ดวงใจภวินท์ - บทที่ 675 ลูกของเขา
บทที่ 675 ลูกของเขา
เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของญาธิดา ภวินท์ก็ใจอ่อนลงทันที เขายื่นมือออกไปกุมมือเย็นเฉียบของเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเธอนะ แต่ตอนนี้เธอต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบ ต่อให้ต้องไปเพื่อความปลอดภัยของอีธานเอลล่า เธอก็ต้องไปด้วย”
ภายในใจของญาธิดาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดมาล้วนมีเหตุมีผลทุกคำ แม้ว่าเธออยากจะอยู่ที่นี่ อยากจะอยู่เพื่อเขาสักครั้ง แต่เวลานี้มันไม่เหมาะสม
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ความมุ่งมั่นและความหมกมุ่นในใจค่อยๆ จางลง เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตากับดวงตาสว่างไสวของชายหนุ่ม หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เอก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันจะทำตามที่คุณบอก ไว้เราเจอกันที่คฤหาสน์นะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพยักหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันจะรีบจัดการให้ทันที พรุ่งนี้จะส่งพวกเธอไปที่นั่น”
เมื่อได้ยินว่าต้องไปตั้งแต่พรุ่งนี้ ญาธิดาก็ถึงกับอึ้งทันที “พรุ่งนี้ต้องไป? ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
ภวินท์พยักหน้า “วันนี้คุณย่ากับคุณพ่อมุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว ไปจากที่นี่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พรุ่งนี้ฉันจะให้พยัคฆ์ไปส่งเธอกับอีธานเอลล่า มีเขาไปด้วยฉันจะได้สบายใจ”
ญาธิดารู้สึกขมขื่นในใจ หลังจากลังเลอยู่สักพักเธอก็พยักหน้าลงเล็กน้อย
มาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้ไปช้ากว่านี้หนึ่งวันก็ไม่มีความหมายอะไร ขอเพียงแค่เขาไม่เป็นไรจะให้เธอไปจากเมืองJก็ได้
“ดึกมากแล้ว เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะโทรศัพท์ไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้”
ขณะที่พูดภวินท์ก็ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง
เขายืนอยู่ในความมืด แสงและเงาอันมืดมิดห่อหุ้มตัวของเขาไว้ ญาธิดามองแผ่นหลังของเขา สุดท้ายแล้วเธอก็ยังรู้สึกทำใจไม่ได้อยู่ดี เธอจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้งอยู่นานกว่าจะหันตัวเดินกลับออกไป
เรื่องในวันนี้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วสักวันก็ต้องมาถึง ในเมื่อมันมาถึงเร็วก็จบเร็วก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ
ค่ำคืนอันแสนยาวนาน นอกจากเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้แล้ว อีกสองคนที่เหลือในคอนโดต่างกำลังนอนพลิกไปพลิกมา
เวลาไม่เคยคอยใคร ท้องฟ้าค่อย ๆ เผยให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย ขอบฟ้าอันไกลโพ้นมีเมฆเกาะเป็นกลุ่มก้อน
ญาธิดานอนดึกโดยไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน กระทั่งเช้าเธอก็ยังไม่ยอมตื่นนอน จนกระทั่งอีธานกับเอลล่าวิ่งเข้ามาล้อมเตียงนอนพลางร้องปลุกเธอให้ตื่นเหมือนลูกแมวไม่มีผิดเพี้ยน
“แม่คะ แดดส่องก้นแล้วนะคะ!”
“นกที่ตื่นเช้าจะมีตัวหนอนให้กินนะ แม่ตื่นเร็ว ๆ!”
“……”
เมื่อมีนาฬิกาปลุกสองตัวส่งเสียงก้องอยู่ข้างหูของเธอแบบนี้ ต่อให้เธอง่วงนอนมากแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกพวกเขาดึงให้ลุกขึ้นมาจนได้
หลังจากตื่นนอนแล้วเธอถึงพบว่า พยัคฆ์และลูกน้องอีกคนมาถึงแล้ว ภวินท์กำลังออกคำสั่งกำชับพวกเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น
เมื่อเห็นเธอเดินออกมา ภวินท์ก็มองมาที่เธอแล้วพูดเบาๆ ว่า “ทานอะไรก่อนสิ อีกเดี๋ยวฉันจะให้พยัคฆ์กับต้องเอาของที่พวกเธอจะเอาไปด้วยไปขึ้นรถ แล้วพวกเธอก็ออกเดินทางกันเลย”
ญาธิดาพยักด้วยความรู้สึกหม่นหมองอย่างอธิบายไม่ถูก
ไม่รู้ว่าภวินท์พูดกับอีธานเอลล่าว่ายังไง ทั้ง ๆ ที่ต้องย้ายบ้านกะทันหันแบบนี้แต่เด็กน้อยสองคนนั้นกลับไม่ถามอะไรเลย แถมยังช่วยกันขนย้ายข้าวของอย่างเชื่อฟัง ขนอันนี้ที อันนั้นที
ภวินท์ดูเหมือนจะยุ่งมาก ขณะที่กำลังขนย้ายข้าวของโทรศัพท์ของเขาก็เอาแต่ดังอยู่อย่างนั้นไม่หยุดสักที ขณะที่กำลังรับสายหนึ่งอีกสายหนึ่งก็โทรเข้ามาอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่บริษัทหรือเป็นเพราะเรื่องของภูผา แต่พอญาธิดาเห็นแบบนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
หลังจากขนของกันสองสามรอบ ของจำเป็นที่ต้องเอาติดตัวไปด้วยก็ขนไปได้พอประมาณแล้ว ญาธิดาวางกล่องที่บรรจุของเล่นของอีธานกับเอลล่าเอาไว้ในท้ายรถ เพิ่งจะดังเข้าไปด้านในเธอก็ได้ยินเสียงของพยัคฆ์กับต้องดังขึ้น
ประตูรถถูกเปิดอยู่ พวกเขาน่าจะกำลังจัดของที่เบาะหน้า พลางพูดคุยกันไปด้วย เพราะตอนนี้ท้ายรถถูกยัดจนเต็มหมดแล้ว เธอยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขาน่าจะมองไม่เห็นเธอ
ทันใดนั้นเสียงของต้องก็ดังขึ้น
“พี่พยัคฆ์ พี่ว่าคุณภวินท์ทำไมต้องยุ่งยากย้ายพวกเขาออกไปอยู่ถึงอีกเมืองเพื่อหลบหนีภูผาด้วยพี่ แบบนี้มันเว่อร์เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
“แกจะไปเข้าใจอะไร?” น้ำเสียงของพยัคฆ์จริงจังมาก “ภูผาคนนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิดหรอกนะ ในมือของคุณภวินท์มีหลักฐานมากพอที่จะสามารถล้มเขาได้ ผิวเผินเขาอาจจะดูใจดีไม่เป็นอันตรายกับใคร แต่อันที่จริงเขาคร่าชีวิตคนไปแล้วไม่น้อย อีกอย่างคนรอบข้างเขามีอาวุธในมือทั้งนั้น อันตรายมาก!”
ยิ่งพูดถึงประโยคหลัง ๆ น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งเบาลง ญาธิดาที่ยืนอยู่ท้ายรถพอได้ยินก็ตัวแข็งทื่อไปทันที วินาทีนี้เธอถึงเข้าใจว่าทำไมภวินท์ถึงยืนกรานที่จะให้เธอกับอีธานเอลล่าไปจากที่นี่
ที่แท้ภูผาก็อันตรายมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้!
แค่ถืออาวุธในมือก็น่ากลัวพอแล้ว มันเพียงพอที่จะสามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าใกล้พวกมัน แต่พวกมันก็อาจจะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย!
หลังจากตะลึงงันอยู่นาน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกตัว รีบปลีกตัวเดินเข้าไปในอาคารแล้วขึ้นลิฟต์กลับขึ้นไปทันที เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะของอีธานเอลล่าดังมาจากด้านใน ประตูไม่ได้ปิด เมื่อเธอเดินไปถึงหน้าประตูก็เห็นภวินท์จูงมือพวกเขาออกมาพอดี
เมื่อเห็นเธอภวินท์ก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้แล้ว ฉันกำลังคิดว่า…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกญาธิดาพูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน “ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ”
ตอนนี้พยัคฆ์ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูพอดีแล้วรีบเดินเข้ามารายงานเขาว่า “คุณภวินท์ ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองท่าทางแปลกๆ ของญาธิดา เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองพยัคฆ์แล้วกำชับกับเขาว่า “โอเค นายพาอีธานเอลล่าลงไปก่อน”
เมื่อพยัคฆ์เห็นว่าบรรยากาศดูผิดปกติ เขาก็รีบพยักหน้าทันที ก่อนจะก้าวเข้าไปจูงมืออีธานเอลล่าเดินออกมา
ประตูห้องถูกปิดลง แยกภายในห้องกับข้างนอกห้องออกเป็นสองโลก ทุกอย่างเงียบสนิทก่อนที่ภวินท์จะเอ่ยปากพูดก่อน “มีอะไรเหรอ?”
ญาธิดาประสานสองมือเข้าหากัน เอกัดริมฝีปากล่างแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันลองคิด ๆ ดูแล้ว พวกเราไม่ไปดีกว่า”
ภวินท์ทำหน้าจริงจังขึ้นมา “ทำไม”
ญาธิดาสะอึก ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี
เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าทันทีที่พวกเขาจากไปภวินท์ต้องเผชิญทุกอย่างเพียงลำพัง และกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภวินท์ มีอุบัติเหตุหรือมีอันเป็นไป…
ยิ่งเธอได้ยินพยัคฆ์พูดว่าภูผาน่ากลัวขนาดไหนเธอก็ยิ่งเป็นกังวล
เธอกัดฟันแน่นแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันอยากอยู่กับคุณ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเลย!”
ขณะที่พูดเธอก็หันหลังเดินออกไปข้างนอกพลางพูดไปด้วยว่า “ฉันจะไปบอกกับพยัคฆ์…”
นัยน์ตาสีเข้มของภวินท์เต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขาเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเธอ แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ “แล้วอีธานกับเอลล่าล่ะ? เธอเคยคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเขาบ้างไหม?”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ฉันจะพาพวกเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย และฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเลย!”
“ความคิดเด็ก ๆ!” ภวินท์รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “เธอประเมินภูผาต่ำเกินไปแล้ว! เขาอาจจะกลับมาเมื่อไรก็ได้ และด้วยความสามารถของเขาการค้นหาคนในเมืองJมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอไม่รู้จะพูดอะไร
ทันใดนั้นภวินท์ก็ขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกของฉันเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”
สิ้นเสียงของเขา ญาธิดาก็เบิกตากว้างอย่างตกใจและหันไปมองทางภวินท์
เขาบอกว่าลูกของเขา? หรือว่า…เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?