ดวงใจภวินท์ - บทที่ 701 แฟนใหม่ของพี่ชาย
คฤหาสน์ของตระกูลตระกูลกรเวชเงียบเชียบอย่างแปลกประหลาด ตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้ามานั้น แม่บ้านก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที
“คุณผู้ชายกลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้คุณหนูไม่ทานข้าวอีกแล้ว ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป……ท่านนี้คือ……”สายตาของแม่บ้านจับจ้องไปที่ขวัญตา
“นี่คือคู่หมั้นของฉัน เดี๋ยวจัดการเตรียมห้องให้เธอด้วยนะ”ธีทัตขมวดคิ้ว หลังจากแนะนำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกคำสั่งกับแม่บ้านอีกครั้ง “ถ้าเกิดว่าอันอันยังไม่ยอมกินอะไรอีก ก็จับกรอกปากลงไปเลย”
“ค่ะ”แม่บ้านตอบรับด้วยความลังเลเล็กน้อย แล้วก็รีบไปจัดการเรื่องที่ตัวเองต้องทำ
ธีทัตพาขวัญตาไปเดินรอบๆ คฤหาสน์ หลังจากแนะนำห้องต่างๆ ให้เธอแล้ว ทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่
มีผู้ชายท่าทางไม่ค่อยใจดีเท่าไหร่เฝ้าอยู่หน้าห้องสองคน
ธีทัตแนะนำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นี่คือห้องของน้องสาวผม ช่วงนี้อารมณ์เธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคุณอย่าพยายามไปยั่วยุเธอเลยนะ”
“ได้ยินมาว่าเธอกำลังอดอาหารประท้วงอยู่เหรอคะ? ” ขวัญตาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณแค่ทำหน้าที่คุณผู้หญิงของตระกูลกรเวชให้ดีก็พอแล้ว เรื่องเล็กๆ พวกนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มีแม่บ้านคอยดูแลเธอยังไงเธอก็ไม่มีทางหิวตาย”
คำพูดของธีทัตเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยเธอ ไม่อยากให้เธอต้องมาเหนื่อยกับเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ แต่ว่าเธอฟังออกถึงน้ำเสียงที่ห่างเหินและเย็นชาของเขา
พอเห็นว่าสีหน้าของเธอดูผิดหวังเล็กน้อย เขาก็พูดเสริมอีกว่า “ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของผมจะไม่ได้มาจากครอบครัวนักวิชาการอะไรหรอก แต่ว่าก็สั่งสอนอย่างเข้มงวดมาก ทำให้อันอันมีนิสัยต่อต้าน การที่ไม่ให้คุณไม่ต้องติดต่อกับเธอ ก็เพื่อปกป้องไม่ให้คุณต้องได้รับปากเจ็บอะไร”
ขวัญตาพยักหน้าอย่างเงียบๆ แล้วธีทัตก็กำชับอะไรอีกสองสามประโยค แล้วก็กลับไปทำงานของตัวเองที่ห้องอ่านหนังสือ
ดูจากการควบคุมดูแลของพวกคนใช้ในตระกูลกรเวชก็พอจะดูออกได้ไม่ยากว่า ที่นี่ค่อนข้างจะเข้มงวดมาก
พวกคนรับใช้ต่างทำงานอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่ทำอะไรเกินขอบเขตเลยแม้แต่ก้าวเดียว เคารพนับถือเธอมาก และทุกคนก็ต่างมีสีหน้าจริงจัง แตกต่างอย่างมากกับบ้านพิลากุลที่ค่อนข้างจะมีความสุขสมัครสมานกัน
เธอยิ่งรู้สึกว่ามันน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ แล้วสายตาก็เหลือบไปมองประตูห้องของอัญมณีอยู่หลายต่อหลายครั้ง
หลังจากคิดไปคิดมา เธอก็ไปชงกาแฟ แล้วก็เปิดประตูห้องอ่านหนังสือเบาๆ
ภายในห้องอ่านหนังสือนั้น ตอนแรกธีทัตกำลังนั่งเหม่อจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาเขาก็รีบเปลี่ยนมาเปิดไฟล์ทันที แต่ขวัญตาก็ยังทันเห็นรูปภาพของญาธิดาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เธอทำท่าทางเหมือนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แล้วก็วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ สายตาก็เหลือบมองไปเห็นรูปภาพของ “ครอบครัวสี่คน”ในกรอบรูปที่วางอยู่ด้านข้าง
ธีทัตมองตามสายตาของเธอ หลังจากนั้นก็จับกรอบรูปนั้นคว่ำลงบนโต๊ะดัง “ปัง” “ต่อไปถ้าผมไม่อนุญาตห้ามเข้ามาในห้องอ่านหนังสือนะ แล้วก็อย่าลืมเคาะประตูด้วย”
“ขอโทษค่ะ”ขวัญตาพยายามบังคับหัวใจที่สั่นเทาของตัวเองเอาไว้
พอเห็นว่าผ่านไปนานเธอก็ยังไม่มีท่าทีจะเดินออกไป เขาก็เอ่ยปากถามอีกครั้ง “ยังมีธุระอื่นอีกรึเปล่า? ”
“ฉันเป็นห่วงน้องสาว ก็เลยอยากจะมาถามคุณก่อนว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอได้รึเปล่า” ขวัญตาพูดอย่างอ่อนแอ
พอธีทัตได้ยินดังนั้น ท่าทางที่อ่อนโยนของเขาก็กลายเป็นเย็นชาทันที
ธิดาเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีเหตุมีผล และไม่เคยทำเรื่องอะไรที่เกินขอบเขตแบบนี้มาก่อน แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้พึ่งจะเข้ามาที่ตระกูลกรเวช ก็เรียกร้องอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอจำเป็นต้องเหมือนธิดาทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาจะแต่งงานกับเธอไปเพื่ออะไร!
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ผมเคยบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ คุณไม่เข้าใจเหรอ? ”
ขวัญตาตกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ก็เลยรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง
เธอไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่สองคนนี้เป็นพี่ชายน้องสาวกันแท้ๆ แล้วทำไมต้องตึงเครียดใส่กันด้วย
“ถ้ายังงั้นคุณตั้งใจทำงานไปนะคะ เดี๋ยวช่วงบ่ายฉันจะกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้หน่อย ตอนเย็นจะกลับมาหาคุณที่นี่” น้ำเสียงของเธอดูอึดอัดเล็กน้อย เธอพยายามหาเหตุผลเพื่อออกไปจากบ้านตระกูลกรเวช บ้านนี้มันมืดมนจนทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
เธอออกจากห้องอ่านหนังสือไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นคนรับใช้ถืออาหารมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของอัญมณีพอดี เธอก็เลยเอ่ยเรียกสาวใช้คนนั้น และบอกให้ส่งถาดอาหารมาให้เธอ
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชายกำชับให้พวกเรานำอาหารไปให้คุณหนูด้วยมือของตัวเองน่ะค่ะ” สาวใช้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันทันที ทำท่าทางเหมือนนายหญิงของบ้าน แล้วก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณผู้ชาย ก็เลยปิดหูปิดตาไม่ฟังคำสั่งของคุณผู้หญิงงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าคุณผู้หญิงไม่ยอมกินข้าวจริงๆ พวกเธอกล้ามัดเธอแล้วกรอกปากไหมล่ะ? ”
“คือว่า……”สาวใช้พูดอะไรไม่ออก แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะยื่นถาดอาหารให้
พอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เธอก็พูดด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงหรอก ตราบใดที่ปากของเธอหนักพอ ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันเป็นคนเอาข้าวมื้อนี้เข้าไปส่งน่ะ”
เธออาศัยโอกาสตอนที่สาวใช้ลังเล แย่งถาดอาหารในมือของเธอ แล้วก็ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดทั้งสองเปิดประตู
อัญมณีในตอนนี้นั้นผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
ใบหน้าของเธอซีดเซียว นอนเอนอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเปิดประตู เธอไม่แม้แต่จะลืมตาด้วยซ้ำ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ “เอาออกไปซะ ฉันไม่อยากกิน”
พอเห็นสภาพของเธอแล้ว ขวัญตาก็รู้สึกปวดใจ เสียงเบาบางและนุ่มนวลขึ้นเยอะ “ยังไงซะร่างกายนี้ก็เป็นของคุณ ถ้าเกิดว่าหิวจนตายคุณก็จะไม่มีโอกาสเดินออกจากห้องนี้ไปได้แล้วนะ”
พอได้ยินเสียงผู้หญิงแปลกหน้าดังขึ้นในห้อง อัญมณีก็พยายามเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า “คุณคือใคร? ”
“ฉันคือแฟนของพี่ชายคุณ ตั้งใจมาเจอคุณโดยเฉพาะ”
“แฟนพี่ชายงั้นเหรอ? ” เธอพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
พี่ชายชอบธิดาขนาดนั้น ทำไมจู่ๆ ถึงได้พาผู้หญิงแปลกหน้าเข้าบ้านมาล่ะ
ขวัญตาวางถาดอาหารลง แล้วก็นั่งลงตรงข้ามเธอ พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งวันให้อัญมณีฟัง รอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้าของเธอยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
อัญมณีถึงได้รู้ว่าช่วงนี้เธอได้พลาดอะไรไปบ้าง
ธิดาไม่เพียงแค่เคลียร์ข้อวิพากวิจารณ์ช่วงนี้ทั้งหมด แถมยังจัดแต่งงานกับภวินท์แล้วด้วย และแม้แต่โครงการที่จัดการยากอย่างโครงการ EAST Residences ก็สามารถประมูลมาได้สำเร็จ
พอฟังขวัญตาพูดจนจบ เธอถึงได้มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างละเอียด ใบหน้าของพี่สะใภ้ใหม่คนนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับธิดาเมื่อหกปีที่แล้วเลย แต่ว่าเธอเต็มใจที่จะมาเป็นตัวแทนของธิดางั้นเหรอ?
ขวัญตาสบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเธอ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียงออกมา “ความรักเป็นสิ่งที่สามารถบ่มเพาะได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ช้าก็เร็วทัตก็จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างฉันขวัญตากับญาธิดาเองแหละ แล้วฉันก็ไม่ชอบเรื่องพวกที่เหยียบคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นหรอกนะ”
คำพูดของเธอเหมือนปลุกให้คนตื่นขึ้นมาจากฝัน ดวงตาที่มืดมนของอัญมณีเริ่มมีแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย และเธอก็ค่อยๆ กินโจ๊กลงไป ขวัญตาถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น
“เพราะว่าพี่ชายของคุณไม่ให้ฉันมาพบคุณ ฉันก็เลยจะอยู่นานไม่ได้ คุณลองคิดดูเอาแล้วกันว่าหลังจากนี้คุณจะปฏิบัติกับพี่ชายคุณยังไง” พอเธอพูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องของอัญมณี
การที่สามารถใช้วิธีให้พี่น้องได้ยุติความบาดหมางกับโดยสันติได้ ก็ถือว่าเธอได้ช่วยธีทัตแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากไปได้