ดวงใจภวินท์ - บทที่ 669 ขโมยความลับทางการค้า
บทที่ 669 ขโมยความลับทางการค้า
ญาธิดาเพิ่งจะแตะโดยโทรศัพท์ในกระเป๋าและกำลังพยายามปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ แต่จู่ ๆ นิวราก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาเธอราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร หล่อนเอื้อมมือออกมาคว้าแขนของเธอไว้อย่างรวดเร็ว
นิวรายิ้มเยาะเย้ยด้วยท่าทียั่วยวนกวนประสาท “ทำไม? กลัวเหรอ?”
ญาธิดาปัดมือของหล่อนออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเอ่ยถามอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “กลัวอะไร? นิวรา เรามาเปิดอกคุยกันมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”
ความเยือกเย็นสะท้อนจากแววตาของนิวรา หล่อนพูดออกมาด้วยสีหน้ามืดมนว่า “ญาธิดา แกเลิกแสร้งทำเป็นว่าหยิ่งยโสซะที ในเมื่อแกพูดแบบนี้ฉันก็จะพูดตามความจริง ฉันไม่อยากเห็นแกมีชีวิตที่ดี! แกติดค้างฉัน แกก็ควรจะชดใช้คืนให้ฉัน!”
ขณะที่พูดแววตาของเธอมืดมนทำเอาคนมองตกใจกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ เธอกำมือแน่น และถามอย่างเย็นชาว่า “เธอว่ามาสิ ฉันติดค้างอะไรเธอ!”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าถึงตัวเองจะพูดแบบนี้ไปมันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกถึงความเยือกเย็น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่กลัวเกล้าแก้ว แต่ตอนนี้เธอต้องระวังให้มาก และต้องค่อย ๆ ถ่วงเวลาเพื่อคิดหาหนทางไปจากที่นี่!
ในขณะเดียวกัน ทางด้านห้องทำงานของท่านประธานก็ถูกผลักประตูเปิดออกในที่สุด ชายในชุดสูทหลายคนเดินออกมาทีละคนพลางกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างไปด้วย จากนั้นภวินท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ถูกพายุเข็นรถออกมา
ทันใดนั้น ผู้ช่วยสาวก็เดินเข้าไปพร้อมกล่องอาหารกลางวันและบอกว่า “คุณภวินท์ นี่คืออาหารกลางวันจากคุณญาธิดาค่ะ”
ภวินท์เหลือบมองกล่องอาหารกลางวันแล้วถามว่า “แล้วเธอหายไปไหน?”
ผู้ช่วยสาวรายงานตามความจริงว่า “ดูเหมือนเธอจะขึ้นไปหาเพื่อนบนชั้นดาดฟ้าค่ะ ไปได้สักพักแล้วนะคะ”
พอได้ยินแบบนั้น ภวินท์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และรีบหยิบมือถือออกมาโทรหาญาธิดาทันที
เขาแอบรู้สึกได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา จากข้อสังเกตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงข้อมูลภายในที่พวกเขาเพิ่งจะรับรู้เมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ในเวลานี้ ถ้าญาธิดายอมอยู่บ้านเฉย ๆ จะปลอดภัยที่สุด
เขาครุ่นคิด หลังจากที่โทรศัพท์กดโทรออกจนเสียงสัญญาณดังสองสามครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย ทันใดนั้นก็ถูกตัดสายทิ้งไปอย่างกะทันหัน
ภวินท์ขมวดคิ้วหันไปมองผู้ช่วยสาว แล้วเอ่ยปากถามว่า “เธอรู้ไหมว่าใครเป็นคนให้มาตามหาเธอ?”
ผู้ช่วยสาวนึกย้อนกลับไปแล้วพูดขึ้นว่า “เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จากแผนกการตลาดบอกว่าคุณชมพู่ฝ่ายการตลาดกำลังตามหาคุณญาธิดา…”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของภวินท์ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “รีบโทรหาผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดถามว่าเธออยู่ที่ไหน?”
ผู้ช่วยสาวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าตกใจกลัวสีหน้าจริงจังของภวินท์ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานเพื่อกดโทรออก สักพักเธอก็รีบวิ่งออกมาอย่างรีบร้อนด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “คุณภวินท์ ติดต่อไปถามคุณชมพู่แล้ว เธอบอกว่ากำลังทานข้าวอยู่ข้างนอกและไม่ได้นัดคุณญาธิดาขึ้นไปเจอที่ดาดฟ้าด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของภวินท์เคร่งขรึมขึ้นมาก
แสดงว่าคนที่นัดญาธิดาขึ้นไปเจอบนดาดฟ้าเป็นคนอื่น แล้วคนคนนั้นเป็นใคร ทำไมต้องอ้างชื่อของคนอื่น?
ภวินท์ยิ่งคิดยิ่งผิดสังเกต เขากระชับมือกับที่จับรถเข็นเอาไว้แน่นและอยากจะลุกขึ้นยืน ทว่าพายุที่อยู่ข้าง ๆ เอื้อมมือไปแตะไหล่ของเขาเอาไว้พลางโน้มตัวลงไปพูดกับเขาว่า “คุณภวินท์ ใจเย็น ๆ ครับ”
เพียงประโยคเดียว แต่เป็นเหมือนน้ำเย็นที่ชโลมลงบนตัวของภวินท์ทำให้เขาใจเย็นลง
เมื่อกี้เขาร้อนใจอยากจะรีบขึ้นไปตามหาญาธิดา แต่ถ้าความจริงเรื่องที่ขาของเขาหายดีแล้วถูกเปิดเผยออกมา ที่บริษัทคงจะลือกันหนาหูและมันจะต้องลามไปถึงหูของภูผาแน่นอน และถ้าภูผาระวังตัวจากเขามากขึ้นกว่านี้ เกรงว่าแผนที่เขาวางเอาไว้ทั้งหมดคงจะยุ่งเหยิงไปหมดแน่
แต่ถึงกระนั้นหัวใจของภวินท์ก็ยังบีบรัดแน่นด้วยความกังวลใจ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพันไปสั่งพายุว่า “รีบขึ้นไปบนดาดฟ้า!”
เมื่อพายุได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้ารับและเข็นรถเข็นของเขามุ่งตรงไปหน้าลิฟต์ทันที
ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก
บนดาดฟ้า ผู้หญิงสองคนกำลังเผชิญหน้ากัน ญาธิดาจงใจถ่วงเวลา แต่เห็นได้ชัดว่านิวราเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว
“ญาธิดา เรามาทำให้เรื่องระหว่างมันจบสักทีเถอะ”
ขณะที่นิวราพูด เธอหยิบสิ่งของสีดำบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและค่อย ๆ เดินเข้าไปหาญาธิดา
ญาธิดาหัวใจเต้นแรง ทันใดนั้น แผ่นหลังของเธอก็เย็นยะเยือก เพราะเธอรู้ว่าของสิ่งนั้นมันคืออะไร มันคือเครื่องช็อตไฟฟ้าขนาดเล็ก! ที่สามารถทำให้คนสลบได้ภายในไม่กี่วินาที!
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกัดฟันถาม “เธอคิดจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของญาธิดา ใบหน้าของนิวราก็เผยรอยยิ้มบ้าคลั่งออกมา หล่อนหัวเราะเยาะ “ญาธิดา แกแย่งพี่วินไปจากฉัน แถมแกยังคิดจะจับฉันเข้าคุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบบนี้ฉันจะปล่อยแกไว้ได้ยังไงล่ะ?”
ญาธิดาจ้องหน้าเธอและแอบถอยห่างอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อนิวราเห็นสีหน้าเหมือนเจอศัตรูที่น่ากลัวแบบนี้ของเธอ หล่อนก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ญาธิดา ชีวิตที่เหลือของแกฉันช่วยวางแผนเอาไว้ให้แล้ว! ไม่ต้องกลัว ทันทีที่ฉันลงมือแกก็จะสลบไป และเมื่อแกตื่นขึ้นมาแกก็จะพบว่าตัวเองเข้าไปนอนอยู่ในคุกแล้ว!”
หล่อนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนญาธิดาใจสั่นแรง เธอกัดฟันถามออกไปว่า “นิวรา เธอว่ายังไงนะ?”
เข้าคุกอะไร? เธอจะติดคุกได้ยังไง?
นิวราหัวเราะเยาะ “เมื่อสามวันก่อน แกแอบเข้าไปขโมยเอกสารลับของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้าในห้องทำงานของพี่วิน แค่นี้ก็สามารถส่งแกเข้าคุกได้แล้ว!”
“เธอ…” ญาธิดาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะพูดแบบนี้
เมื่อสามวันก่อนเธอเข้าไปในห้องทำงานของภวินท์จริง ๆ ตอนนั้นเธอเข้าไปเพื่อเอาข้อมูลในแฟลชไดร์ฟใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ แล้วเธอไปขโมยไฟล์เอกสารลับของบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่?
ความทรงจำทุกอย่างถูกจัดเรียงใหม่อีกครั้ง เพียงไม่นานญาธิดาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเงยหน้ามองนิวรา “เธอเป็นพวกเดียวกันกับภูผา?”
“ตอนนี้เข้าใจแล้วเหรอ?” นิวราหัวเราะเยาะ “มันสายไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอน ญาธิดาตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว เมื่อก่อนเธอไม่เคยเชื่อมโยงสองคนนี้เข้าด้วยกันเลย คิดไม่ถึงว่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างภูผาจะคิดรอบคอบ เฉลียวฉลาดมากขนาดนี้!
ดูเหมือนว่าเขาจะร่วมมือกับนิวรามานานแล้ว มิน่าแฟลชไดร์ฟที่มีคลิปนิวราขับรถชนคนถึงได้ถูกสับเปลี่ยน เกรงว่าเรื่องทุกอย่างเขาคงเป็นคนแอบจัดการมันทั้งหมด!
ถ้าอย่างนั้นคราวนี้ภูผาต้องการใช้พ่อแม่มาข่มขู่เธอ เพื่อให้เธอทำงานแทนเขา เอาสิ่งที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ของภวินท์ และในขณะเดียวกันก็ต้องการกล่าวโทษเธอ ดึงเธอลงน้ำเป็นแพะรับบาปไปด้วย!
คิดละเอียดรอบคอบจนน่ากลัว! เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเขาวางแผนเอาไว้หมดแล้ว! เธอ เกล้าแก้วและนิวราต่างเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เขาหลอกใช้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง!
ญาธิดาได้สติและพบว่าตอนนี้นิวราอยู่ใกล้เธอมาก หล่อนถือเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ในมือ เพียงแค่หล่อนกดปุ่มและพุ่งเข้าโจมตีเธอ เธอก็จะล้มลงกับพื้นในทันที
เธอรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว พยายามหลบและกัดฟันพูดกับนิวราว่า “นิวรา เธอคิดว่าภวินท์ทอดทิ้งเธอเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เขาเคยบอกกับฉันว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย ไม่เคยเลยสักนิด!”
นิวราที่เดิมทีกำลังตื่นตัวมากอยู่แล้ว พอได้ยินเธอพูดแบบนี้สีหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นซีดขาว ความเกลียดชังแผ่ซ่านออกมาจากดวงตา
“เหลวไหล! คนที่เขาคือฉัน คือฉัน!”
นี่เป็นเรื่องที่นิวราอ่อนไหวง่ายที่สุด มันเป็นเหมือนทุ่นระเบิดของเธอ และทันทีที่มันระเบิดก็จะไม่สามารถควบคุมได้