโอติ๊กตอกเยอะมากเกินไป ทำให้สิ่งที่เขาพูดออกมาดูมีเหตุมีผลเหมือนคำพูดของผู้ใหญ่
ญาธิดาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ แล้วรู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเธอพุ่งขึ้นไปในสมองของเธอ เธองุนงง รู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน
เธอคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งเธอจะถูกลูกชายเกลี้ยกล่อมให้มีความรักแบบนี้ อีกทั้งยังให้เธอคบกับภวินท์อีก
เปลี่ยนเป็นใครก็ได้ นอกจากเขาที่ไม่ได้เด็ดขาด!
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก และสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่อีธานกับเอลล่า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ลูกคิดมากเกินไปแล้ว ระหว่างแม่กับเขามันไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
ในขณะที่พูดอย่างนั้น เธอก็ยื่นมือออกไปและจงใจขยุ้มผมของอีธานจนยุ่งเหยิง แล้วเลิกคิ้วขึ้นทำหน้ามุ่ย แล้วมองไปทางภวินท์
“คุณตามฉันมา”
เธอทิ้งประโยคนี้ไว้ข้างหลัง แล้วหันหลังเดินไปที่ระเบียง
เธอจะต้องคุยกับภวินท์ให้เข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าไม่มีเขาคอยเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างหลัง อีธานกับเอลล่าคงไม่เป็นแบบนี้
เรื่องนี้ เขาต้องมีส่วนร่วมด้วยแน่ๆ!
ญาธิดารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย พอภวินท์เดินเข้ามา เธอก็มองหน้าเขาอย่างจริงจังแล้วถามออกไป “ภวินท์ คุณหมายความว่ายังไง”
ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก และแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “หมายความว่ายังไงอะไรครับ”
“คุณไม่รู้จริงๆ แน่เหรอคะ?” ญาธิดากำลังจะโมโหตาย “อะไรคือธีทัตไม่ต้องการฉันแล้ว สนับสนุนพวกเราให้คบกัน คุณสอนให้พวกเขาพูดแบบนี้ใช่ไหม”
ภวินท์นิ่งเงียบ แววตาเป็นประกาย และพูดออกมาเบา ๆ “ผมเป็นคนสอนเอง ผมยอมรับ”
ญาธิดากัดฟันกรอด “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้คะ!”
ภวินท์ยกยิ้มกริ่ม “หรือว่าเป้าหมายของผมยังไม่ชัดเจนพอ”
เขาพูด ก่อนจะเดินเข้าไป และเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ แววตาที่มองเธอเร่าร้อน สองมือของเขาเปิดกว้าง และจับที่กั้นระเบียงไว้ โดยขังเธอไว้ตรงกลาง
ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนแนบชิด บรรยากาศดูคลุมเครือมาก
หัวใจของญาธิดาเต้นแรง เธอขยับริมฝีปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก “นี่คุณ…”
“ในเมื่อคุณไม่รู้ ผมก็จะบอกคุณเอง” ริมฝีปากของภวินท์ยกยิ้ม “ผมอยากเป็นพ่อของเด็กๆ …”
ทันใดนั้นเอง ใบหูทั้งสองข้างของญาธิดาอื้ออึง แก้มของเธอร้อนขึ้นมาทันที
เธอคิดไม่ถึงว่าวันนี้ภวินท์จะพูดตรงไปตรงมา และยังกล้าพูดแบบนี้
เธอรวบรวมความกล้า ในที่สุดก็รวบรวมสติกลับมาได้ เธอถึงได้นึกขึ้นได้ว่าต้องปฏิเสธ “ไม่… ไม่ได้!”
ภวินท์หัวเราะ “ทำไมล่ะ?”
ญาธิดารู้ดีแก่ใจ ในเวลานี้ถ้าอาละวาดกับภวินท์จะได้ผลตรงกันข้าม เขาบ้าอำนาจจนไม่ปล่อยโอกาสให้เธอเลย
แทนที่จะใช้วิธีอื่น กระตุ้นเขาให้ตัดใจเองจะดีกว่า!
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดอย่างหนักแน่น “อีธานกับเอลล่าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณเลย ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ที่จะเต็มใจเลี้ยงลูกให้ผู้ชายคนอื่นหรอกค่ะ!”
“ผมเป็นข้อยกเว้น” ภวินท์ยักไหล่และหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ผมไม่รังเกียจเลย”
พอเห็นท่าทางของเขา ศีรษะของญาธิดาก็พองตัว เธอสูดหายใจเข้าลึก และบังคับตัวเองให้สงบลง “คุณไม่ใส่ใจ แต่ฉันใส่ใจ!”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอยื่นมือออกไปเพื่อดันแขนที่เขาจับราวระเบียงไว้ออก แต่ภวินท์ก็แค่เอื้อมมือออกมาจับมือเธอไว้
ใบหน้าของญาธิดาแดงก่ำ ในขณะที่เธอกำลังจะด่าว่าเขา ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากอีกด้าน เธอชะงักงัน แล้วหันไปมอง จึงเห็นอีธานกับเอลล่าที่โผล่หน้าออกมาดู
ญาธิดาเริ่มร้อนรน “คุณ… ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
จะมาจับไม้จับมือกันแบบนี้ต่อหน้าเด็ก มันเหมาะสมที่ไหนกัน
มือของภวินท์แข็งแรงมาก และฝ่ามือใหญ่ของเขาก็จับมือของญาธิดาแน่น จนเธอดิ้นไม่หลุด
ภวินท์มองหน้าเธอแล้วยกยิ้มออกมา ก่อนจะถามต่อจากคำถามก่อนหน้า “คุณไม่ยินยอมจริงๆ เหรอ? ”
ญาธิดากัดริมฝีปากล่างของเธอไว้ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “ไม่ค่ะ!”
ภวินท์นกยิ้ม “ได้ จำสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไว้นะ ไม่ช้าก็เร็ว มันจะเปลี่ยนไป”
พอพูดจบ เขาก็ปล่อยมือเธอออก
พอเห็นญาธิดารีบหนีออกจากระเบียงด้วยความร้อนตัว รอยยิ้มของภวินท์ก็ยิ่งกว้างขึ้น
ปกติเขาทำอะไรก็มั่นใจว่าจะสำเร็จ และครั้งนี้ ก็ต้องสำเร็จเช่นกัน
ในขณะนี้เอง โทรศัพท์ของเขาก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมา ภวินท์ได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาเหลือบมองที่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วนิ่งเงียบ ก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล? ”
เสียงพูดแหบแห้งของชายหนุ่มปลายสายดังออกมา “เจ้านายครับ เหยื่อติดกับแล้วครับ”
ในเวลานี้ ความอ่อนโยนและรอยยิ้มบนใบหน้าของภวินท์หายไปหมดแล้ว แทนที่ด้วยความโหดเหี้ยมและเย็นชา “อืม ทำตามแผนที่วางไว้”
“แต่ว่า……”
เสียงของอีกฝ่ายลังเลเล็กน้อย “เป็นการค้นพบที่คาดไม่ถึงเล็กน้อยครับ ที่รังกบดานเก่าของพวกเขา พวกผมพบคนคนหนึ่ง”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใคร? ”
“คุณปกรณ์ครับ”
ร่างกายของภวินท์แข็งทื่อไปเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วกัดฟันพูด “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสาย เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
นานแค่ไหนแล้วที่ตนเองไม่ได้ยินชื่อนี้? เขาส่งคนไปค้นหาหลายประเทศ แต่ไม่เจอร่องรอยเขาเลย คิดไม่ถึงว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ในประเทศ
อยู่ใกล้แค่หางตาจริงๆ!
หลังจากนั้นไม่นาน กริ่งประตูก็ดังขึ้น ญาธิดาเดินไปเปิดประตูพอเห็นพยัคฆ์กับพายุอยู่นอกประตู เธอก็อดที่จะตกใจไม่ได้
พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของพวกเขา ญาธิดาก็เริ่มกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก
ในสมัยก่อนถ้าภวินท์ไปทำธุระที่อันตราย ก็มักจะมีพายุหรือพยัคฆ์คนใดคนหนึ่งตามไปด้วยเสมอ ต่อมาหลังจากที่พายุกับอัญมณีแต่งงานกันแล้ว ภวินท์มีเรื่องอะไรก็จะให้พยัคฆ์ไปทำ แต่วันนี้ ทั้งมือซ้ายและมือขวามาพร้อมหน้ากันแบบนี้ ทำให้เธอกังวลใจแปลกๆ
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เธอลังเลเล็กน้อย แต่ก็อดใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามออกมา “วันนี้พวกนายจะไปทำอะไรกันคะ มีอะไรเกิดขึ้นที่บริษัทหรือเปล่า”
พยัคฆ์กับพายุตอบออกมาพร้อมกัน “ไม่มีอะไรครับ”
พอได้ยินแบบนี้ ญาธิดาก็เบ้ปาก นี่มันดูเหมือนไม่มีอะไรตรงไหนกัน ช่างปากแข็งจริงๆ
ในเวลานี้เอง เสียงหัวเราะของภวินท์ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ทำไมครับ เป็นห่วงผมหรือไง”
ญาธิดารีบหันไปมอง แล้วต้องขมวดคิ้วกับสีหน้าของเขา “คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
ภวินท์ยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอ แล้วโน้มตัวลงไปข้างหูของเธอ เขากระซิบพูดว้า “ดูแลลูกๆ อยู่ที่บ้าน ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะกลับมาหา”
น้ำเสียงของเขาเหมือนสามีบอกกับภรรยาของเขา
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของญาธิดาก็ด้านชาไปครึ่งตัว เธอตกตะลึงก่อนจะกลับมารู้สึกตัว นี่เขาฉวยโอกาสแตะเนื้อหาต้องตัวเธอนี่นา!
เธอกำลังจะด่าเขา แต่กลับเห็นเขานั่งตรงบนรถเข็น แล้วหยิบผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมขาของเขาไว้ จากนั้นพยัคฆ์ก็เดินเข้าไปหา แล้วเลื่อนรถเข็นที่เขานั่งออกไปที่ประตู
ญาธิดาตกตะลึง แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างอดใจไม่ได้ “ทำไมคุณถึงต้องนั่งรถเข็นอีกล่ะ”
ขาของเขาหายดีแล้วชัดๆ จะออกไปข้างนอกก็ต้องนั่งรถเข็น เขาทำแบบนี้ เพื่อจะให้ใครดู?