ดวงใจภวินท์ - บทที่ 665 เริ่มปฏิบัติการ
บทที่ 665 เริ่มปฏิบัติการ
ทีแรกเธอยังคิดไม่ตกว่าวันนี้จะใช้ข้อแก้ตัวอะไรออกไปข้างนอกดี คิดไม่ถึงว่าประโยคเดียวของอีธานจะช่วยเปิดทางให้เธอทันที
ญาธิดาดีใจมากจนรีบโน้มตัวลงไปหอมแก้มเล็ก ๆ ของอีธาน ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขว่า “หนูพูดถูก! ต้องตอบแทนซึ่งกันและกัน! วันนี้ตอนเที่ยวแม่จะทำอาหารไปให้เขา!”
ญาธิดารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที อีธานกับเอลล่าอึ้งไปตาม ๆ กัน ก่อนที่อีธานจะถูแก้มของตัวเองอย่างเขินอาย “แม่ครับ ผมเป็นลูกผู้ชายอายุหกขวบแล้วนะ จะมาหอมแก้มตามใจแบบนี้ไม่ได้แล้ว!”
พอเห็นท่าทีจริงจังของเด็กชาย ญาธิดาก็ยิ้ม ๆ อย่างไม่ได้สนใจอะไร พลางยกมือขึ้นลูบหัวเขาและพูดกำชับว่า “รีบทานอาหารเช้า เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อกลางวัน”
เธอกลับไปที่ห้องและเขียนรายการอาหารที่เธอวางแผนจะทำตอนเที่ยง จากนั้นสั่งผักทางออนไลน์ให้ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ ๆ มาส่ง
ระหว่างรอวัตถุดิบมาส่ง เธอกลับเข้ามาที่ห้อง และได้รับข้อความใหม่เด้งเข้ามา “ติ่งต่อง”
เธอหยิบขึ้นมาดู มันเป็นข้อความจากเบอร์แปลก เมื่อเธอกดเปิดร่างกายของเธอก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที
“เธอเหลือเวลาอีกแค่สิบสี่ชั่วโมงสุดท้ายเท่านั้น”
ใต้ข้อความมีรูปถ่ายหนึ่งรูป ซึ่งเป็นรูปถ่ายของดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีที่ถ่ายอยู่ข้างสระน้ำขอพรบนถนนแห่งหนึ่งในยุโรป ห่างออกไปไม่ไกลก็มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังจ้องมองตรงมาที่พวกเขา ข้างเอวเขามีมีดพับสวิสเล่มหนึ่งเหน็บอยู่
ญาธิดาตัวเย็นเฉียบไปทั้งตัว ความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ หัวใจที่มุ่งมั่นและหนักแน่นเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปากล่าง พยายามใช้ความเจ็บปวดเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง เธอยืนนิ่งอยู่กับที่กว่าพักใหญ่กว่าจะผ่อนคลายลงเธอตอบกลับด้วยข้อความด้วยมือที่สั่นเทาว่า “เริ่มปฏิบัติการตอนบ่าย”
หลังจากส่งข้อความกลับ เธอเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชัก หยิบแฟลชไดรฟ์ที่ภูผาให้ไว้ออกมา และเงียบไปนาน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ ๆ โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้น วัตถุดิบที่เธอสั่งทางออนไลน์มาถึงแล้ว เธอเดินออกไปรับที่หน้าประตูแล้วเข้าไปเตรียมทำอาหาร
เธอทำอาหารสามอย่างและซุปอีกหนึ่งอย่าง เธอตั้งใจทำมาก อาหารทั้งสามอย่างหน้าตาดูดีกลิ่นหอม ทำเอาอีธานและเอลล่าน้ำลายไหลไปตาม ๆ กัน
หลังจากรับประทานอาหารกับพวกเขาแล้ว ญาธิดานำกล่องอาหารกลางวันที่เตรียมไว้ไปวางที่ห้องนั่งเล่น หลังจากเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
และบังเอิญเจอกับพยัคฆ์ที่หน้าประตูเข้าพอดี
เมื่อเห็นพยัคฆ์ ญาธิดาก็รีบเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน “ภวินท์ทานอาหารกลางวันหรือยัง?”
พยัคฆ์ตอบตามจริงว่า “คุณภวินท์ไม่มีเวลาอาหารเลยครับ ช่วงนี้โปรเจ็กต์มีปัญหานิดหน่อย เขากำลังหารือกับคนรับผิดชอบว่าจะแก้ไขยังไงต่อไป”
“พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาไปส่งให้เขาเอง” ญาธิดาเขย่ากล่องอาหารกลางวันในมือแล้วสั่งกำชับเขาว่า “นายอยู่บ้านดูแลอีธานกับเอลล่าให้ดี เดี๋ยวฉันช่วยลากับภวินท์ให้”
“แต่คุณภวินท์สั่งไว้ว่าถ้าพี่จะออกไปไหนให้ผมไปเป็นเพื่อนด้วย”
ญาธิดายิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรหรอก ข้างล่างมีคนขับรถอยู่หรือเปล่า? ให้เขาไปส่งฉันก็พอแล้ว”
พยัคฆ์ยากจะปฏิเสธ เพราะถ้าญาธิดาออกไปข้างนอกและเขาตามไปด้วย ที่บ้านก็จะเหลือแค่อีธานกับเอลล่าสองคนแล้ว
เขาพยักหน้าตอบตกลง
ญาธิดาลงไปชั้นล่าง ขึ้นรถ และตรงไปที่STN Group
ช่วงนี้เธอเอาแต่ยุ่งตลอดเวลา จะว่าไปเธอก็ไม่ได้ไปSTN Groupมาสักระยะแล้วเหมือนกัน
เธอนั่งอยู่ในรถโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทุกย่างก้าวของเธออยู่ภายใต้การจับตามองของภูผาตลอด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ญาธิดามาถึงห้องทำงานของท่านประธานSTN Group ทันทีที่ญาธิดาเดินมาถึงที่ประตูก็ได้ยินเสียงของภวินท์ดังออกมาจากด้านใน ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังโกรธเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาฟังดูคล้ายกำลังตำหนิผ่านไปครู่หนึ่งก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินหน้าซีด ก้มหน้าก้มตาออกมาจากด้านใน
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ประตู ทันทีที่ผลักประตูเปิดออกก็เห็นภวินท์ขมวดคิ้วแน่น มือจับปากกากำลังจดอะไรบางอย่างลงบนเอกสาร
เมื่อได้ยินเสียง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยปากอย่างหมดความอดทนว่า “ออกไป!”
ญาธิดาชะงักนิ่งไป เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่รู้จะทำยังไงดี จะก้าวต่อไปก็ไม่ดี จะถอยกลับก็ไม่ได้
ทันใดนั้น ภวินท์ก็เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น วินาทีที่เห็นเธอ แววตาของเขาดูแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะอ่อนลงไปมาก “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“คิดว่าคุณคงยังไม่ได้ทานข้าว พอดีอาหารที่บ้านทำเยอะเกินไป ก็เลยเอามาส่งให้คุณที่นี่”
เมื่อได้ยินดังนั้นความเย็นชาบนใบหน้าของภวินท์ก็จางหายไป แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “ให้พยัคฆ์มาส่งก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องมาเองแบบนี้?”
ญาธิดาก้าวเข้าไปหาพลางเปิดกล่องอาหาร แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายวัน เลยเบื่ออยากจะออกมาสูดอากาศบ้าง เอาล่ะ คุณรีบทานข้าวเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นหมด”
ขณะที่พูดเธอก็รวบเอกสารบนโต๊ะของเขาเก็บให้เรียบร้อยและจัดที่ว่างสำหรับวางกล่องอาหารกลางวัน
อาจจะเป็นเพราะเขาหิวมาก ภวินท์ถึงได้หยิบตะเกียบและเริ่มทานอาหารทันทีโดยไม่พูดอะไร ญาธิดายืนมองอยู่ข้าง ๆ เธอเหลือบสายตามองคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ
ที่ภูผาพูดถึงคงจะเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องนี้สินะ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพลางแตะแฟลชไดรฟ์ในกระเป๋าของเธอเบา ๆ พลางครุ่นคิดว่าจะใช้ข้ออ้างอะไรยืมใช้คอมพิวเตอร์ของภวินท์
เพราะภูผาบอกว่าคอมพิวเตอร์ของภวินท์มีรหัสผ่านและติดตั้งระบบไฟร์วอลล์พิเศษซึ่งไม่สามารถเจาะทะลุได้และเมื่อป้อนรหัสผ่านผิดก็จะเข้าสู่โหมดล็อกและเปิดไม่ได้เลย
ดังนั้นถ้าต้องการจะเข้าใกล้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เธอต้องถามรหัสผ่านจากปากของภวินท์เท่านั้น
เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เพราะเธอรู้ดีว่าบางทีตอนนี้ภูผาอาจจะกำลังเฝ้ามองเธออยู่ ดังนั้น เธอจำเป็นต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด…
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ เธอเอื้อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมาอ่าน
“เขตตะวันตกกำลังจะเปิดเขตการค้าเหรอ?”
ภวินท์ที่กำลังทานข้าวพอได้ยินแบบนั้นก็ชะงักนิ่งไป ก่อนจะพูดเอื่อย ๆ ว่า “อืม แผนงานที่คนข้างล่างส่งขึ้นมามีแต่แบบเดิม ๆ ไม่มีความคิดใหม่ เขตตะวันตกเป็นเขตพัฒนาใหม่ของเมือง J ในอนาคต ถ้ารูปแบบการพัฒนายังลอกเลียนแบบเขตตะวันออกกับเขตเหนือ คงจะไม่มีความก้าวหน้าอะไร”
ญาธิดาฟังเขาพูด พลางพลิกดูแผนงานในมือ ทันใดนั้นเธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “หรือว่าให้ฉันลองดู?”
ภวินท์แปลกใจเล็กน้อยพลางหันไปมองเธอ “ลองอะไร?”
“ลองดูว่าจะเปลี่ยนแผนนี้ให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม” ญาธิดายิ้มให้เขา พลางผลักเขาออก “คุณไปนั่งกินข้าง ๆ ฉันจะใช้คอมพิวเตอร์ ไว้คุณกินเสร็จก็คงจะแก้เสร็จพอดี”
เมื่อเห็นท่าทางท่าทางกระตือรือร้นของหญิงสาว ภวินท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วและถามว่า “เธอแน่ใจเหรอว่าจะแก้ได้?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ญาธิดาพยักหน้าอย่างมั่นใจ “คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ความสามารถทางธุรกิจของฉันสักหน่อย!”
พอเห็นแบบนั้น ภวินท์ก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อสละที่นั่งให้เธอ เขาหยิบกล่องอาหารกลางวันกำลังจะเดินไปทางโต๊ะกาแฟ ทว่าเขาหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาใส่รหัสผ่านและเปิดคอมพิวเตอร์ให้เธอ
เขาป้อนรหัสผ่านเร็วมาก แต่ญาธิดาก็มองเห็นอย่างชัดเจน หลังจากเธอแอบจดไว้อย่างเงียบ ๆ แล้วก็วางแผนงานไว้ด้านหน้า ก่อนจะใช้คอมพิวเตอร์เริ่มเขียนแผนงานใหม่
เมื่อเห็นภวินท์นั่งอยู่ที่โต๊ะกาแฟ หัวใจของญาธิดาก็ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย
ตอนนี้เธอหาคอมพิวเตอร์เจอและปลดล็อกรหัสได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องหาโอกาสที่ภวินท์ไม่ทันสังเกตเอาข้อมูลในแฟลชไดร์ฟใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์