ดวงใจภวินท์ - บทที่ 722 ทำตามแผนการ
“เหมือนที่พูดกันบ่อยๆว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เขาก็แค่เล่นเกมพรางตากับทุกคนเท่านั้น คนยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ที่เขตฟ้ารุ่งเป็นการชั่วคราว ”อลิสาเคาะไปยังจุดที่อยู่บนพื้นที่แรงๆ
คิ้วที่ขมวดแน่นของภวินท์ค่อยๆคลายออก เอ่ยเสียงขรึมว่า “ตามความเห็นของคุณหมอ สิงโตน่าจะซ่อนตัวอยู่ตรงไหน”
“ห้องใต้ดิน ”น้ำเสียงของเธอมั่นใจมาก “พวกคุณมีหูมีตาอยู่ทั่วทุกที่ แค่หน้าต่างเพียงบานเดียวก็อาจจะเปิดเผยตัวเขาได้ ยิ่งเป็นที่ที่มิดชิดไม่มีช่องลมใดๆ ก็ยิ่งมีโอกาสหาตัวเขาได้ยากขึ้น ”
หลุยส์ส่ายหน้าติดๆกัน “สิงโตเป็นพวกอยู่ดีกินดีมาตลอด เขามีนิสัยหยิ่งยโส น่าจะไม่มีทางยอมอยู่ในห้องใต้ดินแน่”
อลิสาได้ยินดังนั้น ก็ค้อนให้เขาอย่างหมั่นไส้แวบหนึ่ง “เขาอยู่ในคุกตั้งนาน คงลืมการกินดีอยู่ดีไปนานแล้ว อีกอย่าง นายจะเลือกสะสมกำลังเพื่อแก้แค้น หรือว่ายินดีจะเสพสุขชั่วครั้งชั่วคราว”
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะแตะเขาใต้โต๊ะหนึ่งที ส่งสัญญาณให้เขาอย่าพูดจาเหลวไหล จากนั้นจึงพูดเสียงต่ำว่า“จับตัวสิงโตคนเดียวก็ว่ายากแล้ว ตอนนี้ยังมีชยินเพิ่มขึ้นมาอีกคน”
“พวกเขาวางสายสอดแนมในกรมตำรวจ ทำไมพวกเราจะวางสายของเรากลับบ้างไม่ได้”สายตาของอลิสามีแววเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา
“ชยินคงไม่โง่ไปเจอสิงโตด้วยตนเอง สิงโตต้องการสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันไม่ขาด ทั้งสองคนจำเป็นต้องมีคนคอยเชื่อมต่อเพื่อส่งข่าวสาร จับคนคนนี้ให้ได้ก็พอ”พูดจบเธอก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมั่นใจให้กับญาธิดา “คนคนนี้มอบให้เป็นหน้าที่ฉันก็พอ”
จรณ์ที่เงียบอยู่นานเอาวิทยุสื่อสารขึ้นมาทันที สั่งการเสียงเย็น “ตรวจสอบบันทึกการเช่าห้องใต้ดินในเขตฟ้ารุ่งในช่วงไม่กี่วันมานี้ อีกอย่างให้เพิ่มคนคอยเฝ้าสังเกตคนที่เข้าออกห้องใต้ดินทุกห้อง ถ้าพบคนน่าสงสัยให้รีบรายงานทันที และอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นอย่างเด็ดขาด”
ภวินท์รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง สายตาเคร่งขรึมมองไปทางเขา “ช่วงนี้ฉันจะอยู่ที่Rambler Clubhouseเพื่อช่วยหลุยส์อย่างลับๆ ถึงเวลาสำคัญค่อยออกมาล่อศัตรู ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของธิดากับลูกทั้งสองคนเป็นหลัก ”
จรณ์พยักหน้า “จุดนี้นายวางใจได้”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ญาธิดากำมือขึ้นมาเบาๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันอยากขอร้องเรื่องที่ไม่ควรเรื่องหนึ่ง ฉันอยากจะให้อีธานกับเอลล่าอยู่ที่ozone ที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด คุณต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องลูกของฉัน”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ขอแค่ผมยังมีชีวิตอยู่……”จรณ์หลุบตาลง “แล้วคุณล่ะ”
“วินจะอยู่ที่Rambler Clubhouse บ้านสถิรานนท์จะไม่มีคนดูแลไม่ได้ อันอันต้องการคนดูแล พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต้องได้รับการปกป้อง STN Groupและบริษัทลูกยังต้องดำเนินการต่อไป ฉันจำเป็นต้องกลับไปรับผิดชอบหน้าที่นี้”
ตอนที่ญาธิดาพูดประโยคนี้ ในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ ที่เธอรับงานเหล่านี้ก็เพียงเพื่อไม่อยากจะให้ภวินท์ต้องเสียสมาธิเท่านั้น แต่เธอไม่รู้เลยว่าจะสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ให้สำเร็จได้หรือไม่
อลิสามองความกังวลในใจของเธอออก เขยิบเข้าไปใกล้เธอ พูดยิ้มๆว่า “ช่วงนี้ให้ฉันไปอยู่ที่บ้านพักด้วยดีไหม มีเรื่องอะไรฉันจะได้ช่วยคุณรับมือ”
ญาธิดาได้ยินแล้ว ก็ส่งสายตาซาบซึ้งใจให้เธอ เธอแลบลิ้นออกมา น้ำเสียงขี้เล่น “หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจว่าฉันขวางมือขวางเท้านะ”
บรรยากาศเคร่งขรึมในห้องโถงถูกเสียงพูดคุยของเธอทำให้ค่อยๆสลายไป หลังจากที่จรณ์ได้มอบหมายหน้าที่ของทุกคนอย่างคร่าวๆแล้ว ก็ให้ทุกคนไปพักยังห้องนอนแขกของozone
จรณ์เพิ่งจะออกไป สีหน้าของหลุยส์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที คว้าแขนของอลิสาเอาไว้ ตะคอกด้วยเสียงไม่พอใจว่า “คุณมากับผมเดี๋ยวนี้เลย”
“ทำไม หลุยส์นี่นายเป็นบ้าหรือยังไง……”น้ำเสียงของเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งห่างออกไป เงาของทั้งสองคนหายไปในโถงใหญ่
ภวินท์นวดมือที่อ่อนนุ่มของเธอ ยัดของสิ่งหนึ่งที่เย็นเฉียบไว้ในฝ่ามือของเธอ
“นี่มัน……”ญาธิดานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย มองดูเข็มกลัดเล็กๆในมืออย่างไม่เข้าใจ
เข็มกลัดเป็นสีดำ ดูแล้วเหมือนกระดุมที่ถูกเย็บไว้บนเสื้อธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ด้านหลังมีตัวยึดเล็กๆติดเอาไว้ด้วย
ตัวยึดติดนี้ไม่ได้อ่อนเหมือนลวดหนีบทั่วไป กลับทั้งแข็งและเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าทำมาจากวัสดุพิเศษ
“นี่เป็นอุปกรณ์สื่อสารที่หัวหน้าของจรณ์มอบให้ผมเป็นการส่วนตัว มันสามารถติดต่อกับหน่วยพิเศษที่ชื่อว่าผู้พิทักษ์เงาดำได้ ขอเพียงส่งสัญญาณให้พวกเขา พวกเขาจะรับรองความปลอดภัยให้คุณ แต่อย่าใช้ง่ายๆเด็ดขาด”
ญาธิดายิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ใบหน้าของเขามีแววจนใจผุดขึ้นมา แต่สายตากลับอบอุ่นขึ้น อธิบายเรื่องของเครื่องสื่อสารให้เธอฟังอย่างอดทน
สิบสองปีก่อน ครั้งแรกที่ภวินท์เข้ามาฝึกในองค์กร เจอสถานการณ์ที่ฐานที่มั่นของจรณ์ถูกแก๊งต่างชาติเล็งเป็นเป้า อีกฝ่ายร้ายกาจกว่าและฉลาดกว่าสิงโตในตอนนี้มาก
เขาอาศัยว่าตนเองนั้นเป็นคนหน้าใหม่ อาศัยโอกาสเข้าไปอยู่ในฐานที่มั่นของอีกฝ่าย ปกป้องจรณ์ที่กำลังจะตายเอาไว้ได้ จากนั้นคนกลุ่มนั้นก็ถูกจับ เขาและจรณ์ต่างก็ได้รับเครื่องสื่อสารที่ไม่เหมือนกันคนละเครื่อง
เข็มที่ติดอยู่เครื่องสื่อสารเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่หน่วยหลักพัฒนาขึ้นมา ขอแค่สัมผัสถูกเสื้อผ้า มันก็จะติดแน่นไปกับเนื้อผ้าทันที อีกทั้งยังมีขนาดที่ใช้หลบซ่อนได้ง่ายมาก นอกเสียจากจะใช้วิธีการพิเศษในการแกะออก ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถถอดออกได้
คนอีกฝั่งที่เขาเรียกว่า“เงา” เป็นหน่วยพิเศษที่ทางหน่วยหลักทำการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจำนวนสิบคน การจัดตั้งหน่วยเช่นนี้ลำบากมาก ฉะนั้นประเทศที่ใหญ่ขนาดนี้มีเครื่องสื่อสารเพียงเจ็ดเครื่องเท่านั้น เป็นหน่วยพิเศษที่หาได้ยากมาก
พวกเขาก็เหมือนคนธรรมทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่รอบๆตัวพวกเรา ถูกวางตัวให้ใช้ชีวิตตามตำแหน่งของเครื่องสื่อสาร จากนั้นก็คอยดูแลความปลอดภัยของคนที่มีเครื่องสื่อสาร
ญาธิดายิ่งฟัง คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น สุดท้ายก็ยัดเครื่องสื่อสารกลับไปที่มือของเขา“ของสิ่งนี้ฉันรับไว้ไม่ได้ มันเป็นเกราะป้องกันชั้นสุดท้ายของคุณ ฉันไม่ต้องการของสิ่งนี้”
“ธิดา คุณต่างหากที่เป็นเกราะป้องกันชั้นสุดท้ายของผม ”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมีเสน่ห์ ดังกังวานอยู่ภายในห้องโถง
ญาธิดารู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่กล้าจะเงยหน้าสบตากับภวินท์ ในใจเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เธอคุ้นเคยกับการมีภวินท์คอยปกป้องอยู่ข้างกาย และคุ้นเคยกับการพึ่งพาความรู้สึกปลอดภัยที่ได้รับจากเขา ตอนนี้เธอต้องตั้งหลักเผชิญกับทุกสิ่งด้วยตนเองอีกครั้ง หัวใจทั้งอัดอั้นทั้งกระวนกระวาย ได้แต่ภาวนาเงียบๆในใจให้แผนการสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เธอกลัวว่าภวินท์จะมองเห็นความผิดปกติ แอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามสะกดความกระวนกระวายในใจเอาไว้ พึมพำเสียงต่ำว่า “พรุ่งนี้จะทำตามแผนการที่วางไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องมีชีวิตรอดให้ได้”
ภวินท์ตอบรับเสียงเบา ฝากจุมพิตบางเบาไว้บนหน้าผากของเธอ
เธอรับรู้ถึงดวงตาของตนเองที่อุ่นรื้นขึ้น รีบหันหน้าไปทางอื่นทันที สูดจมูกแล้วพูดอย่างเร่งเร้าว่า “คุณไปปลอบอีธานกับเอลล่าที่ห้องเด็กหน่อยเถอะ คุณไปบอกกับพวกเขาเองว่าต้องจากไปสักพัก พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยกว่า ”
อีธานกับเอลล่าถูกส่งมาอยู่ที่ozoneโดยที่ไม่รู้สาเหตุ น่าจะเกิดการคาดเดาต่างๆในใจ ฉะนั้นเธอจึงไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้กับลูกๆทั้งสองคน
ในใจของพวกเขานั้นภวินท์เป็นพ่อที่ทำได้ทุกอย่าง ฉะนั้นให้เขาเป็นคนไปคุยเรื่องนี้ เด็กทั้งสองคนจะยิ่งเข้าใจถึงสถานการณ์ที่รุนแรงในตอนนี้ง่ายขึ้น
เขาได้ยินแล้วก็ลุกขึ้น หันหลังให้เธอแล้วเดินจากไป ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าในกระเป๋าเสื้อมีสิ่งของชิ้นเล็กๆตกลงไปอย่างรวดเร็ว เครื่องดักฟังตกลงไปด้านล่างของกระเป๋า ดูดติดกับเนื้อผ้าทันที