ดวงใจภวินท์ - บทที่ 727 สายโทรศัพท์ที่น่าสงสัย
บทที่ 727 สายโทรศัพท์ที่น่าสงสัย
อลิสารู้ดี อัญมณีไม่มีทางยอมรับง่ายๆว่ายังห่วงหาพี่ชายของตน ดังนั้นเธอจึงข้ามหัวข้อนี้ไป หันไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นแทน
อัญมณีเอ่ยพูดอย่างกล้ำกลืน “ฉันติดต่อพี่ไม่ได้เลย ฉัน…..”
ดวงตาของเธอทอแววเจ็บปวด ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมหัวโดยอัตโนมัติ ราวกับไม่อยากกลับไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว
“ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่คุณเจอมา คิดซะว่าเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฉันฟังก็ได้” อลิสารีบนวดให้เธอผ่อนคลาย ใช้น้ำเสียงอ่อนนุ่มราวขนนกร่วงลงบนพื้น
เธอพลันรู้สึกสบายใจ ค่อยๆขยับเข้าไปพิงไหล่ของอลิสา เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ฉันก็แค่อยากโทรหาพี่ แต่เขาไม่รับสาย คนใช้เป็นคนรับแทน พี่ขวัญ…..”
เกิดอะไรขึ้นกับขวัญตาอย่างนั้นเหรอ?
ขมับของญาธิดาเต้นตุบๆ เรื่องราวมากมายต่างถาโถมเข้ามาจนทำให้เธอรู้สึกหนักหัวไปหมด ไม่รู้ว่าปกติภวินท์รับมือกับเรื่องราวซับซ้อนพวกนี้ได้ยังไง
“เหมือนพี่จะขังพี่ขวัญเอาไว้ ฉันได้ยินพี่ขวัญตะโกนว่า ‘ปล่อยฉันออกไป’ ฉันได้ยินเสียงเธอกรีดร้อง แล้วก็ได้ยินพี่ส้มโทรหาหมอประจำตระกูล ฉันกลัวมาก กลัวมากจริงๆ” ร่างกายซูบผอมของอัญมณีสั่นไหวระริก
ญาธิดาสบตากับอลิสาจากนั้นก็รีบลุกขึ้น แทบไม่ได้สนใจแผลบนมือ หยิบได้กระเป๋าก็เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหมอ ฝากอันอันด้วยนะ ฉันจะไปตระกูลกรเวช”
ขวัญตาต้องมาตกอยู่ในมือของธีทัตก็เพราะเธอกับอันอัน ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับขวัญตา เธอจะนั่งมองอยู่เฉยๆไม่ได้
อลิสาพยักหน้าให้อย่างแน่วแน่ “เรื่องที่นี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง มีเรื่องอะไรฉันจะโทรหาเธอทันที”
มีอลิสาคอยควบคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่ เธอจึงอุ่นใจพอสมควร จากนั้นก็หันไปเรียกคนขับรถที่จรณ์ส่งมาติดตามเธอ ขับตรงไปที่ตระกูลกรเวช
ระหว่างทาง เธอก็เกิดลังเลขึ้นมาในใจ เอ่ยถามคนขับรถอย่างสองจิตสองใจว่า “คุณกับจรณ์น่าจะติดต่อกันแบบส่วนตัวบ่อย ทางคุณภวินท์เป็นยังไงบ้างคุณพอจะรู้ไหม?”
เธอไม่ได้ติดต่อภวินท์หลายวันแล้ว ด้านหนึ่งเพราะเธอมัวแต่ยุ่งเรื่องเซ็นสัญญาบริษัท อีกด้านหนึ่งเพราะเธอไม่อยากให้ภวินท์พะว้าะวงในเวลาแบบนี้
คนขับเงียบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “ต้องขอโทษด้วยครับคุณธิดา เรื่องแผนภายในเป็นความลับของozone เราไม่สามารถแจ้งให้คุณทราบเรื่องสภาพการณ์และความเป็นไปของใครคนใดคนหนึ่งภายในแผนได้ครับ”
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น “แล้วคุณว่า ถ้าฉันถามคุณจรณ์เอง เขาจะยอมบอกฉันตามความจริงหรือเปล่า?”
“ไม่แน่นอนครับ!” คนขับตอบกลับอย่างเฉียบขาด ไร้ซึ่งความลังเล
ญาธิดาผิดหวังเล็กน้อย รู้สึกอัดอั้นภายในใจไม่สามารถระบายมันออกมาได้ จนกระทั่งรถขับมาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลกรเวช ความรู้สึกนี้ก็ยังไม่จางหายไป
เมื่อพี่ส้มเห็นเธอยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าก็พลันเรียบตึง เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณธิดา คุณผู้ชายออกไปบริษัทแล้ว ถ้าคุณมีธุระรบกวนมาหาเขาอีกทีตอนเย็นๆ”
“ฉันไม่ได้มาหาธีทัต ฉันมาหาขวัญตา” เสียงของเธอเรียบนิ่ง
พี่ส้มยังไม่มีท่าทีว่าจะเปิดประตูให้ ทั้งยังส่งสายตากำชับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงดุดันว่า “คุณมาหาคุณขวัญตาที่บ้านกรเวช ไม่รู้สึกว่ามันน่าขำหน่อยเหรอคะ?”
ดวงตาของญาธิดาฉายแววเยือกเย็น ก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมมองสบตาพี่ส้มแน่นิ่ง ซักถามเสียงเย็นว่า “ใครให้สิทธิ์เธอทำตัวปีนเกลียวต่อหน้าฉันไม่ทราบ ธีทัตเหรอ?”
“ไม่บังอาจหรอกค่ะ” พี่ส้มไม่กล้าตาต่อตาฟันต่อฟันกับเธอ จึงหลบสายตาโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้เองญาธิดาถึงได้เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณขวัญตาคือคุณนายตระกูลกรเวช ฉันมาหาเธอที่นี่แล้วมันไม่สมเหตุสมผลตรงไหน?”
พี่ส้มกำลังจะสวนกลับ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของทั้งสองคน “ธิดา มาได้ยังไง?”
สีหน้าของพี่ส้มพลันเปลี่ยนไป รีบเข้าไปยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
ใบหน้าของขวัญตายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยแววคาดโทษ ทั้งยังส่ายหน้าให้พี่ส้มช้าๆ “ให้คุณธิดาเข้ามาข้างในเถอะ”
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชายสั่งเอาไว้ว่า…..” ใบหน้าของพี่ส้มเต็มไปด้วยความลำบากใจ รีบเอ่ยปากพูดว่า “คุณกลับไปพักผ่อนที่ห้องดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเย็นๆคุณผู้ชายกลับมาต้อนรับคุณธิดาเอง”
ขวัญตากวาดสายตาไปยังศาลาที่ตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้ จากนั้นก็ชี้ไปยังรปภ.ที่อยู่ข้างๆ “พวกนายตามมารักษาความปลอดภัยให้ฉันกับคุณธิดา ส่วนพี่ส้มจะตามมาด้วยก็ได้นะ ไม่ต้องเตรียมชากับของว่างหรอก”
เธอรู้ว่าพี่ส้มกังวลว่าเธอจะเล่นตุกติก โดยการใช้ลูกไม้ “หายตัว” อีกครั้ง อีกฝ่ายจึงตั้งท่าระแวงญาธิดา
เธอจึงตั้งใจคุยกันในศาลาที่ไม่มีมุมลับสายตา และเป็นฝ่ายออกปากบอกให้ทุกคนมายืนเฝ้าข้างๆได้ เพื่อให้พี่ส้มสบายใจ
พี่ส้มลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ผายมือ “เชิญ” ญาธิดาอย่างนอบน้อม
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่นั่งในศาลา เธอก็มองสำรวจขวัญตาอย่างละเอียด ความขุ่นข้องที่มีอยู่ในใจพลันจางหายไป
ขวัญตาผอมลงจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดีที่สุขภาพจิตใจยังดีอยู่ แก้มทั้งสองข้างใสกิ๊ง ไม่เหมือนคนถูกรังแกเลยสักนิด
“อยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง ธีทัตได้ทำอะไรให้เธอลำบากใจหรือเปล่า?” เธอเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ขวัญตารีบส่ายหน้า “เธอสบายใจได้ ธีทัตกับทุกคนที่นี่ดีกับฉันมาก พวกเขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าธาตุแท้ของพวกเขาเป็นยังไงก็เถอะ”
เมื่อหกปีก่อนญาธิดากับภวินท์เคยเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันเป๊ะๆ ตอนนั้นเธอเองก็เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรง
ต่อมาเธอถึงได้ค่อยๆลืมเรื่องนี้ไป และไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมภวินท์ต้องทำอย่างนั้น ดูท่าแล้วถ้าอยากรู้ว่าธีทัตคิดจะทำอะไรกันแน่ ก็คงทำได้แค่รอให้ภวินท์กลับมาก่อนค่อยถามได้
“เธอคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลกรเวชอย่างไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปตลอดเลยเหรอ?”
ขวัญตาได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “มีแค่เมื่อคืนเท่านั้นแหละที่จู่ๆธีทัตก็กลับมา ปกติฉันไม่ค่อยเจอเขาอยู่แล้ว เพราะงั้นอยู่ที่นี่ก็ยังถือว่าเป็นอิสระ จริงสิ ว่าแต่ทำไมวันนี้จู่ๆเธอก็มาหาฉันล่ะ?”
ญาธิดาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เมื่อวานอันอันโทรมาที่นี่ บอกว่าได้ยินเสียงเธอกับธีทัตทะเลาะกัน อันอันเลยคิดว่าทุกอย่างเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ เนื่องจากสภาพจิตใจได้รับแรงกดดันมากเกินไป เลยเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา”
“ทะเลาะ?” ความงุนงงในแววตาของขวัญตาเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ตอบกลับไปเสียงหนักว่า “ฉันไม่ได้ทะเลาะกับธีทัตนะ”
ทั้งสองมองตากัน พร้อมกันนั้นก็ปรากฏประกายเยือกเย็นบางอย่าง
ดูเหมือนว่าตระกูลกรเวชยังมีความลับอะไรบางอย่างที่พวกเธอยังไม่รู้!
“อันอันบอกว่าได้ยินเสียงกรีดร้องกับเสียงคนเรียกหมอ…..” ญาธิดาเอ่ยพูดเสียงเย็น
ขวัญตารีบกวักมือเรียกพี่ส้มเข้ามา “เมื่อคืนคุณหนูโทรเข้าโทรศัพท์บ้าน เธอเป็นคนรับใช่ไหม?”
ใบหน้าของพี่ส้มปรากฏแววงงงวย ไม่เหมือนคนกำลังโกหก “เมื่อวานมีคนโทรเข้ามาก็จริง แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นคนรับสายนะคะ ฉันมัวแต่ยุ่งเรียกหมอให้คุณกับคุณผู้ชาย ก็เลยให้คนอื่นไปรับแทน”
“งั้นรบกวนไปพาคนที่รับสายมาที่นี่หน่อย” น้ำเสียงของญาธิดาเยือกเย็นลงทันที จากนั้นก็หันไปถามขวัญตาอย่างเป็นห่วง “เมื่อคืนเธอกับธีทัตเรียกหมอมาเหรอ?”
ขวัญตาพยักหน้าเล็กน้อย