ดวงใจภวินท์ - บทที่ 717 ซักไซ้เอาความ
บทที่ 717 ซักไซ้เอาความ
“คุณผู้ชาย เมื่อเช้าคุณผู้หญิงเดินเล่นกับคุณหนูอยู่ในสวน จากนั้นก็บอกว่าข้างนอกลมมันแรง ให้ดิฉันไปเตรียมน้ำขิงไว้ให้คุณหนู พอดิฉันเตรียมเสร็จแล้วเดินกลับไปที่สวน คุณหนูก็หายไปแล้ว……”
“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ แค่คนคนเดียวก็ดูแลไม่ได้”ธีทัตตะคอกอย่างโมโห จากนั้นเสียงเคร่งขรึมก็ถามขึ้นว่า“ขวัญตาล่ะ”
“คุณผู้หญิงก็หายไปเหมือนกัน ……”น้ำเสียงของพี่ส้มยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบาลง
เขาวางสายโทรศัพท์ทันที แล้วโทรไปหาขวัญตา ในสายมีเสียง “ตู๊ดๆๆ”ดังขึ้นไม่หยุด แต่ไม่มีคนรับสายสักที จนกระทั่งสายถูกตัดไปเองอย่างอัตโนมัติ โทรติดๆกันหลายครั้งก็ยังคงเป็นอย่างนี้
มีข้อความของหมอกส่งมาในมือถือ “คุณผู้ชาย ผมเจอบันทึกวิดีโอจากกล้องที่กำลังจะเสียครับ”
มุมหนึ่งของกำลังทางด้านหลังเป็นสนามหญ้าที่ไม่ได้ใช้การอะไร ไม่มีใครดูแลเป็นปีๆแล้ว ฉะนั้นกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้รับการดูแลมานานเป็นปีแล้วเช่นกัน ปกติแล้วต้องรื้อถอนช่วงปลายปี คิดไม่ถึงว่าจะบันทึกภาพไว้ได้พอดี
คลิปวิดีโอนั้นค่อนข้างมัว บันทึกได้เพียงภาพมุมหนึ่งของข้างกำแพง เงาร่างบอบบางของผู้หญิงสองคนปรากฏขึ้นในจอ แม้จะจับภาพบริเวณใบหน้าของทั้งสองคนไม่ได้ แต่ก็ยังคงสามารถมองออกว่าสองคนนี้ก็คือขวัญตากับอัญมณี
ในคลิปทั้งสองคนหยุดฝีเท้าลง เหมือนกำลังพูดคุยอะไรกัน จากนั้นด้านนอกกำแพงก็มีร่างของคนแปลกหน้าสองคนปรากฏขึ้นดันตัวอัญมณีกับขวัญตาให้พ้นจากกำแพง
เขาหยุดคลิปวิดีโอทันที จับภาพหน้าจอแล้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ในมุมหนึ่งของกล้องมีใบหน้าเรียวยาวครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มปรากฏขึ้น
ธีทัตรู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้ นึกทบทวนถึงเพื่อนๆของขวัญตากับอัญมณีทั้งหมด ทันใดนั้นในสมองเขามีชื่อๆหนึ่งผุดขึ้นมา
พยัคฆ์
เป็นพยักฆ์ที่เป็นผู้ติดตามญาธิดา
เขารีบสั่งการให้หมอกไปสืบความเคลื่อนไหวของญาธิดาในช่วงนี้ทันที และเพิ่งรับรู้ว่าไม่กี่วันก่อนญาธิดาเคยมาหาเธอที่บ้านกรเวช แต่ถูกขวัญตาดึงตัวเอาไว้ซะก่อน
“ขวัญตา เธอกล้าหลอกฉัน”เขาโยนมือถือไปยังเบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างแรง จากนั้นนิ้วมือทั้งสิบก็กำลังพวงมาลัยไว้แน่น ในแววตามีความแค้นอย่างเต็มเปี่ยม
ล้อของรถยนต์ที่เสียดสีกับพื้นถนนเสียงดังแหลมบาดหู รถเก๋งสีเมทัลลิกหักโค้งอย่างอันตรายบริเวณสี่แยกกลางถนน ขับมุ่งไปยังคฤหาสน์ของบ้านสถิรานนท์อย่างรวดเร็ว
ป้าจันทร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างร้อนรน มองญาธิดาและภวินท์พร้อมกับรายงานว่า “คุณผู้หญิง คุณธีทัตรอคุณอยู่ด้านนอก สีหน้าเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่เลย”
ญาธิดาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าเขาต้องมา เหมือนที่ภวินท์เคยบอกเอาไว้ พวกบอดี้การ์ดของบ้านกรเวชนั้นไม่ธรรมดา ไม่ช้าพวกเขาก็ต้องสืบหาจนเจอ ไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น
“ฉันรู้แล้ว ให้เขารอฉันอยู่ที่หน้าประตู อย่าปล่อยเขาเข้ามาเด็ดขาด“
ระหว่างที่พูดญาธิดาก็ลุกขึ้นยืน ภวินท์ที่อยู่ข้างๆเธอรีบคว้าแขนเธอไว้ทันที “ผมจะไปกับคุณ”
เธอส่ายหน้า “คุณรอฉันอยู่ที่นี่ ตอนนี้ทุกอย่างต้องคิดถึงอันอันเป็นหลัก การปรากฏตัวของคุณจะทำให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นเสียเปล่า เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะใช้ไม้แข็งพาตัวอันอันกลับไป”
ภวินท์นิ่งขรึมไปเล็กน้อย ค่อยๆคลายมือ มองเธอเดินออกไปจากห้องรับแขก จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปยังระเบียงบ้าน สีหน้าเย็นชาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่หน้าประตูคฤหาสน์
เดิมทีสีหน้าของธีทัตนั้นเคร่งขรึมจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีที่เห็นญาธิดา สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
“ธิดา”
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยื่นมืออยากจะคว้าแขนของเธอ คิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะเบี่ยงตัวเล็กน้อย หลบการเคลื่อนไหวของเขา“คุณธีทัตมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ได้ยินคำว่า“คุณธีทัต” ธีทัตไม่ได้โมโหอะไร สีหน้าดูแล้วกลับมีแววขมขื่นอยู่บ้าง “ระหว่างพวกเราต้องผิดใจกันถึงขั้นนี้เชียวเหรอ”
เห็นท่าทีของเขา ท่าทีของญาธิดาก็ค่อยๆอ่อนโยนลง
“ธีทัต ฉันแต่งงานกับภวินท์แล้ว ฉันกับคุณสมควรต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญอะไร พวกเราไม่ควรพบกัน เพราะว่าบริษัทของคุณกับ STN Groupเป็นคู่แข่งกัน”
มือที่ยื่นค้างอยู่กลางอากาศของธีทัตตกลงข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง หลังจากควบคุมอารมณ์ให้นิ่งแล้ว ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆว่า “ผมรู่ว่าคุณพาอันอันมา ผมมารับเธอกลับบ้าน ”
“กลับบ้าน”ญาธิดายิ้มเย็น “ที่แท้บ้านกรเวชเป็นบ้านของเธอ หรือเป็นกรงที่ใช้ขังเธอกันแน่”
ธีทัตได้ยินดังนั้น ก็กำมือทั้งสองข้างไว้แน่น จากนั้นก็ค่อยๆคลายออก
เขาทำใจที่จะบันดาลโทสะกับญาธิดาไม่ได้ แม้กระทั่งการเผชิญต่อคำถามของเธอเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไรดี
ไฟโทสะในใจของเขานั้นลุกโชนและพุ่งเป้าไปที่คนๆเดียวเท่านั้นขวัญตา
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ญาธิดาจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง
“ฉันไม่มีทางส่งอันอันคืนให้คุณแน่ ถ้าหากคุณจะมาชิงตัวเธอ ฉันก็พร้อมตั้งรับเสมอ”น้ำเสียงของญาธิดากระแทกกระทั้น
เห็นเธอทำหน้าตึงเครียดให้กับตนเอง ธีทัตก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ“ทำไมคุณต้องมองผมเหมือนเป็นศัตรูด้วย ในใจของคุณเห็นผมเป็นพวกสารเลวมากหรือไง”
“ใช่”สายตาเรียบเฉยของเธอกวาดมองใบหน้าที่เจ็บปวดของเขา
“ผมเป็นพี่ชายแท้ๆของอันอัน ผมไม่มีวันทำร้ายเธอ ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะหวังดีกับเธอทั้งสิ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมรักและเอ็นดูอันอันแค่ไหน คุณรู้ดีกว่าใครๆ”
เสียงของเขาฟังดูร้อนใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าร้อนใจที่จะอธิบายเรื่องนี้กับญาธิดา หรือว่าร้อนใจที่อยากจะเปลี่ยนความคิดในใจของญาธิดาที่มีต่อเขาในตอนนี้
“ผมเป็นพี่ชายแท้ๆของอันอัน ผมไม่มีวันทำร้ายเธอ ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะหวังดีกับเธอทั้งสิ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมรักและเอ็นดูอันอันแค่ไหน คุณรู้ดีกว่าใครๆ”
“หวังดีกับเธอเหรอ”น้ำเสียงของเธอแฝงแววโมโหอย่างเห็นได้ชัด ก้าวไปข้างหน้าเขาสองก้าว ยัดมือถือที่มีคลิปจากกล้องวงจรปิดไปที่มือของเขา “นี่คือความรักที่คุณมีต่ออันอันอย่างงั้นเหรอ”
ธีทัตไม่เข้าใจ สายตามองลงไปยังคลิปวิดีโอ เป็นภาพของอัญมณีกับอันอันที่กำลังทะเลาะกันในห้องรับรอง
บาดแผลบนแขนของอัญมณีสะท้อนเข้ามาในสายตาจนทำให้รู้สึกกลัวจับใจ เธอหดหู่จนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว แต่ปากยังคงเรียกขานพี่ชายของตนเองเหมือนเดิม ในระหว่างที่อาการกำเริบ ในสมองมีแต่พี่ชายที่เคยสุภาพอ่อนโยนเท่านั้น
เสียงร่ำไห้และเสียงพึมพำแทบจะขาดใจของเธอราวกับหมัดหนักๆ ที่กระแทกไปยังใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สีหน้าตกตะลึงของธีทัตยิ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่รอให้ดูคลิปจนจบก็ปิดหน้าจอมือถือ “ทำไมอันอันถึงกลายเป็นแบบนี้ ”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคนที่เป็นพี่ชายที่แสนดีอย่างคุณ คุณทำอะไรกับน้องสาวที่เดิมทีเป็นคนสดใสร่าเริงให้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้”น้ำเสียงและท่าทีของญาธิดาเต็มไปด้วยความเป็นอริ
ธีทัตหลุบตาลง สุดท้ายก็คืนมือถือให้เธอ ในน้ำเสียงมีแววโล่งใจอยู่บ้าง “ช่วงนี้ต้องรบกวนคุณช่วยดูแลอันอันแทนผมด้วย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมจะรับผิดชองเอง รอให้เธอหายดีแล้วผมจะขอโทษเธอด้วยตัวเอง”
ญาธิดาได้ยินประโยคนี้ จิตใจที่อริของเธอก็ค่อยๆอ่อนลง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญคุณธีทัตกลับไปเถอะ คุณไม่สมควรจะมาบ้านกรเวช”
เธอพูดจบก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องรับแขก ทิ้งให้ธีทัตยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์คนเดียวเป็นเวลานาน
ทั้งๆที่เขามาหาญาธิดาเพื่อทวงคนคืน เขามาเพื่อซักไซ้เอาความแท้ๆ
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับญาธิดาตรงๆ สิ่งที่คิดไว้ในใจก็พลันสลายหายไปทันที แม้แต่คำพูดที่รุนแรงก็ไม่กล้าที่จะพูดกับเธอ
คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เอาความเกลียดชังรุนแรงที่ถูกปิดบังไว้ในใจ ไปลงที่ตัวของขวัญตาเพียงคนเดียว
ขวัญตาที่อยู่ในศาลามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจเหลือเพียงความอ้างว้าง
เป็นอย่างที่คิด สถานะของญาธิดาในใจของเขานั้นพิเศษกว่าใคร ผู้ชายคนนั้นที่มักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองต่อหน้าเธอไม่ได้อยู่บ่อยๆนั้น เวลาที่เผชิญหน้ากับญาธิดา กลับอบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ