ดวงใจภวินท์ - บทที่ 685 นายเป็นใครกันแน่
บทที่ 685 นายเป็นใครกันแน่
ภายในส่วนบุคคลที่กว้างขวาง เหล่าบอดี้การ์ดชุดดำต่างนั่งล้ออยู่บริเวณรอบๆ มีญาธิดานั่งอยู่ตรงกลาง กำลังกอดลูกแฝดไว้ในอ้อมกอดแน่น
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
แม้ว่าจะยังควบคุมความกังวลที่อยู่ในใจไม่ได้เหมือนอย่างเคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นไม่ตื่นตระหนก
“แม่คะ หนูกลัว…..” เอลล่ามุดหัวอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ร่างกายเล็กๆสั่นเทิ้มไปหมด
ด้านอีธานถึงจะแสดงออกว่ากลัวเหมือนกัน แต่ก็ยังจับมือน้องสาวไว้แน่น “ชู่ว เราต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้แม่”
ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจของญาธิดาบีบรัดแน่น กรอบตาเริ่มแสบร้อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เธอตบหลังเอลล่าเบาๆ เอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวลว่า “แม่อยู่นี่ ไม่มีใครทำอะไรลูกได้ทั้งนั้น เป็นเด็กดีนะ”
พูดจบ เธอก็จับหัวของลูกๆเข้ามาแนบกับตัว แล้วใช้มือทั้งสองข้างปิดหูพวกเขาไว้คนละข้าง จากนั้นก็เงยหน้ามองชายหนุ่มชุดดำที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า
“พวกนายเป็นคนของใคร?” เธอพยายามปรับอารมณ์ให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ดูสงบเยือกเย็น
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากวาดตามองเธออย่างเรียบนิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เธอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอีกฝ่ายจะสนใจเธอ ดวงตาระยิบระยับทั้งสองคู่จึงหันไปมองวิวนอกหน้าต่าง ขณะที่กำลังจดจำป้ายบอกทางต่างๆ ก็ยังใช้คำพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย
“โรงพยาบาลติดกล้องไว้ทุกที่ พวกนายพาตัวฉันออกมาโต้งๆแบบนี้ คิดว่าจะยังขับรถไปได้ไกลอีกเท่าไหร่?”
ระหว่างที่พูด เธอก็ค่อยๆปล่อยมือจากหูของอีธาน ใช้ร่างกายของลูกบังโทรศัพท์ที่กำลังถูกล้วงหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวนอก มาไว้กับตัว เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อกับโลกภายนอกได้
“โรงพยาบาลติดกล้องไว้ทุกที่ พวกนายพาตัวฉันออกมาโต้งๆแบบนี้ คิดว่าจะยังขับรถไปได้ไกลอีกเท่าไหร่?”
เธอกระทำการสิ่งนี้เสร็จ ยังไม่ทันได้หายใจได้โล่งคอ ชายชุดดำที่เอาแต่เงียบอยู่ตลอดก็เอ่ยพูดขึ้นมากะทันหัน
“คุณญาธิดาไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ครับ พวกผมไม่สนใจโทรศัพท์ของคุณหรอก คุณอยากโทรหาคุณภวินท์ก็โทรได้เลย”
เขาพูดยังไม่จบดี ญาธิดาก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆบริเวณเอว ไม่เห็นก็พอจะรู้ว่าอะไรกำลังจี้เอวของเธออยู่
ขณะเดียวกันชายชุดดำคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “พวกผมไม่ได้มุ่งร้าย แล้วก็ไม่ได้จะทำอะไรคุณด้วย ก็แค่อยากเชิญคุณไปเป็นแขก เพราะฉะนั้นแล้วทางที่ดีคุณควรให้ความร่วมมือกับพวกเราจะดีกว่า”
“เชิญไปเป็นแขก?!” เธออดไม่ได้ที่จะยืดตัวตรง พร้อมถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห “ฉันเพิ่งรู้ว่าการเชิญเขาทำกันแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”
ขณะที่พูดรถก็จอดลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งอย่างนิ่งสนิท
ญาธิดาลงจากรถพร้อมกวาดสายตามองคฤหาสน์ตรงหน้า แสงแดดแยงสายตาอย่างไม่ทันระวังตัว
Merliamตั้งอยู่บริเวณชานเมืองที่ห่างไกลผู้คนของเมือง J แถมยังสร้างอยู่บนภูเขา องค์ประกอบของคฤหาสน์หลังใหญ่เทียบเท่าภูเขาลูกหนึ่งสร้างมาจากทองคำชนิดพิเศษ นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้สถานที่แห่งนี้สว่างจ้าผิดปกติท่ามกลางแสงแดด
“คุณญาธิดาเชิญ…….”
หลังจากทำการสแกนใบหน้าและตรวจร่างกายเสร็จ ชายหนุ่มชุดก็เชิญให้เข้าไปในคฤหาสน์
การตกแต่งในห้องโถงไม้ถือว่าหรูหรา ยังคงมีกลื่นอายแบบโบราณดั้งเดิม ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟากำลังอมยิ้มพร้อมมองมายังทิศทางที่เธอกำลังเดินเข้ามา
ญาธิดายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา ชั่ววินาทีที่สองสบสายตากัน ความหนาวเหน็บพลันเข้าจู่โจม พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หันหน้าหลบอีกฝ่าย
เหมือนชายหนุ่มจะดูออกว่าเธอกำลังหวาดกลัว จึงยิ้มกว้างกว่าเดิมแต่รอยยิ้มกลับส่งไม่ถึงดวงตา เขาผายมือเชิญให้เธอนั่ง จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงต่ำว่า “คุณญาธิดาฉลาดกว่าที่ผมคิดเอาไว้เลยนะครับ น่าเสียดายที่ยังขาด……”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กดข่มความลนลานและหวาดกลัวในใจเอาไว้ แล้วค่อยๆเอ่ยพูดว่า “เรามาพูดกันตรงๆเถอะ คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ลุกขึ้นไปนั่งยองๆตรงหน้าอีธานกับเอลล่า พออยู่ต่อหน้าเด็ก ความดุดันของเขาก็ลดลงเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “ลูกของวินเติบโตมาอย่างดีแบบที่คิดเอาไว้เลยนะ”
เมื่อเห็นเขาสนใจเด็กๆ ญาธิดาก็ไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป ยื่นมือออกมาปกป้องลูกไว้ข้างหลัง เอ่ยพูดอย่างร้อนรนว่า “อยู่ให้ห่างจากพวกเขา ไม่อย่างนั้นฉันกับคุณไม่ใครคนหนึ่งก็ตายกันไปข้าง”
“ฮ่าๆ ตายกันไปข้างเลยเหรอ!” แววชื่นชมพาดผ่านดวงตาของชายหนุ่ม จากนั้นก็กลับมาปกคลุมด้วยความเยือกเย็นเหมือนเคยค่อยๆพูดว่า “ผมอยากเห็นจังเลย ว่าคุณจะทำยังไงให้ตายกันไปข้าง”
ขณะที่พูด เขาก็ส่งสายตาให้ลูกน้องจับตัวญาธิดาเอาไว้
ญาธิดาตกใจหน้าถอดสี ดิ้นขัดขืนไปพลางตะคอกออกมา “ปล่อยฉันนะ!”
“อย่าเพิ่งกลัวสิ ผมก็แค่อยากให้คุณรู้จักผมเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มพูดจบ ลูกน้องของเขาก็รับคำสั่ง “เชิญ” ญาธิดาไปที่ห้องใต้ดิน ต่อมาเมื่อประตูบานใหญ่ของห้องใต้ดินเปิดอ้าออก สีหน้าของญาธิดาพลันขาวซีด
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเบรกรถดังมาจากข้างนอก จดลงตรงหน้าประตูMerliam
หลังจากผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนภวินท์ก็ก้าวเข้ามาห้องโถง สายตาดุดันประสานเข้ากับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องพลันถูกความอึมครึมปกคลุมในชั่ววินาทีนั้น
“ญาธิดาอยู่ที่ไหน?” เขาเอ่ยพูดเสียงเย็น
หลังจากผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนภวินท์ก็ก้าวเข้ามาห้องโถง สายตาดุดันประสานเข้ากับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องพลันถูกความอึมครึมปกคลุมในชั่ววินาทีนั้น
หลุยส์เห็นสถานการณ์ก็รีบจับข้อมือเขาเอาไว้ บ่งบอกไม่ให้เขาวู่วาม
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย” ชายหนุ่มบนโซฟาไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมา “ถ้าฉันไม่เชิญคุณญาธิดามาที่นี่ เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่ได้เจอนายแล้ว วิน”
“คิดไม่ถึงว่านายจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้เหมือนกัน”สีหน้าของภวินท์เยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นดวงตาก็เริ่มปรากฏแววกรุ่นโกรธ วางมือลงบนโซฟา แล้วตอบกลับพร้อมแสยะยิ้มว่า “นายไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆด้วย”
“วิน อย่าลืมสิว่านายมาที่นี่ทำไม!” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ หลุยส์ก็รีบเอ่ยเตือนเขาเสียงเบา
จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา มองชายหนุ่มแล้วยิ้มตาหยร “จรณ์ น้องสะใภ้ยิ่งขี้กลัวอยู่ นายหยุดทำให้เธอกลัวเถอะ ปล่อยเธอได้แล้วมั้ง”
ญาธิดาเพิ่งพาลูกๆเดินออกมาจากห้องน้ำ จึงได้ยินชื่อตัวเองเข้า เมื่อมองไปตามเสียง ดวงตาของเธอก็เห็นภวินท์เป็นอย่างแรก
“วิน!”
เธอวิ่งเข้าไปโถมตัวใส่อ้อมกอดของเขา เมื่อสูดดมกลิ่นหอมเย็นๆที่แสนคุ้นเคยเป็นตัวของเขา ความวหวาดกลัวภายในใจพลันหายไปกับสายลม แทนที่ด้วยความเป็นห่วง “แผลของคุณยังไม่หายดีใครให้คุณหุนหันออกมาแบบนี้”
เมื่อภวินท์เห็นเธอปลอดภัยไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แถมยังมีหน้ามาห่วงเขาด้วยซ้ำ หัวใจที่แขวนอยู่กลางอากาศพลันผ่อนคลายลง “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก คุณเถอะคงตกใจมากเลยใช่ไหม?”
ญาธิดาส่ายหน้าแล้วยิ้มปลอบเชิงให้เขาใจเย็นลง “คุณจรณ์ดีกับฉันและลูกมาก เขาแค่อยากเจอคุณแค่นั้นเอง”
เมื่อได้ยินเธอพูดเข้าข้างจรณ์ ดวงตาของภวินท์กับหลุยส์ก็ปรากฏแววซับซ้อนอย่างพร้อมเพรียง
“นายบอกเธอทุกอย่างแล้วเหรอ?” เสียงของภวินท์ดุดันมากกว่าเดิม ใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความไม่เป็นมิตรมองมาที่จรณ์เป็นครั้งแรก
จรณ์รู้ดีว่านี่คือขีดความอดทนสุดท้ายของภวินท์ เขาจึงไม่ปิดบัง เอ่ยพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “ก็แค่บอกเธอเป็นบางส่วน ฉันอยากให้นายกลับมาที่Merliam ก็เลยต้องเอาชนะใจเธอเป็นธรรมดา”
“ไม่มีทาง”
ไม่รอให้พูดจบ ภวินท์ก็ตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
พูดจบ เขาก็บีบมือเล็กๆที่เย็นชืดของญาธิดาแน่น พร้อมกับพาลูกเดินออกไปจากMerliamอย่างไม่หันหลังกลับมา
เมื่อมองตามแผ่นหลังของสี่คนพ่อแม่ลูก หลุยส์ก็หันมามองจรณ์แล้วเอ่ยถามอย่างหมดคำจะพูด “ทำไมนายต้องเข้าไปยุ่งกับครอบครัวของวินด้วยล่ะ เราลามืออย่างเปิดเผยไม่ดีกว่าเหรอ?”
“แล้วนายทำภารกิจคนเดียวได้ไหมล่ะ?”
จรณ์กวาดสายตามองเขากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เขาหดคอลง แล้วพึมพำว่า “แล้วนายแน่ใจเหรอว่าเธอจะช่วยนายได้?”
นัยน์ตาของจรณ์ฉายแววเจ้าแผนการ เอ่ยพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ฉันไม่เคยมองคนผิด”