ดวงใจภวินท์ - บทที่ 696 ลูกนอกสมรส
บทที่ 696 ลูกนอกสมรส
เมื่อข่าวงานแถลงข่าวของSTNปล่อยออกไป สื่อต่างๆก็เตรียมการอย่างเต็มที่ในทันที ทุกคนต้องการมีตำแหน่งที่ดีและได้ข้อมูลที่ชัดเจนในวันนั้น
ญาธิดาไม่ได้เป็นเพียงเลขาส่วนตัวของภวินท์เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเอกของการวิจารณ์ในครั้งนี้ด้วย จึงดึงดูดความสนใจโดยปริยาย
ประตูของสถานที่จัดงานถูกเปิดออกอย่างช้าๆ แสงไฟกะพริบไม่หยุด และนักข่าวที่รอเต็มหน้าประตูก็กรูเข้าไปในทันที ราวกับแทบรอไม่ไหวที่จะเอาไมโครโฟนจ่อหน้าเธอ
พายุรีบรักษาความสงบเรียบร้อยในงาน ร่วมมือกับบอดี้การ์ดเพื่อจัดที่นั่งให้นักข่าว และหลีกให้มีทางเดิน
ภวินท์ปกป้องเธออย่างระมัดระวังอยู่ข้างหลังตลอด ทั้งสองคนเดินไปที่เวทีอย่างรวดเร็วและนั่งลง
“คุณญาธิดา หลังจากที่คุณและคุณธีทัตประกาศแต่งงานกันได้ไม่นาน คุณธีทัตก็ออกมาประกาศว่างานวิวาห์ถูกยกเลิก แบบนี้ก็หมายความว่า การล่มงานวิวาห์ในครั้งนี้ มีเรื่องมือที่สามมาเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหมคะ?”
“บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์และSTN Groupแอบแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตอนนี้คุณมาทำงานที่STN Group คุณได้คิดเรื่องที่บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์จะพัฒนาต่อไปในอนาคตอย่างไรไหมคะ?”
“คุณช่วยเล่าสรุปสั้นๆเกี่ยวกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ล่าสุดของคุณหน่อยได้ไหมครับ?”
“คุณญาธิดา……”
คำถามของนักข่าวนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขายังคงถามวนอยู่สองประเด็น คือเรื่อง “มือที่สาม” และ”ธุรกิจ”
พายุรับไมโครโฟนมา และพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คำถามของทุกคน เดี๋ยวเราจะให้คำตอบอย่างแน่นอนครับ ดังนั้น โปรดอดทนรอ และรักษาความสงบไว้ด้วยครับ และสำหรับนักข่าวที่ไม่ให้ความร่วมมือเราจะตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานแถลงข่าวครับ”
หลังสิ้นเสียง เหล่านักข่าวก็เงียบลง
พายุรับไมโครโฟนมา และพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คำถามของทุกคน เดี๋ยวเราจะให้คำตอบอย่างแน่นอนครับ ดังนั้น โปรดอดทนรอ และรักษาความสงบไว้ด้วยครับ และสำหรับนักข่าวที่ไม่ให้ความร่วมมือเราจะตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานแถลงข่าวครับ”
เห็นได้ชัดว่าญาธิดารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญกับแสงแฟลชมากมายพร้อมกัน และเหงื่อออกจนทำให้ฝ่ามือของเธอเปียก
มือใหญ่ของภวินท์จับมือเล็กๆของเธอไว้แน่น หันศีรษะและมองไปยังเธอ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆลุกขึ้น
“ดิฉันขออภัยทุกท่าน ที่ทำให้เรื่องส่วนตัวของฉันกลายเป็นประเด็นอื้อฉาวในโซเชียลเป็นเวลานาน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงฉันในช่วงเวลานี้ ตอนที่ฉันเลิกกับคุณธีทัต โครงการEAST Residencesยังไม่เริ่ม จึงไม่เกี่ยวข้องกับความลับทางธุรกิจค่ะ”
“ฉันกับคุณภวินท์รู้จักกันเมื่อหกปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักคุณธีทัต ดังนั้น เรื่องมือที่สามมันเป็นไปไม่ได้ฉันหวังว่าข่าวลือที่ไม่มีมูล คนฉลาดจะหยุดพูดถึงหรือแชร์มันนะคะ ถ้าในโซเชียลยังมีการกล่าวถึงเรื่องเท็จนี้อยู่ ฉันก็จะใช้วิธีการทางกฎหมาย ในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของตนเองค่ะ”
เธออธิบายข่าวลือล่าสุดทั้งหมดให้ชัดเจน ด้วยคำพูดไม่กี่คำ หลังจากที่นักข่าวได้รวบรวมเนื้อหาเพียงพอคำถามก็ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป และหลังจากถามรายละเอียดที่ไม่สำคัญเล็กน้อย งานแถลงข่าวก็จบลง และภายในงานก็ตกอยู่ในความเงียบ
แสงไฟค่อยๆหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว และทั่วทั้งห้องโถงก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศและเฉดสีที่นุ่มนวล
ภวินท์จับมือเล็กของเธอและยืนขึ้นช้าๆ ทั้งสองยืนเคียงข้างกันตรงกลางเวที และทุ้มก็ดังขึ้นช้าๆ “วันนี้ ทุกคนมารวมกันที่นี่ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นและเป็นพยานให้แก่คุณญาธิดา”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย และมองไปที่เขาด้วยความงงงวย
ภวินท์กางมือออก และแหวนเพชรเล็กๆปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา มันเป็นแหวนที่เขาสวมบนนิ้วนางของเธอเมื่อหกปีก่อน
“คุณยังเก็บมันไว้เหรอ?”
ตอนที่ญาธิดาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาก็ได้สวมแหวนที่นิ้วนางของเธออีกครั้งแล้ว “ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ภรรยสของผมมีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น”
เสียงของเขาช้าและเบามาก แต่ทุกถ้อยคำก็เข้าถึงหูของทุกคน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ญาธิดารู้สึกเพียงว่าแก้มของเธอร้อนผ่าว เธอไม่กล้าเงยหน้ามองทุกคน ดวงตาจ้องไปที่แหวนที่แวววาวบนมือของตัวเอง และก็รู้สึกถึงความหวานในหัวใจ
ทันใดนั้น เสียงผู้ชายที่ดุดันก็ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำลายบรรยากาศที่สวยงามในขณะนั้น “คุณญาธิดาบอกว่าไม่มีมือที่สาม แล้วทำไมลูกของคุณถึงเรียกคุณภวินท์ว่าพ่อล่ะครับ?”
ลูก?! พวกเขาสองคนยังมีลูกด้วยกันเหรอ?!
หน้าจอLEDขนาดใหญ่หลังเวทีเลื่อนและฉายภาพครอบครัวสี่คนที่ถ่ายด้วยกัน ดูจากภาพถ่ายได้ไม่ยากว่าเด็กทั้งสองมีความคล้ายคลึงกับภวินท์มาก
หินก้อนเดียวทำให้เกิดคลื่นนับพัน และนักข่าวที่เพิ่งสงบลง ก็อยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง พูดคุยกันไม่หยุด
“ญาธิดาแต่งงานกับธีทัตมานานแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอจะมีลูกโตขนาดนี้กับคุณภวินท์ได้ยังไง?”
“เด็กสองคนนี้ ดูแล้วอายุน่าจะประมาณสี่ห้าขวบ”
“คุณธีทัตน่าสงสารจริงๆ เขาเลี้ยงลูกของคนอื่นมาโดยตลอด ถูกสวมเขามานานหลายปีก็ไม่สน ตอนนี้เขายังพูดแทนญาธิดาบนโซเชียลอีก”
“เมื่อกี้เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่ได้นอกใจ ฉันคิดว่า เธอคงชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ญาธิดาก็เป็นนางวันทองสองใจดีๆนี่เอง”
ดวงตาที่ลึกล้ำของภวินท์ประกายความเย็นชาออกมา และเขาก็มองไปที่พายุแล้วกล่าวว่า “เอาข้อมูลสำรองมา และตรวจดูว่าเมื่อกี้เป็นฝีมือของใคร”
เขาคาดไว้แล้วว่า งานแถลงข่าวคงจะไม่ราบรื่นนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครมาวุ่นวายกับงานแถลงข่าว เขาได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าครบถ้วนแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ใช้มันจริงๆ เขาหวังไว้ว่าสิ่งเหล่านี้ที่เตรียมไว้จะไม่ถูกนำมาใช้ แต่น่าเสียดายสถานการณ์เลวร้ายนี้ มันบีบบังคับให้เขาต้องทำ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ญาธิดา
หัวของญาธิดาเหมือนกำลังจะระเบิดออก ใบหน้าของเธอซีด และเล็บของเธอก็จิกลงบนฝ่ามือแน่น
การถูกโจมตีอย่างหนักแบบนี้ ทำให้เธอต้องพยายามสงบสติลง แต่ก็ยังมีเสียงที่สั่นเครือชัดเจน “ถ้าคุณกล้าที่จะพูด คุณต้องกล้ายอมรับ ฉันขอถามหน่อยค่ะ นักข่าวที่พูดเมื่อกี้นี้เป็นคนไหนคะ?”
ไม่มีนักข่าวออกมายอมรับ ทุกคนให้ความสำคัญอยู่กับอีธานและเอลล่า
พายุกลับมาที่สถานที่อย่างรวดเร็วพร้อมกับกองเอกสาร เขากระซิบคำสองสามคำข้างๆหูญาธิดา ญาธิดากัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วส่ายหัว
เธอไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวตนของอีธานและเอลล่า เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคตของเด็กสองคนอย่างแน่นอน และจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการในอนาคตของเด็กอย่างมาก
“คุณนายครับ ถ้าคุณไม่อธิบายให้สื่อฟังในตอนนี้ คุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กก็จะมีชีวิตอยู่เหมือนลูกนอกกฎหมาย ประธานภวินท์บอกว่าเอาการตัดสินใจของคุณเป็นหลัก ผมอยากให้คุณจะพิจารณาอย่างรอบคอบนะครับ”
ความเจ็บปวดในดวงตาของเธอค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นความลังเล และในที่สุดเธอก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
หลังจากที่พายุได้รับคำสั่ง เขาฉายเอกสารสองฉบับบนหน้าจอขนาดใหญ่ ฉบับหนึ่งเป็นการตรวจดีเอ็นเอของเด็กสองคนและภวินท์ และอีกฉบับเป็นภาพเปรียบเทียบของทะเบียนสมรสสองฉบับและใบหย่าสองฉบับ
ตัวหลักฝ่ายหญิงของใบรับรองทั้งสี่คือญาธิดา และตัวหลักฝ่ายชายคือภวินท์และธีทัต
“อย่างที่คุณเห็น คุณญาธิดากับคุณภวินท์เคยแต่งงานและจดทะบียนสมรสเป็นระยะเวลาสั้นๆมาก่อน หลังจากที่คุณญาธิดากับคุณภวินท์หย่าร้างกัน คุณญาธิดาถึงจะจดทะเบียนสมรสกับคุณธีทัต ในตอนนั้น ลูกของคุณญาธิดากับคุณภวินท์ก็คลอดแล้ว ไม่ทราบว่าใครยังมีคำถามอะไรไหมครับ?”
ขณะที่พายุพูด เขากวาดมองไปยังนักข่าวข้างล่างเวที
ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังกระซิบกระซาบ มีนักข่าวชายสวมแว่นขอบดำคนหนึ่ง ไม่ได้บันทึกเนื้อหาข่าว และไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินคำตอบเหล่านี้ ดูสงบมาก เขาจึงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆทันที ว่าให้จับตามองนักข่าวคนนี้ไว้
เมื่อนักข่าวทยอยออกจากห้อง ญาธิดาดูเหมือนถูกดูดพลังงานทั้งหมดไป เธอหันไปหาภวินท์ด้วยใบหน้าที่ซีด “ทำไมคุณถึงเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าล่ะ คุณรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่ไหม?”