ดวงใจภวินท์ - บทที่ 725 ยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอ
บทที่ 725 ยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอ
คณินพูดกับตัวเองในใจว่า“น่าสนใจ ” จากนั้นก็เดินไปข้างตัวเธอ ดีดนิ้วส่งสัญญาณให้กับบาร์เทนเดอร์ “เอาค็อกเทลให้คุณผู้หญิงคนนี้หนึ่งแก้ว”
“คงต้องทำให้คุณผิดหวังซะแล้ว ฉันไม่เคยดื่มของที่ไม่มีระดับจำพวกนั้น”ริมฝีปากแดงสวยของหญิงสาวโค้งขึ้นด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดึงเนกไทของเขาทันที
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนถูกดึงให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่กำลังสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกันการกระทำนั้นก็หยุดลง ดวงตาของเธอมีเสน่ห์ ตะคอกเสียงต่ำว่า“ฉันไม่ได้ออกมาขาย อย่ามาอยู่ให้รกสายตาฉัน ”
พูดจบ เธอก็คลายมือที่เกี่ยวเนกไทเอาไว้ จากนั้นก็ผลักไหล่ของคณินออกทันที
คณินยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกผลักออกซะแล้ว ในใจนอกจากจะมีความรู้สึกผิดหวังโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว ยังมีความโมโหที่มากยิ่งกว่า
เขาไม่เคยเสียหน้าให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นคนแรก
“ไม่ได้ออกมาขาย ไหนคุณลองว่ามาซิ ผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาจะใส่ชุดแบบนี้ออกมาอ่อยผู้ชายกัน”
เขาคว้าแขนของหญิงสาวไว้ทันที จากนั้นก็ดึงเข้ามาในอ้อมอก กัดฟันพูดขึ้นว่า “ก็อยากจะหาเงินไม่ใช่เหรอ ผมมีเงินนะจะบอกให้”
หญิงสาวนิ่งอึ้ง จากนั้นสีหน้าทั้งอายและทั้งโกรธ เธอพยายามจะดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการของคณิน แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้อยู่ดี
ขณะเดียวกัน ค็อกเทลที่คณินสั่งให้เธอก็ถูกเสิร์ฟออกมาพอดี ถูกบาร์เทนเดอร์วางไว้บนเคาร์เตอร์บาร์
ในแก้วที่ใสเป็นประกายมีของเหลวสีชมพูเข้มบรรจุอยู่ เข้ากับรูปร่างของแก้วเหล้า ราวกับดอกโบตั๋นตูมที่กำลังจะเบ่งบาน แต่ก้นแก้วกลับมีของเหลวหนืดสีแดงเลือดนอนก้นอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนของเหนียวหนืดสกปรก
คณินจ้องมองค็อกเทลแก้วนั้นเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ถามเสียงขรึมว่า “เหล้าแก้วนี้เหมือนคุณมากใช่ไหม ภายนอกงดงามหยดย้อย แต่ที่จริงแล้วข้างในขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง”
“คุณ……”สายตาของหญิงสาวมีแววแห่งความขุ่นเคืองวาบผ่าน ยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกจับเอาไว้คว้าแก้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเทค็อกเทลแก้วนั้นลงบนหน้าเขาทันที
คณินถูกเหล้าสาดที่ใบหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังของฝ่ามือจึงคลายลงเล็กน้อย หญิงสาวใช้โอกาสนี้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา ถอยไปด้านหลังสองก้าว ใบหน้าเผยความหยิ่งยโสออกมาอีกครั้ง “เหล้าแก้วนี้ถือว่าฉันเลี้ยงคุณแล้วกัน”
หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยสายตาถมึงทึง กำลังเตรียมจะเดินจากไป ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมขึ้นมาว่า “เหล้าที่พวกเขาดื่มฉันเป็นคนจ่ายเอง คุณคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบคนหน้าเหม็นอย่างคุณหรือไง”
ว่าไงนะ เธอเป็นคนจ่ายเหรอ
คณินใช้มือลูบเหล้าเหนียวหนืดที่ติดอยู่บนใบหน้าลวกๆ มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หญิงสาวมีความสุขกับสายตาตกตะลึงของเขามาก อดไม่ได้ที่จะทำเสียงในลำคอ แล้วเชิดหน้าขึ้น “ฉันเคยบอกแล้ว ฉันไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิด คุณก็เล่นผู้หญิงของคุณ ฉันก็เล่นกับผู้ชายของฉัน พวกเราต่างก็ออกมาใช้เงิน ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ”
ญาธิดาพยายามเบียดตัวเข้ามาจากกลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอยู่อย่างเมามันด้วยความยากลำบาก ยังไม่ทันได้ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เอ่ยกับหญิงสาวคนนั้นด้วยเสียงหอบหายใจแรง “ต้องขออภัยคุณด้วยนะคะ ฉันขอโทษแทนเขาด้วย เขาก็แค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะล่วงเกินคุณนะคะ”
พอได้ยินเสียง หญิงสาวก็เดินเข้ามามองเธออย่างวิเคราะห์ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “คุณญาธิดา?”
หลังพูดจบแล้ว ทั้งสามคนต่างก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ ยังคงเป็นคณินที่ได้สติกลับมาก่อน รีบสั่งให้พนักงานบริการไปเตรียมห้องVIPที่เป็นส่วนตัวห้องหนึ่ง
ในห้องส่วนตัว ญาธิดาเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย มองไปยังคณินที่นิ่งอยู่ด้านซ้ายสุดของห้อง แล้วมองไปยังหญิงสาวแปลกหน้าที่นั่งอยู่ทางด้านขวาสุดของห้อง รู้สึกลำบากใจมาก
จะนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้คงไม่ใช่ทางออก เธอฝืนใจทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดขึ้นมา “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณรู้จักฉันด้วยหรือคะ”
ขณะที่หญิงสาวเผชิญหน้าเธอ เธอดูเรียบร้อยมากเก็บความร้ายกาจไว้จนมิดชิด พยักหน้าและตอบรับว่า“ใช่ค่ะ คุณญาธิดาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองJ คนในวงการธุรกิจคนไหนจะไม่รู้จักบ้าง”
หัวใจของญาธิดาเต้น “ตูมตาม ” ปฏิกิริยาแรกคือหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้จะเที่ยวไปโพนทะนาหรือไม่ เรื่องที่เธอกับคณินมาที่บาร์ ถ้าหากถูกภวินท์รู้เข้า ก็คงเกิดเรื่องที่จบไม่สวยแน่นอน
“คุณคงเข้าใจผิดแล้ว พวกเราสองคนมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ คุณก็รู้ ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ
หญิงสาวทำเสียงฮึในลำคอเบาๆ สายตาดุดันมองไปทางคณิน “ฉันไม่มีทางสงสัยในคำพูดของคุณ แต่คุณบอกว่านายนี่มาคุยธุรกิจ ใครจะเชื่อ”
คณินที่เดิมทีนั่งอยู่เงียบๆพอได้ยินคำพูดประโยคนี้เข้า ก็เดือดดาลขึ้นมาทันที“นี่คุณจะพูดจาดีๆไม่ได้เลยหรือไง ผมก็เป็นคนจริงจังนะ”
“คุณเหมือนคนจริงจังตรงไหน คนจริงจังที่ไหนจะเที่ยวหลีสาวไปทั่ว”หญิงสาวรีบเถียงกลับทันที
“ก็คุณใส่ชุดแบบนั้น ใครเห็นก็คงอดใจไม่ไหวอยากเข้าไปทักทาย ครั้งหน้าคุณก็ใส่เสื้อแจ็คเก็ตออกมา ผมจะดูซิว่ายังจะมีใครสนใจคุณไหม”
เห็นว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอีกแล้ว ญาธิดารีบเข้าไปห้ามศึกทันที สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ยื่นหนังสือสัญญาพี่เพิ่งตกลงกันในขั้นแรกให้ผู้หญิงตรงหน้าดู
หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจว่า“นี่พวกคุณมาคุยเรื่องธุรกิจกันจริงๆเหรอ ……”
ระหว่างที่พูด สายตาของเธอก็มองไปยังชื่อบริษัทที่อยู่บนเอกสาร แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างรังเกียจ “บริษัทข้ามชาติJV นี่มันเกลียดอะไรก็ได้พบอย่างนั้นจริงๆ พอคนจะเฮงซวยแค่ดื่มน้ำก็สำลักได้ ”
เสียงสบถเบาๆของเธอไม่ได้รอดพ้นจากการได้ยินของคณิน เขารีบยืนขึ้นเดินไปตรงหน้าของเธอ ถามอย่างไม่พอใจว่า “คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่ชอบ”หญิงสาวทำเสียงสูง “คุณก็เหมือนกับประธานบริษัทของคุณ ไม่ใช่คนดีอะไร”
สายตาของญาธิดาสอดส่ายไปมาระหว่างทั้งสองคน ยิ่งไกล่เกลี่ยก็ยิ่งวุ่นวาย
ประธานบริษัทข้ามชาติJVก็หมายถึงคณินไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วไม่พอใจในตัวคณินเป็นอย่างยิ่ง แต่พอเจอกับเจ้าตัวกลับไม่รู้จักซะอย่างนั้น
คณินถูกด่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สีหน้าก็ขรึมลงทันที เพิ่มแรงที่มือมากขึ้น กัดฟันพูดข่มว่า “อย่าให้ผมสืบจนรู้นะว่าคุณเป็นใคร ไม่อยางนั้นคุณน่าดูแน่”
“สืบเรื่องฉัน”
หญิงสาวเอียงหน้าไปมองสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหของเขา มุมปากมีรอยยิ้มหยอกล้อ เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คนโง่อย่างคุณยังอยากจะสืบเหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันจะบอกให้คุณก็ได้ ฉันอัญรินทร์ ลูกสาวของประธาน YS Group ”
ไม่รู้ทำไม เมื่อคณินได้ยืนชื่อนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เหมือนกับพบสิ่งที่น่ากลัวอะไรบางอย่างเข้า สะบัดมือของอัญรินทร์ทิ้งทันที
สีหน้าของอัญรินทร์ได้ใจสองแขนกอดอก เชิดคางขึ้นมองเขา “คุณจะทำอะไรฉันได้ ”
ญาธิดาเห็นปฏิกิริยาของเขา ก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจ แต่รู้สึกว่าชื่ออัญรินทร์คุ้นหูจริงๆ เหมือนว่าช่วงนี้เธอจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าใครเคยเป็นคนเอ่ยขึ้นมา
ทันใดนั้น ในสายตาของเธอก็มีแววตกตะลึงวาบขึ้นมา เผลอยกมือขึ้นปิดปากไว้แน่น
YS Group คุณรีน ? อัญรินทร์?!
นั่นมันคู่หมั้นของคณินที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนไม่ใช่เหรอ
เห็นได้ชัดว่าคณินกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว ในขณะเดียวกันก็เกิดความคิดที่อยากจะหนีขึ้นมาทันที“ธิดา เรื่องสัญญาพวกเราไว้คุยกันวันหลังนะ ผมต้องไปก่อนล่ะ ”
เขาพูดแล้วก็ก้าวเท้าวิ่งทันที เพิ่งจะวิ่งได้สองก้าวก็หยุดลงอย่างกะทันหัน หันกลับไปคิดจะดึงเอกสารสัญญาที่อยู่ในมือของอัญรินทร์
“ก่อเรื่องแล้วอยากจะหนีอย่างงั้นเหรอ”อัญรินทร์กำเอกสารในมือไว้แน่น ทำปากจู๋อย่างไม่พอใจ แต่กลับดูน่ารักขึ้นหลายส่วน